เรียลมี (realme) เตรียมลุย สมาร์ทโฟน 5G และ AIOT ต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่ Top 3 เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ต่อเนื่อง เผื่อทำให้สามารถก้าวขึ้นไปสู่กลุ่มผู้นำได้…
highlight
- เรียลมี เผย ผลการดำเนินงานปี 2564 ประสบความสำเร็จในการส่งมอบสมาร์ตโฟนครบ 100 ล้านเครื่องทั่วโลกตามไทม์ไลน์ พร้อมกับก้าวขึ้นสู่แบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 6 ของโลกได้สำเร็จ สำหรับตลาดเมืองไทย realme เป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 5 ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมวางกลยุทธ์ธุรกิจและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เน้นลงทุนพัฒนาสมาร์ตโฟนระดับเรือธงตระกูล GT series เพื่อนำเสนอสมาร์ตโฟนพรีเมียมล้ำสมัยสำหรับหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ตั้งเป้าขึ้นแท่นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 3 ของไทยในอนาคตอันใกล้ พร้อมเตรียมเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในระบบ 5G และ AIoT เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่กำลังก้าวสู่ Smart Life
realme เตรียมลุย สมาร์ทโฟน 5G และ AIOT ต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่ Top 3

ศิรศร เบญจาธิกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ เรียลมี ประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2564 ถือเป็นปีแห่งความสำเร็จครั้งสำคัญสำหรับ เรียลมี เพราะเราสามารถก้าวขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 6 ของโลกได้เป็นครั้งแรกหลังจากก่อตั้งบริษัทฯ ได้เพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น
ความสำเร็จของ เรียลมี เกิดจากการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ 4 ด้าน ได้แก่ แนวคิดพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยมุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และนำเสนอสินค้าที่สอดคล้องกับค่านิยมของหนุ่มสาวที่ต้องการสมาร์ตโฟนล้ำสมัย และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ การส่งมอบสมาร์ตโฟนที่มีนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง
อาทิ ระบบชาร์จ UltraDart 125W การใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 เป็นเจ้าแรก ๆ รวมถึงเทคโนโลยีกล้องความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ฯลฯ ในระดับราคาที่จับต้องได้ ช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์
ซึ่ง เรียลมี ยังคงพัฒนาช่องทางการตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้มากยิ่งขึ้น และ พันธกิจ Dare to Leap ซึ่งเปิดรับคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน โดยพนักงานบริษัทมีอายุเฉลี่ยเพียง 29 ปี ทำให้บริษัทมีไอเดียการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่อยู่เสมอ
ความสำเร็จของ เรียลมี ทั่วโลกในปี 2564
ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เรียลมี ขึ้นแท่นแบรนด์สมาร์ตโฟนที่ส่งมอบสมาร์ตโฟนได้ 100 ล้านเครื่องทั่วโลกได้เร็วที่สุดในโลก จากข้อมูลสถิติของ Strategy Analytics โดยส่งมอบได้ภายในเวลาเพียง 37 เดือนเท่านั้น นับเป็นความสำเร็จที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนโลก
ความสำเร็จนี้ในไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ของปี 2564 ทำให้ เรียลมี ขยับขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 6 ของโลกได้เป็นครั้งแรกหลังจากก่อตั้งแบรนด์มาเพียง 3 ปี จากการจัดอันดับของ Counterpoint ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์การเติบโตแบบก้าวกระโดด สู่การเป็นหนึ่งในแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนได้อย่างรวดเร็วที่สุดของโลก
ก้าวสู่แบรนด์ Top 5 แม้เศรษฐกิจไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ผันผวน
สำหรับตลาดสมาร์ตโฟนของไทย รายงานการจัดอันดับของ Canalys ระบุว่าในไตรมาส 3 ของปี 2564 แบรนด์ เรียลมี ติดอันดับ 1 ใน 5 แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำในตลาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมของผู้บริโภคที่แม้เมืองไทยจะกำลังเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 มาตลอด 2 ปี แต่ผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูงในระดับราคาที่คุ้มค่าของ เรียลมี สามารถครองใจผู้บริโภ คและคว้าตำแหน่งแบรนด์ Top 5 ได้สำเร็จ
กลยุทธ์ธุรกิจปี 2565 สู่แบรนด์สมาร์ตโฟนเจ้าตลาดในไทย

สำหรับในปีหน้า เรียลมี วางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลากหลายกลุ่ม และจะนำเสนอสุดยอดเทคโนโลยีมากมายเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดไอที โดยจะพัฒนาให้สินค้ามีราคาที่จับต้องได้ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดต่าง ๆ ได้สบายกระเป๋ามากยิ่งขึ้น
ปี 2564 ที่ผ่านมา เรียลมีมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการทำตลาดสมาร์ตโฟนในระดับพรีเมียมได้ดีมาก และยังเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการเปิดตัวสมาร์ตโฟนตระกูล GT series ครบทุกรุ่น หลังจากนี้ เรียลมี จะนำสมาร์ตโฟนสุดพรีเมียมในตระกูล GT Series นั่นคือ GT 2 series มาทำตลาดในไทย
ซึ่งเป็นรุ่นพรีเมียมที่สุดของ เรียลมี พร้อมชูไฮไลต์ 3 เทคโนโลยีสุดล้ำเป็นครั้งแรกของโลก ทั้งการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมการถ่ายภาพ และเทคโนโลยีการสื่อสารขั้นสุด
ผลิตภัณฑ์ 5G และ AIoT เพื่อชีวิตยุคดิจิทัล
สืบเนื่องจากความสำเร็จในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AIoT ในปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้ง เรียลมี แพด แท็บเล็ตรุ่นแรกของแบรนด์ที่ตีตลาดด้วยสเปกสุดคุ้ม, เรียลมี บุ๊ก แล็ปท็อปรุ่นแรกของแบรนด์ และอุปกรณ์ AIoT อีกมากมายโดยแบรนด์ เรียลมี สามารถติดอันดับ 3 ในสินค้าประเภท ได้แก่
Basic watch และประเภท TWS ของเมืองไทยได้สำเร็จ ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีที่ 1,091% และ 188% ตามลำดับ ในอนาคต เรียลมี จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้ง 5G และ AIoT โดยนำเสนอภายใต้แบรนด์ไลฟ์สไตล์ใหม่ในชื่อ TechLife เพื่อตอบโจทย์ Smart Life ของผู้คนในปัจจุบันให้ครอบคลุมมากขึ้น
โดยในปี 2565 เรียลมี วางแผนจะเปิดตัวสมาร์ตโฟนระบบ 5G ให้ได้มากกว่า 30 รุ่น คิดเป็น 70% ของสัดส่วนสมาร์ตโฟนทั้งหมด และในอีก 2 ปีข้างหน้า เรียลมี จะลงทุน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก สำหรับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5G และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 5G เพื่อก้าวเข้าสู่ยุค 5G อย่างเต็มตัว
เรียลมี จะยังคงเดินหน้าทำตลาด AIoT ตามกลยุทธ์หลักของแบรนด์ นั่นคือ 1+5+T เพื่อมุ่งหวังที่จะสร้าง เรียลมี อีโคซิสเต็ม ให้เกิดขึ้นอยู่รอบตัวผู้บริโภค
- 1 แทน สมาร์ตโฟนที่จะเป็นศูนย์กลางการควบคุม Ecosystem ทั้งหมด
- 5 แทนหมวดหมู่หลักของอุปกรณ์ AIoT ทั้งหมด ได้แก่ 1. อุปกรณ์หูฟังไร้สาย 2. อุปกรณ์สวมใส่ 3. โทรทัศน์ 4. แท็บเล็ต และ 5. แล็ปท็อป
- T ย่อมาจากแบนด์ TechLife ซึ่งทั้งหมดนี้จะมี realme Link แอปพลิเคชันเชื่อมต่อกัน และสร้างเป็น AIoT ecosystem เพื่อให้ผู้ใช้งานอุปกรณ์ เรียลมี สามารถใช้งานร่วมได้อย่างเต็มรูปแบบ

“สำหรับประเทศไทยในปัจจุบัน เรียลมี ถือเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 5 ของประเทศ และด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เตรียมเปิดตัวในปีหน้านี้ เราตั้งเป้าที่จะขึ้นไปอยู่ในอันดับ 3 ให้ได้ และเราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า จะยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มผู้ใช้งานของเราเป็นอย่างดีเช่นเคย” ศิรศร กล่าว
พร้อมปรับกลยุทธ์เดินหน้าต่อแม้ Chipset จาก 2 ผู้ผลิตชั้นนำโลกผลิตไม่ทัน
อย่างที่ทราบกันดีว่าวงการสมาร์ทโฟนในปัจุบันได้รับผลกระทบจากวิกฤตชิปเซ็ตขาดแคลน ทำให้ไม่สามารถผลิตสมาร์ทโฟนออกมาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เนื่องจากไม่มีชิปเซ็ตมากพอนั้น เรียลมี ได้มองวิธีในการแก้ปัญหาเอาไว้ก่อนสถาการณ์นี้เริ่มเกิดขึ้นแล้ว
โดย เรียลมี ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการสั่งจำนวน Chipset ไว้ล่วงหน้า ให้สอดคล้องกับจำนวนในการผลิตสมาร์ทโฟนในแต่ล่ะรุ่นที่อยู่ในไทม์ไลน์ของ เรียลมี ร่วมไปถึงยังได้มองหา Chipset จากผู้ผลิตรายอื่น เผื่อนำมาทดสอบประสิทธิภาพว่าเหมาะกับผลิตภัณฑ์กลุ่มใดของ เรียลมี
ซึ่งในสาวนของสมาร์ทโฟนในกลุ่ม C ซีรี่ย์ และ GT ซีรี่ย์ ของ เรียลมี ทาง เรียลมี เองก็ได้เตรียมพร้อมรองรับเอาไว้ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของตลาดสมาร์ทโฟน 5G รวมไปถึงเรายังคงให้ความสำคัญกับตลาดผลิตภัณฑ์ AIoT ที่เราเป็นหนึ่งในผู้นำในผลิตสินค้า AIoT ที่ครอบลุมทุกการของการใช้ชีวิต มากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
อีกทั้งเรียลมียังเป็นผู้ผลิตที่เข้าใจความต้องการใช้งานของผู้ใช้ ทำให้ เรีลยมี ออกแบบให้ App realme Link เป็นแอปฯ ที่สามารถควบคุม และสั่งการอุปกรณ์ AIoT ของ เรียลมี ได้ภายใน แอปฯ เดียว ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องยุ่งยากในการโหลดหลาย ๆ แอปฯ เพื่อสั่งงานในแต่ล่ะกลุ่มอุปกรณ์ ทำให้ผู้ใช้งานกลุ่มอุปกรณ์ AIoT ของ เรียลมี ได้รับสะดวกสบายในการใช้งาน
Top 3 ไม่ง่าย!! เเต่เชื่อว่าสามารถทำได้

อย่างที่กล่าวไปว่า เรียลมี ในปัจจุบันนั้น ก้าวขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 6 ของโลก แม้ก่อตั้งบริษัทฯ ได้เพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น สิ่งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในราคาที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้ใช้ ของ เรียลมี จนทำให้ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานทั่วโลก
ซึ่งแน่นอนว่าในเรื่องของการแข่งขันเเม้จะมีคู่แข่งในตลาดเยอะ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เรากังวล เพราะ เรียลมี เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำซึ่งสะท้อนให้เห็นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ เรียลมี ที่ออกสู่ตลาด ว่า มีความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพสูง แม้ว่าการจะก้าวขึ้นเป็น Top 3 ตลาดไทยจะไม่ง่าย แต่ เรียลมีก็แสดงให้เห็นแล้วส่าแนวทางในการดำเนินธุรกิจ
ของเรียลมีในไทย ส่งผลให้ เรียลมี ประเทศไทย สามารถก้้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่ง Top 5 ของตลาดสมาร์ทโฟนไทยได้ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาด 9–10% และมีในบางช่วงของปี เรียลมี ยังสามารถก้าวขึ้นไปสู่ อันดับที่ 4 ได้อีกด้วย ทำให้ เรียลมี เชื่อว่า ในอนาคตด้วยแนวทางในการดำเนินที่เน้นให้ความสำคัญกับการใช้งาน
และคุ้มค่ากับราคารวมไปถึงการเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน 5G หรือ ผลิตสินค้า AIoT จะทำให้ เรียลมีสามารถก้าวขึ้นไปสู่กลุ่มผู้นำได้
โดยเฉพาะกลุ่มผลิตสินค้า AIoT ของ เรียลมี ทางเรียลมีเองก็ตั้งใจจะขยายในสู่ผลิตภัณฑ์ Smart Home มากขึ้น โดย เรียลมี กำลังเล็งที่จะหาพาทเนอร์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำเทคโนโลยี และผลิตสินค้า AIoT ของ เรียลมี เข้าไปเพิ่มูลค่าให้กับบ้านแต่ล่ะหลัง อีกด้วย
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th










