พ.อ.สรรพชัยย์ เตรียมปรับทัพในเดือนสืงหาคม พร้อมตั้งเป้านำ เอ็นที (NT) ก้าวสู่ “องค์กรหลักในการขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลสู่หน่วยวงานภาครัฐฯ”…
พ.อ.สรรพชัยย์ ตั้งเป้านำ NT ก้าวสู่ “องค์กรหลักในการขับเคลื่อนดิจิทัลรัฐฯ”

พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที กล่าวว่า เอ็นทีมีความตั้งใจที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้มีความเข้มแข็ง เพื่อให้สามารถนำศักยภาพของบุคลากรที่มีอยู่ทั่วประเทศ และความพร้อมของโครงข่ายสื่อสารที่ครอบคลุม และหลากหลาย มาใช้ให้เกิดประโยชน์
รองรับเป้าหมายในการดำเนินการที่ต้องการจะมุ่งไปสู่หน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีดิจิทัล และการสื่อสารโทรคมนาคม ให้แก่หน่วยงานภาครัฐทุกระดับ โดย เอ็นที ได้เตรียมที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร และกระบวนการทำงานภายใน เพิ่มขีดความสามารถของบุคลากร และบรูณาการโครงข่ายให้เป็นหนึ่งเดียว
เราต้องเร่งปรับตัวเพราะทั้ง 2 องค์กร (tot และ cat) ที่ควบรวมมาเป็น เอ็นที นั้นถือเป็นการนำองค์กรขนาดใหญ่มาทำปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ต้องลดงบประมาณที่ซ้ำซ้อนกันลง ด้วยการตั้งกรรมการตรวจสอบการตั้งงบประมาณที่นำเสนอมา
รวมไปถึงตั้งเป้าในการบริหารต้นทุนในการดำเนินงานให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับอุตสาหกรรม ในส่วนของกระบวนการทำงานที่ต้องเปลี่ยนนั้นก็ต้องปรับจูนในเข้ากัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูรายละเอียดทั้งในแง่เทคนิค และรูปแบบงานที่ไม่สอดคล้องกัน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องการการปรับเปลี่ยนครั้งเดียวแล้วจบ
แต่เป็นการทยอยปรับเปลี่ยน และปรับแก้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการ และการดำเนินงานที่สำคัญตามภารกิจที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคมมอบหมายให้ อันได้แก่
โครงการจัดระเบียบสายสื่อสาร ซึ่งในปี 2565 นี้ได้เริ่มดำเนินการในกลุ่มเร่งด่วนในพื้นทีชั้นในของกรุงเทพมหานครตามแนวถนนสายหลัก เพื่อเตรียมที่ขยายสู่พื้นที่รอบนอกในอนาคต สำหรับในส่วนพื้นที่ที่ไม่สามารถนำสายลงใต้ดินได้ ทาง เอ็นที ก็เตรียมแผนในการจัดระเบียบสายใหม่ โดยจะตัดสายเก่าทิ้ง และเดินสายสื่อสารใหม่
โดยโครงการนี้เป็นโครงการที่ดำเนินงานร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ (สกทช.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ซึ่งมี ไอเอสพี เป็นสมาชิก และกรุงเทพมหานคร
โครงการท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดิน โดย เอ็นที จะดำเนินการได้ทันทีด้วยความพร้อมของ ท่อร้อยสายใต้ดินที่มีอยู่แล้ว 4,450 กิโลเมตร สามารถรองรับเคเบิลทองแดงขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถแขวนกับ เสาไฟฟ้าได้ รวมทั้งการสร้างท่อร้อยสายไปพร้อม ๆ กับการก่อสร้างถนนใหม่ เพื่อลดผลกระทบจากการเปิด ผิวจราจร

แผนในการดำเนินงานนี้ จะเป็นแผนที่ทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันของผู้ให้บริการทุกค่ายอย่างเป็นธรรม และเท่าเทียม (Neutral Operator) ในหลักการใช้ Infrastructure Sharing ไม่ว่าจะเป็น Telecom Infrastructure และ Digital Infrastructure
จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ประชาชน และผู้ใช้บริการทุกคน ขณะที่ผู้ประกอบการให้บริการจะประหยัดงบประมาณลงได้เป็นจำนวนมากอีกด้วย
โครงการคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) เอ็นที เน้นให้บริการในระดับโครงสร้างพื้นฐานพร้อมพัฒนาบุคลากรของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มุ่งขยายการบริการในระดับแพลตฟอร์ม และซอฟต์แวร์ ซึ่งจะเป็นโครงการสำคัญที่ช่วยสนับสนุน และผลักดันองค์กรภาครัฐให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัลไทยแลนด์ 4.0
ตามนโยบาย Digital Thailand รวมทั้งเอ็นทียังได้ดำเนินโครงการอื่น ๆ ที่จะรองรับความต้องการภาครัฐด้าน Data Analytic ที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ทั้งด้านการท่องเที่ยว, การเกษตร, การศึกษา, สาธารณสุข, แรงงาน ฯลฯ ด้วยการขยายความร่วมมือกับผู้ให้บริการระดับโลกอย่าง AWS ฯลฯ เพื่อเชื่อมโยง API
และทำให้เกิดการใช้งานในรูปแบบ SaaS ในหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ และทำเกิดการคิดค่าบริการที่เกิดขึ้นจากการใช้งานตามบริการใช้งานจริง ซึ่งหากทำได้เร็วเท่าไรก็จะทำให้การงบประมาณของหน่วยงานรัฐมีรประสิทธิภาพสูงสุด
โครงการ 5G เอ็นที มีคลื่นความถี่ที่ได้รับจากการประมูลใน 2 ย่านความถี่ โดยคลื่นความถี่ 26GHz ซึ่งเป็นคลื่นในย่านความสูง เอ็นทีเน้นลงทุนให้บริการสำหรับผู้ประกอบการขนาดใหญ่เฉพาะกลุ่มเพื่อความคุ้มค่า โดยในปีนี้มุ่งเน้นการพัฒนาและเปิดให้บริการร่วมกับพันธมิตรในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ (EEC)
และสนับสนุนการพัฒนาสู่ Smart City ซึ่งได้เริ่มเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์แล้ว ส่วนความถี่ 700MHz ได้ดำเนินการใน 2 รูปแบบ ได้แก่ การดำเนินการเองสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ใช้บริการพื้นฐานทั่วไป ไม่ต้องการแบนด์วิดท์สูง และการให้พันธมิตรร่วมให้บริการ 5G ในรูปแบบ Network Sharing เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนขององค์กร

นอกจากนี้ก็ยังมีโครงการอื่น ๆ อีก อาทิ การจัดการสินทรัพย์ดาวเทียมไทยคม, ASEAN Digital Hub, การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ เป็นต้น ทั้งนี้ในแต่ละเรื่องมีแนวทางต้องดำเนินการทั้งระยะสั้นและระยะยาวคู่ขนานกันไป โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากร ซึ่งจะต้องมีการปรับระบบการทำงาน และส่งเสริมการทำงานร่วมกัน
ดูแลคุณภาพชีวิต เพิ่มทักษะให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ตลอดจนสร้างขวัญ และกำลังใจในการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเอ็นทีจะปรับโครงสร้างองค์กรระยะเปลี่ยนผ่านภายในเดือนสิงหาคมนี้ ขณะเดียวกันจะมีการจัดทำโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดเพื่อเป็นทางเลือกให้กับพนักงานด้วย
สำหรับผลประกอบการในปี 2565 ถึงปัจจุบัน เอ็นทีมีรายได้รวม 49,557.65 ล้านบาท คิดเป็น 47.78% เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่วางไว้ โดยรายได้หลักมาจากกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ กลุ่มธุรกิจโทรศัพท์ประจำที่ และบรอดแบนด์
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th