DITP จับมือ 6 หน่วยงาน เปิดยุทธศาสตร์ AI ยกระดับการค้าไทยสู่เวทีโลก

DITP

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเกมรุกการค้าอัจฉริยะ ผนึก 6 พันธมิตรขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)…

DITP จับมือ 6 หน่วยงาน เปิดยุทธศาสตร์ AI ยกระดับการค้าไทยสู่เวทีโลก

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดฉากการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อยกระดับการค้าไทยในงาน “เสริมแกร่งทัพการค้าไทย ด้วยบริการดิจิทัล ยุค AI” โดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานและสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2 ฉบับสำคัญ

DITP

MOU ฉบับแรก เป็นความร่วมมือระหว่าง 6 หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, กรมทรัพย์สินทางปัญญา, กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ, สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า, กรมการค้าต่างประเทศ และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC)

ในการพัฒนา AI Chatbot ผู้ช่วยอัจฉริยะด้านการค้า เพื่อบูรณาการข้อมูลและบริการด้านการค้าระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้าแล้วเสร็จภายในปี 2569

DITP

MOU ฉบับที่สอง เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลผู้ใช้งานและบัญชี SMEs ระหว่าง กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการไทยในการเข้าถึงบริการของทั้งสองหน่วยงานแบบไร้รอยต่อ

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ย้ำเป้าหมายการขับเคลื่อนการค้าไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และ AI เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยตั้งเป้าให้ไทยติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลกด้านการค้าในปี 2570

DITP
วุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์

วุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เกล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของกระทรวงที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรม โดยเฉพาะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สาขา Generative AI ซึ่งกำลังเป็น change agent สำคัญของโลกการค้ายุคใหม่

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า AI สามารถยกระดับการให้บริการข้อมูลการค้าแก่ผู้ประกอบการ และประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ประกอบการไทย ซึ่งเปรียบเสมือน “กองทัพทางเศรษฐกิจ” สามารถแข่งขันในเวทีการค้าระหว่างประเทศได้อย่างคล่องตัว

ท่ามกลางความผันผวนและความท้าทายของตลาดโลก พร้อมเปิดโอกาสใหม่ให้ผู้ส่งออกรายเล็กเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานคือการพัฒนา AI Chatbot ผู้ช่วยอัจฉริยะด้านการค้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่กระทรวงสามารถบูรณาการข้อมูลจากหลายหน่วยงานเข้าสู่ฐานเดียวกันอย่างเป็นรูปธรรม

เพื่อลดอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นต่อการทำการค้า และแก้ไขปัญหาการติดต่อหลายหน่วยงานที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ

“นี่คือก้าวสำคัญของการทะลายไซโลภายในกระทรวง และสร้างระบบบริการที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการไทยในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง”

DITP
สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

ด้าน สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การพัฒนา AI Chatbot ผู้ช่วยอัจฉริยะด้านการค้า ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการให้บริการข้อมูลการค้าแก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่มักเผชิญอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูล และเทคโนโลยี

AI Chatbot ดังกล่าวจะช่วยทลายข้อจำกัดในการวิเคราะห์ข้อมูลกฎระเบียบการค้าที่มีปริมาณมาก ซับซ้อน เข้าใจยาก และกระจัดกระจายหลายแหล่ง รวมถึงข้อมูลที่เป็นภาษาต่างประเทศอื่นนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถติดตามแนวโน้มตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างแม่นยำ

“ระบบนี้จะช่วยลดระยะเวลา กำลังคน และทรัพยากรในการวิเคราะห์ข้อมูล เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ส่งออกรายเดิม และสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจส่งออก”

DITP

อธิบดี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเสริมว่า AI Chatbot ยังช่วยยกระดับมาตรฐานการให้บริการข้อมูลคำปรึกษาด้านการค้าของ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และหน่วยงานพันธมิตร ซึ่งมีผู้ขอรับบริการรวมกว่า 180,000–200,000 ครั้งต่อปี

โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) โดยมีมหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นผู้ร่วมดำเนินการหลัก พร้อมด้วยทีม Hackathon จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบริษัท เวสเทิร์น กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด

ที่เข้าร่วมพัฒนาต้นแบบ AI ด้วยโมเดลที่หลากหลาย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะคัดเลือกโมเดลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อใช้จริงในอนาคต นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการลงนาม MOU ฉบับที่ 2 ระหว่าง กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.)

เพื่อเชื่อมโยงระบบบัญชีผู้ใช้งาน และข้อมูล SMEs ระหว่างระบบ DITP Single Sign-on (DITP SSO) และ SME One ID ครอบคลุมผู้ใช้งานกว่า 255,000 ราย ให้สามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลของทั้งสองหน่วยงานได้แบบครบวงจร ไร้รอยต่อ

ไม่ต้องลงทะเบียนหรือกรอกข้อมูลซ้ำซ้อน พร้อมเสริมความมั่นคงปลอดภัยในการใช้งาน โดยรวมแล้วจะสามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลได้มากถึง 18 รายการ พร้อมกันนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ยังได้เตรียมเดินหน้าขับเคลื่อนการค้าไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เปิดตัว 2 บริการใหม่ล่าสุด ได้แก่

นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เตรียมพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการค้าไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เปิดตัว 2 บริการใหม่ล่าสุด ได้แก่

  • โมบายแอปพลิเคชัน DITP ONE : แอปฯ แบบ One Stop Service ที่รวบรวมบริการดิจิทัลของกรมไว้ในที่เดียว ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ประกอบการยุคใหม่ที่นิยมใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลและบริการได้สะดวก รวดเร็ว และครบวงจร
  • ระบบ DITP My Scores : เครื่องมือวิเคราะห์ความพร้อม และศักยภาพในการส่งออกของผู้ประกอบการ ช่วยประเมินจุดแข็ง-จุดอ่อน พร้อมแนะนำกิจกรรมหรือบริการที่เหมาะสม เพื่อยกระดับธุรกิจได้อย่างตรงจุด

DITP

“การพัฒนาบริการเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการติดต่อราชการของผู้ประกอบการ ซึ่งมีมากกว่า 1 ล้านราย แต่ยังสร้างแต้มต่อทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้ในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว แต่ยังเป็นการสร้างแต้มต่อทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการไทยท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นในยุคดิจิทัล

ซึ่งคาดว่าจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยไทยให้ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลกด้านการค้าระหว่างประเทศภายในปี 2570 พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่เวทีโลกอย่างมั่นคง และยั่งยืน” สุนันทา กล่าว

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay