“รองนายกฯ ประเสริฐ” คุมเข้มสั่งหน่วยงานบริหารจัดการน้ำรับมือภัยแล้ง-น้ำท่วม

รองนายกฯ ประเสริฐ

“รองนายกฯ และรมต. กระทรวงดิจิทัล ประเสริฐ” คุมเข้มแผนรับมือฝน 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง สั่งทุกหน่วยงานบริหารจัดการน้ำรับมือภัยแล้ง-น้ำท่วม ลดความเดือดร้อนประชาชน…

รองนายกประเสริฐ” คุมเข้มสั่งทุกหน่วยงานบริหารจัดการน้ำรับมือภัยแล้งน้ำท่วม 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง

รองนายกฯ ประเสริฐ
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอี)

ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ลงพื้นที่กำกับ และติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 14 จังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ

โดยช่วงเช้าได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ พื้นที่ 500 ไร่ บ้านหนองจิก หมู่ 14 ตำบลหัวเรือ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นในช่วงบ่าย นายประเสริฐเป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ

ตามนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 14 (จังหวัดศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี) รายงานปัญหาที่สำคัญของจังหวัด, พัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานสถานการณ์น้ำ และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่

พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม ณ โครงการชลประทานศรีสะเกษ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ จากนั้นลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ

รองนายกฯ ประเสริฐ

“การลงพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 14 กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างในครั้งนี้ เพื่อรับทราบปัญหา  และความต้องการด้านน้ำจากผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 4 จังหวัด รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นอย่างมาก ถือเป็นภารกิจจำเป็นเร่งด่วน

เนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ โดยให้ สทนช. บูรณาการร่วมกับจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 อย่างเคร่งครัด และเตรียมแผนเผชิญเหตุสำหรับพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม หรือพื้นที่เปราะบางอย่างเข้มข้น

โดยมีการวางแผนใช้กลไกของศูนย์อำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยร่วมกับกลไกของคณะกรรมการลุ่มน้ำ ในการบูรณาการข้อมูล และติดตามการแก้ไขปัญหาเพื่อสามารถเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที

โดยให้ กรมชลประทาน, กรมทรัพยากรน้ำ, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ติดตามสถานการณ์น้ำ และบริหารน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยให้สามารถชะลอน้ำหลากในช่วงฤดูฝน และกักเก็บน้ำไว้สำหรับช่วงฤดูแล้งถัดไปด้วย” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว

รองนายกฯ ประเสริฐ
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอี)

นอกจากนี้ ยังมอบมายให้จังหวัดทั้ง 4 จังหวัด ร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ เร่งขับเคลื่อนกระบวนการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง สำหรับหน่วยงานต่าง ๆ ที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณในแผนงานโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ให้เตรียมความพร้อมให้สามารถดำเนินการได้ทันทีตามแผนที่กำหนด เพื่อให้การรับมืออุทกภัย และภัยแล้งมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

สทนช. เตรียมแผนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องล่วงหน้าเพื่อรับมืออุทกภัยอย่างมีประสิทธิภาพ

รองนายกฯ ประเสริฐ

พัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์น้ำ และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ เนื่องจากประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ทำให้มีความเสี่ยงที่อาจเกิดสถานการณ์อุทกภัยได้

ซึ่ง สทนช. ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมแผนล่วงหน้า และดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกัน และยับยั้งการเกิดเหตุ สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดต่าง ๆ ของจังหวัดศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี พบว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 6,703 แห่ง

มีปริมาตรน้ำรวมอยู่ที่ 1,360.06 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 52% ของความจุเก็บกัก ซึ่งมากกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ซึ่งในพื้นที่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 1 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันการระบายน้ำเป็นไปตามแผนที่กำหนด

รองนายกฯ ประเสริฐ

อย่างไรก็ตาม สทนช. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประสานการปรับแผนการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งคาดการณ์ว่า ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ในพื้นที่ 4 จังหวัดข้างต้น จะมีปริมาณฝนค่อนข้างมาก อาจส่งผลให้ปริมาณน้ำจากแม่น้ำชีที่ไหลมาบรรจบรวมกับปริมาณน้ำในลำน้ำมูล

ทำให้มีน้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำตลอดแนวลำน้ำ อีกทั้งสภาพลำน้ำในชุมชนเมืองไม่สามารถระบายน้ำได้มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีน้ำหลากไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ชุมชน สทนช. จึงได้วางแผนเตรียมตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย

สำหรับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 3 แห่ง คือ ที่จังหวัดอุบลราชธานี, จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดนครพนม รวมทั้งเตรียมตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ด้วย

รองนายกฯ ประเสริฐ

เพื่อบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูล คาดการณ์ และวิเคราะห์สภาพอากาศ ปริมาณน้ำ พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก และแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำ พร้อมทั้งอำนวยการ ติดตาม และตรวจสอบการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อให้สามารถป้องกัน และดำเนินการแก้ไขสถานการณ์อุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay