Kaspersky เผย การละเมิดความปลอดภัยข้อมูลใน APAC อันตรายเท่าการโดนแฮก

Kaspersky

แคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) เผย การละเมิดความปลอดภัยข้อมูลโดยพนักงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) อันตรายพอ ๆ กับการถูกโจรไซเบอร์แฮก…

Kaspersky เผย การละเมิดความปลอดภัยข้อมูลใน APAC อันตรายเท่าการโดนแฮก

การละเมิดนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลองค์กรโดยพนักงานนั้นอันตรายพอ ๆ กับการโจมตีของแฮกเกอร์จากภายนอก ตามการศึกษาล่าสุดจาก แคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) พบว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ต่อองค์กรธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) จำนวน 33%

เกิดขึ้นจากพนักงานที่จงใจละเมิดระเบียบการรักษาความปลอดภัย ตัวเลขนี้เกือบจะเท่ากับความเสียหายที่เกิดจากรุกล้ำความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เกิดจากการแฮก จำนวน 40% ตัวเลขของเอเชียแปซิฟิกนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกเล็กน้อยที่ 26% และ 30% ตามลำดับ เป็นที่ทราบกันดีว่า ข้อผิดพลาดของมนุษย์เป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก

ของเหตุการณ์ทางไซเบอร์ต่อองค์กรธุรกิจ แต่ก็ไม่อาจระบุแยกถูกหรือผิดได้ เนื่องสถานะของความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กรนั้นซับซ้อนกว่านั้น และมีปัจจัยอีกมากมาย ด้วยเหตุนี้ แคสเปอร์สกี้จึงได้ทำการศึกษา เพื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ด้านไอทีที่ทำงานให้กับ SME และเอ็นเทอร์ไพรซ์ทั่วโลก

เกี่ยวกับผลกระทบของพนักงานที่มีต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ของบริษัท การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มบุคลากรต่าง ๆ ที่มีผลต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ภายใน และผู้ปฏิบัติงานภายนอก โดยมีการสำรวจผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด 234 รายในเอเชียแปซิฟิก

การศึกษาของแคสเปอร์สกี้เปิดเผยว่า นอกเหนือจากข้อผิดพลาดที่แท้จริงแล้ว การละเมิดนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลโดยพนักงานเป็นหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดต่อธุรกิจต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้

Kaspersky

ผู้ตอบแบบสอบถามจากองค์กรต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิกระบุว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมาการกระทำโดยเจตนาเพื่อละเมิดกฎความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นเกิดขึ้นโดยทั้งพนักงานที่ไม่ใช่ฝ่ายไอทีและพนักงานฝ่ายไอที และระบุว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา การละเมิดนโยบายความปลอดภัยโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไอทีอาวุโส

ทำให้เกิดเหตุการณ์ทางไซเบอร์ 16% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก 4% ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีอื่น ๆ และเพื่อนร่วมงานที่ไม่ใช่ไอทีทำให้เกิดเหตุการณ์ทางไซเบอร์ประมาณ 15% และ 12% ตามลำดับ ในแง่ของพฤติกรรมของพนักงานแต่ละคน ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดคือพนักงานจงใจทำสิ่งที่ต้องห้าม และล้มเหลวในการปฏิบัติตามมาตรการ

ที่จำเป็น ผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าเหตุการณ์ทางไซเบอร์ในช่วงสองปีที่ผ่านมาจำนวน 1 ใน 4 (35%) เกิดขึ้นจากการใช้รหัสผ่านที่ไม่รัดกุม หรือไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรหัสผ่านได้ทันท่วงที ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่า 10% ของผลลัพธ์ทั่วโลกที่ 25%

อีกสาเหตุหนึ่งของการละเมิดความปลอดภัยทางไซเบอร์จำนวนเกือบ 1 ใน 3 (32%) เป็นผลมาจากการที่พนักงานในเอเชียแปซิฟิกเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย รายงานพบว่าองค์กร 25% เผชิญกับเหตุการณ์ทางไซเบอร์เนื่องจากพนักงานไม่ได้อัปเดตซอฟต์แวร์ระบบ หรือแอปพลิเคชันเมื่อจำเป็น

Kaspersky

เอเดรียน เฮีย กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า น่าตกใจที่ว่า แม้ปีนี้จะมีข่าวการละเมิดข้อมูล และการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งในภูมิภาค แต่พนักงานจำนวนมากยังคงจงใจละเมิดนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลขั้นพื้นฐาน

ผลการศึกษาล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่าตัวเลขของภูมิภาคนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่เสมอ แนวทางการทำงานร่วมกันแบบหลายแผนกเพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กรที่แข็งแกร่ง จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อแก้ไขช่องว่างด้านปัจจัยมนุษย์ที่กำลังถูกอาชญากรไซเบอร์แสวงหาประโยชน์

