“รองนายกฯ ประเสริฐ” เผยผลสำเร็จ 1 ปี ศูนย์ TZD ช่วยเด็กกลับคืนเข้าสู่ระบบการศึกษาได้มากขึ้น

รองนายกฯ ประเสริฐ

“รองนายกฯ ประเสริฐ” เผยผลสำเร็จ 1 ปี TZD ช่วยเด็กกลับคืนเข้าสู่ระบบการศึกษาได้มากขึ้น ย้ำทุกหน่วยร่วมมือป้องกันเด็กหลุดจากระบบซ้ำ สร้างการศึกษายืดหยุ่น พร้อมกระตุ้น 77 จังหวัดเร่งค้นหาช่วยเหลือเยาวชน…

รองนายกประเสริฐ” เผยผลสำเร็จ 1 ปี ศูนย์ TZD ช่วยเด็กกลับคืนเข้าสู่ระบบการศึกษาได้มากขึ้น

รองนายกฯ ประเสริฐ
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอี)

ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอี) เปิดเผยผลการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเด็ก และเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) ระดับชาติ ครั้งที่ 3/2568

ว่าที่ประชุมได้มีการรายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาเด็ก และเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) หลังจากดำเนินงานมาแล้ว 1 ปีมีเด็ก และเยาวชนเข้าสู่ระบบการศึกษามากยิ่งขึ้น

โดยปัจจุบันจำนวนเด็ก และเยาวชนที่ไม่มีชื่อในระบบการศึกษาปี 2567 ทั้งสิ้น 880,463 คน จากเดิมที่มีจำนวนถึง 1,025,514 คน ในเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งลดลงกว่า 145,051 คน

รองนายกฯ ประเสริฐ

“ผมได้เห็นถึงความสำเร็จจากการลงพื้นที่ และได้มอบประกาศนียบัตรให้กับเด็กที่เข้าร่วมโครงการ เช่นที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ผมได้ฟังความฝันของเด็ก และโครงการนี้ได้ทำให้ฝันนั้นเป็นจริง ซึ่งหมายถึงว่าโครงการนี้ได้เดินมาถูกทางแล้ว” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว

เพื่อให้การดำเนินการบรรลุเป้าหมายมากยิ้งขึ้น จึงได้มอบนโยบายเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ การค้นหาติดตามช่วยเหลือเด็ก และเยาวชนนอกระบบการศึกษายังคงต้องดำเนินต่อ ล่าสุดได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดครบถ้วน ทั้ง 77 จังหวัดแล้ว

โดยหลังจากนี้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และ 11 หน่วยงาน จะเน้นสื่อสารสร้างความเข้าใจกับหน่วยงานในพื้นที่ให้ร่วมกันอย่างแข็งขันเพื่อติดตามช่วยเหลือ ส่งต่อและดูแลเด็ก และเยาวชนนอกระบบการศึกษาในช่วงเปิดเทอม ส่วนเด็กที่กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาแล้ว

ขอให้หน่วยจัดการศึกษาทุกหน่วยทุกสังกัด ดูแลไม่ให้หลุดจากระบบซ้ำ ช่วยกันทำระบบการศึกษาให้ยืดหยุ่น มีคุณภาพ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ประเด็นสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลของเด็กและเยาวชนไทยให้ครบถ้วน

เช่น เด็ก และเยาวชนที่ศึกษาอยู่ในศูนย์การเรียน ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 เพื่อจัดสรรเงินอุดหนุนผู้เรียน งบฯ อาหารกลางวัน นมโรงเรียน สวัสดิการ รวมทั้งสนับสนุนสิทธิทางภาษีให้เท่าเทียมกับสถานศึกษาทั่วไป

รองนายกฯ ประเสริฐ

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบโครงการ Mini Learn to Earn Model เพื่อพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล ให้กับเยาวชนนอกระบบการศึกษาในช่วงอายุ 16-24 ปี (กลุ่ม NEET) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ จำนวน 50,000 คน และจัดการประเมินเพื่อรับรองสมรรถนะ และคุณวุฒิวิชาชีพ สร้างโอกาสในการมีงานทำ

พร้อมทั้งเก็บประวัติการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบผ่าน E-Workforce Ecosystem Platform เชื่อมโยงเพื่อต่อยอด สู่การศึกษาในระบบในอนาคต รวมถึงการเชื่อมโยงเข้าสู่การจ้างงานหรือประกอบอาชีพอิสระในชุมชน

โดยที่ประชุมมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคมเสนอโครงการดังกล่าวเพื่อรับเงิน สนับสนุนตามแผนโครงการตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 2568 จำนวน 500 ล้านบาท ต่อไป

รองนายกฯ ประเสริฐ

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay