Home ข่าวไอที Huawei จับมือ รัฐ เอกชน ดัน Startup ผ่านโครงการ Spark Ignite 2022

Huawei จับมือ รัฐ เอกชน ดัน Startup ผ่านโครงการ Spark Ignite 2022

หัวเว่ย (Huawei) กระทรวงไอซีที (MDES) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ เอ็นไอเอ (NIA) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า (depa) และ 3 บริษัทฯ เอกชน ได้แก่ KBTG, TusPark WHA และ Zanroo 3 บริษัทฯ ชั้นนำในประเทยไทย ส่งเสริม Startup เพื่อขับเคลื่อนสู่ระดับภูมิภาค ผ่านโครงการ “Spark Ignite 2022-Thailand Startup Competition”…

Huawei จับมือ รัฐ เอกชน ดัน Startup ผ่านโครงงาน Spark Ignite 2022

บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า (depa) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ เอ็นไอเอ (NIA) บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) และบริษัท แสนรู้ จำกัด

เปิดโครงการการแข่งขัน Spark Ignite 2022Thailand Startup Competition ประจำปี พ.ศ. 2565 เพื่อช่วยสนับสนุน และเร่งยกระดับสตาร์ทอัพไทยสร้างนวัตกรรมชั้นยอดสู่ตลาดโลก ด้วยการเป็นพาร์ทเนอร์รายแรกที่สร้างแรงขับเคลื่อนให้แก่กลุ่มสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ของไทย

ด้วยการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีไอซีทีชั้นนำ แหล่งเงินทุน และองค์ความรู้ในการทำธุรกิจจากหัวเว่ย หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมสตาร์ทอัพไทยให้เติบโต และประสบความสำเร็จในระดับโลก พร้อมผลักดันประเทศไทยขึ้นเป็นดิจิทัลฮับแห่งอาเซียน นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้จับมือกับพาร์ทเนอร์ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนทั้งภายในประเทศไทย

และระดับโลก ได้แก่ Sequoia Capital, Mount Parker Ventures, Quest Ventures Vertex Ventures SEA & India, True Incube, Disrupt, Stormbreaker Ventures นี้ เพื่อช่วยสนับสนุนด้านเงินทุนให้สตาร์ทอัพไทยสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส (MDES) ได้กล่าวว่า การแข่งขัน Spark Ignite 2022Thailand Startup Competitionถือเป็นโครงการสนับสนุนเป้าหมายการส่งเสริมระบบนิเวศดิจิทัลร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ Spark Ignite 2022 จะช่วยเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพในไทย และก้าวสู่ระดับสากลอย่างเข้มแข็ง

ด้าน อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายของโครงการการแข่งขัน Spark Ignite 2022 ประจำปี พ.ศ. 2565 ว่า “ลการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก

ซึ่งกลุ่มสตาร์ทอัพ และสตาร์ทอัพจะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจและนวัตกรรม เป้าหมายของหัวเว่ยคือการเป็นพาร์ทเนอร์รายแรกที่สร้างแรงขับเคลื่อนสำคัญให้แก่กลุ่มสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ของไทย เพื่อช่วยผลักดันให้สตาร์ทอัพไทยสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ดีที่สุดออกมาได้

โดยเราจะสนับสนุนการเติบโตของสตาร์ทอัพไทยใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านแรกคือการสนับสนุนด้วยเทคโนโลยีชั้นนำของเรา ซึ่งประกอบไปด้วย AI, 5G, ดิจิทัลพาวเวอร์ และนวัตกรรมด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลต่างๆ ด้านที่สองคือการสนับสนุนให้สตาร์ทอัพเติบโตผ่านการช่วยการจัดหาเงินทุน การทำตลาด

และช่วยโปรโมทแอปพลิเคชันของสตาร์ทอัพดังกล่าวบนแพลตฟอร์ม HMS ของเรา และด้านที่สามคือการช่วยเชื่อมโยงสตาร์ทอัพกับสตาร์ทอัพ สตาร์ทอัพกับธุรกิจเงินร่วมลงทุน (VC) และสตาร์ทอัพกับองค์กรใหญ่เข้าด้วยกัน เพื่อเร่งสนับสนุนการเติบโต และการขยายตัวของกลุ่มสตาร์ทอัพไทย

เขายังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าภายในช่วงเวลาเพียง 5 ปี โดยจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจาก 340,000 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น 1,000,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ. 2568