การใช้บริการหรืออุปกรณ์ที่ไม่พึงประสงค์เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการละเมิดนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลอย่างจงใจ บริษัทจำนวนเกือบ 1 ใน 4 (31%) ประสบปัญหาทางไซเบอร์ เนื่องจากพนักงานใช้ระบบที่ไม่ได้รับอนุญาตในการแชร์ข้อมูล พนักงานในบริษัท 25% จงใจเข้าถึงข้อมูลผ่านอุปกรณ์ที่ไม่ได้รับอนุญาต

Kaspersky
เอเดรียน เฮีย กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แคสเปอร์สกี้

ในขณะที่พนักงาน 26% ส่งข้อมูลงานไปยังอีเมลส่วนตัว นอกจากนี้ ยังมีการปรับใช้ Shadow IT หรือการใช้งานซอฟต์แวร์ที่ยังไม่ได้รับการอนุญาตจากผู้ดูแลระบบไอทีบนอุปกรณ์ทำงาน โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 15% ระบุว่าทำให้เกิดเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ การสำรวจพบข้อมูลที่น่าตกใจ ผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียแปซิฟิก

ยอมรับว่า นอกเหนือจากพฤติกรรมขาดความรับผิดชอบที่กล่าวไปแล้วนั้น งการกระทำที่เป็นอันตราย 26% เป็นการกระทำโดยพนักงาน เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถาม 18% รายงานว่า การละเมิดนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลโดยจงใจโดยพนักงาน เป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่ในบริการทางการเงิน

พนักงานที่ไม่เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไอทีสามารถส่งผลเสียต่อองค์กรได้

อเล็กซี่ วอว์ก หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของข้อมูล แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า นอกเหนือจากภัยคุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์จากภายนอกแล้ว ยังมีปัจจัยภายในอีกมากมายที่สามารถนำไปสู่เหตุการณ์ในองค์กรได้ ตามสถิติแสดงให้เห็นว่า พนักงานจากแผนกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไอที

สามารถส่งผลเสียต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั้งโดยตั้งใจ และไม่ได้ตั้งใจ ด้วยเหตุนี้ จึงสำคัญที่จะต้องพิจารณาวิธีการป้องกันการละเมิดนโยบายความปลอดภัยของข้อมูล เช่น การนำแนวทางบูรณาการเพื่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ จากการวิจัยของเรา

นอกเหนือจากเหตุการณ์ทางไซเบอร์ 26% ที่เกิดจากการละเมิดนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลแล้ว การละเมิด 38% เกิดขึ้นเนื่องจากความผิดพลาดของมนุษย์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ จึงจำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ในองค์กรตั้งแต่เริ่มต้น

โดยการพัฒนา และบังคับใช้นโยบายความปลอดภัย ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับพนักงาน ทำให้พนักงานสามารถเข้าถึงกฎอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น และเข้าใจถึงผลที่ตามมาจากการละเมิดอย่างชัดเจน

Kaspersky

ข้อแนะนำในการใช้มาตรการเพื่อรักษาโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทให้ปลอดภัยจากการละเมิดนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลโดยพนักงาน

  • ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วยคุณสมบัติการควบคุมแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และอุปกรณ์ เช่น Endpoint Security for Business และ Endpoint Security Cloud ฟังก์ชันนี้สามารถจำกัดการใช้แอป เว็บไซต์ และอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการติดมัลแวร์ได้
  • ฟีเจอร์ Advanced Anomaly Control ของโซลูชัน Endpoint Security for Business Advanced, Total Security for Business และ Endpoint Detection and Response Optimum ช่วยป้องกันกิจกรรมที่อาจเป็นอันตรายซึ่ง “ไม่ปกติ” ครอบคลุมกิจกรรมที่ดำเนินการโดยผู้ใช้และเริ่มโดยผู้โจมตีที่ได้ยึดครองการควบคุมระบบไปเรียบร้อยแล้ว
  • ควบคุมการถ่ายโอนข้อมูลทั้งทางเข้าและออกจากระบบ เนื่องจากมีความเสี่ยงเช่นกัน ด้วยโซลูชัน Endpoint Security Cloud, Security for Mail Server และ Security for Microsoft Office 365 จะสามารถแก้ไขได้ด้วยฟังก์ชันการค้นหาข้อมูล และกรองเนื้อหา

โดย Security for Internet Gateway มีฟีเจอร์การกรองเนื้อหา เพื่อป้องกันการถ่ายโอนข้อมูลที่ไม่พึงประสงค์ โดยไม่คำนึงถึงประเภท สถานะการป้องกันแพลตฟอร์ม หรือพฤติกรรมของผู้ใช้ที่จุดเอ็นพอยต์ภายในเครือข่าย

*การสำรวจดำเนินการใน 19 ประเทศ ได้แก่ บราซิล, ชิลี, จีน, โคลอมเบีย, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, คาซัคสถาน, เม็กซิโก, รัสเซีย, ซาอุดีอาระเบีย, แอฟริกาใต้, สเปน ตุรกี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay

 

Itdayleadger

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.