หัวเว่ยหวังที่จะช่วยให้กลุ่มสตาร์ทอัพประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในธุรกิจของพวกเขา เพื่อผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศไทย และการเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ หัวเว่ยมั่นใจในศักยภาพของกลุ่มสตาร์ทอัพในการสร้างงานเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยุคหลังสถานการณ์ระบาดโควิด-19

และหัวเว่ยเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันการพัฒนาด้านดิจิทัลอย่างยั่งยืนขึ้นอยู่กับบุคลากรที่ได้รับการพัฒนาทักษะ รวมถึงอีโคซิสเต็มของสตาร์ทอัพ และสตาร์ทอัพที่อุดมสมบูรณ์ โดยหัวเว่ยได้ตั้งเป้าในการลงุทนในด้านอีโคซิสเต็มของสตาร์ทอัพคิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเวลา 3 ปีต่อจากนี้

ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์  ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ดิจิทัลสตาร์ทอัพถือเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้สำหรับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของไทย แต่ในทางกลับกัน เราพบว่ายังมีช่องว่างระหว่างดิจิทัลสตาร์ทอัพกับกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ในประเทศอยู่พอสมควร ทั้งในด้านกลยุทธ์ ทักษะ ไปจนถึงศักยภาพด้านดิจิทัล ตลอดจนความพร้อมด้านเงินทุน

ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดีป้า เร่งดำเนินการในหลากหลายมิติเพื่อปิดช่องว่างเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมดิจิทัลสตาร์ทอัพภายใต้มาตรการของ ดีป้า การผลักดันให้เกิดการประยุกต์ใช้ดิจิทัลในภาคประชาชน รวมถึงการเป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ

เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ สถานการณ์โควิด-19 นับเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในบริบทต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล รวมถึงการยกระดับศักยภาพของดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยกลายเป็นเรื่องเร่งด่วน

เพื่อให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลง และจากความร่วมมือที่ดีเสมอมาระหว่าง ดีป้า กับ หัวเว่ย จะส่งผลให้โครงการ Spark Ignite 2022 เป็นอีกหนี่งโครงการสำคัญที่จะได้เห็นการบูรณาการการทำงานระหว่างรัฐ-เอกชนเพื่อยกระดับดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขัน และสามารถก้าวสู่ตลาดโลกได้อย่างมั่นคง

ด้าน ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ได้กล่าวเสริมว่า NIA มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นการเปิดตัวโครงการการแข่งขัน Spark Ignite 2022 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันนี้

ทั้งนี้ กลุ่มสตาร์ทอัพได้กลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจ โดย NIA มีความมุ่งมั่นจะทำงานร่วมกันพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงหัวเว่ย เพื่อบ่มเพาะอีโคซิสเต็มของสตาร์ทอัพและผลักดันประเทศไทยให้ขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลแห่งอาเซียน

สำหรับโครงการการแข่งขัน Spark Ignite 2022Thailand Startup Competition ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ณ ห้องรอยัลมณียา บอลรูม ชั้น เอ็ม โรงแรมเรอเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ เป็นโครงการที่จะยกระดับการเติบโตของสตาร์ทอัพไทยสู่ระดับภูมิภาค

และสนับสนุนการพัฒนาแรงงานด้านดิจิทัลในประเทศไทย โดยในปีนี้ได้เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพที่มีความกล้าทะลุขีดจํากัดร่วมมือกับหัวเว่ย เพื่อช่วยให้สตาร์ทอัพดังกล่าวทำความทะเยอทะยานให้เป็นจริงและยกระดับศักยภาพของตัวเอง โดยผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันนี้

นอกจากจะได้รับเครดิตคลาวด์มูลค่า 125,000 เหรียญสหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยมูลค่ากว่า 4,500,000 บาท) และได้เข้าร่วมโครงการ Huawei Spark แล้ว ผู้ชนะเลิศยังจะได้รับโอกาสในการทํางานร่วมกับหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีชั้นนําของโลกเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ และสตาร์ทอัพไปสู่อีกระดับ และเข้าสู่แพลตฟอร์มระดับโลก

โดยโครงการ Huawei Spark Ignite ได้รับการเปิดตัวในปี พ.ศ. 2563 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยวัตถุประสงค์ในการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีขั้นสูงในแต่ละประเทศ

ซึ่งหัวเว่ยให้การสนับสนุนทางการเงิน เทคนิคการตลาด การฝึกอบรม การให้คำปรึกษา และการสนับสนุนด้านเครือข่าย รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ สามารถดูได้ที่ www.huaweispark.com/en/challenges/ignite-thailand-2022

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

NO COMMENTS

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.