Epson เปิดบ้านใหม่!! พร้อมโชว์ศูนย์โซลูชั่น เซ็นเตอร์ แห่งแรกเพื่อลูกค้า B2B ในไทย

Epson

เอปสัน ประเทศไทย (Epson TH) เปิดโซลูชั่น เซ็นเตอร์ รวมครบทุกนวัตกรรมผสานความยั่งยืนตอบโจทย์การปรับตัวของลูกค้า B2B…

highlight

  • เอปสันลงทุนเสริมความแกร่งธุรกิจในไทย เปิดโซลูชั่น เซ็นเตอร์ รวมครบโปรเจคเตอร์ เครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม หุ่นยนต์แขนกล และเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจ ชูจุดแข็งทางด้านนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ตอบโจทย์ลูกค้า B2B ที่กำลังปรับตัวในไทย
  • โดย โซลูชั่น เซ็นเตอร์ของเอปสัน ประเทศไทย พื้นที่กว่า 600 ตร.ม. ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ด้านหน้าอาคารปัน (PUNN Smart Workspace) ถนนพระราม 4 เขตคลองเตย โดยพิธีเปิดในวันนี้ได้รับเกียรติจากผู้บริหารทั้งจากบริษัทแม่  ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น และจากสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วม

Epson เปิดบ้านใหม่!! พร้อมโชว์ศูนย์โซลูชั่น เซ็นเตอร์ แห่งแรกเพื่อลูกค้า B2B ในไทย

Epson
มร.จุนคิชิ โยชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจเครื่องพิมพ์ บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น

มร.จุนคิชิ โยชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจเครื่องพิมพ์ บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เอปสันไม่ได้กำหนดความก้าวหน้าขององค์กรที่ความสำเร็จด้านผลกำไรเท่านั้น แต่ให้ความสำคัญอย่างมากกับความยั่งยืน และได้นำมาใช้เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจ และการพัฒนานวัตกรรม

เอปสันมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน อย่างเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่ใช้เทคโนโลยี Heat-Free ลิขสิทธิ์เฉพาะของเอปสัน ที่ใช้พลังงานน้อย และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ความทุ่มเทนี้ทำให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น จนกลายเป็นแบรนด์เครื่องพิมพ์อิงค์แทงค์อันดับ 1 ของโลก

ด้วยยอดจำหน่ายสะสมสูงถึง 90 ล้านเครื่อง เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ เอปสันยังครองอันดับ 1 ในตลาดโปรเจคเตอร์ทั่วโลกมายาวนานถึง 22 ปีติดต่อกัน ที่สำคัญ บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าองค์กร หรือ B2B มาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถก้าวขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในตลาดเครื่องพิมพ์หน้ากว้างของตลาดอาเซียนในปีที่ผ่านมาได้สำเร็จ โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 21%

Epson

“เอปสันตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปการดำเนินงานเพื่อลูกค้า B2B และความสำคัญในการลงทุนด้านโครงสร้างเพื่อสนับสนุนโครงการใหม่ ๆ ที่จะขับเคลื่อนการเติบโตในธุรกิจด้าน B2B ดังนั้นโซลูชั่น เซ็นเตอร์นี้จึงเป็น ทัชพอยต์สำคัญที่จะทำให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของเอปสันได้พบและรับประสบการณ์อันน่าประทับใจโดยตรง

ด้วยตัวเองกับผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นด้าน B2B ใหม่ ๆ ของเอปสัน บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าภาคธุรกิจมีหน้าที่ต้องช่วยแก้ไขปัญหาในสังคม และสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่ชุมชน เมื่อมองไปที่อนาคต เอปสันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ช่วยให้องค์กรต่างๆ ให้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นที่ยั่งยืนของเอปสัน เพื่อยกระดับชีวิตและสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้แก่คนรุ่นต่อไป” มร.จุนคิชิ กล่าว

Epson
มร.ซิ่ว จิน เกียด กรรมการผู้จัดการภูมิภาค เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

มร.ซิ่ว จิน เกียด กรรมการผู้จัดการภูมิภาค เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า การเปิดโซลูชั่น
เซ็นเตอร์ในประเทศไทยถือเป็นอีกย่างก้าวสำคัญของ เอปสัน เพราะเมื่อรวมกับความสำเร็จในการเปิดโซลูชั่น
เซ็นเตอร์ที่ผ่านมาใน สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย 

เอปสันก็จะมีทัชพอยต์สำหรับลูกค้า B2B ได้ครอบคลุมภูมิภาคนี้ได้มากยิ่งขึ้น ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีบทบาทสำคัญต่อเอปสันมาโดยตลอด ถือเป็นตลาดหลักของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเอปสันได้เข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2533 หรือเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 3 ทศวรรษแล้ว

นอกจากนี้ เอปสัน ประเทศไทยยังเป็นศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจใน กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ และปากีสถานอีกด้วย การเปิดโซลูชั่น เซ็นเตอร์แห่งใหม่ล่าสุดวันนี้จึงสะท้อนถึงความทุ่มเทของ เอปสัน ที่จะสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจมากยิ่งขึ้นในภูมิภาคนี้ และตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินกิจการในประเทศไทย

Epson

โซลูชั่น เซ็นเตอร์ของเอปสัน ประเทศไทยได้รวมนวัตกรรม และความยั่งยืนมาไว้ด้วยกัน การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเอปสันในด้านความยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ และการฉายภาพอันทันสมัยของเอปสันมารังสรรค์พื้นที่ภายในให้สามารถใช้จัดแสดง

โซลูชั่นระดับนวัตกรรม ไปพร้อมกับส่งเสริมแนวปฏิบัติที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยให้ลูกค้าได้ใกล้ชิดกับผลิตภัณฑ์เหล่านั้น และความยั่งยืนในเวลาเดียวกัน เมื่อลูกค้าเปิดรับความยั่งยืน และประยุกต์ใช้ในธุรกิจ ก็จะสามารถช่วยลดผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานทางธุรกิจได้

“ขณะที่บริษัทฯ เดินหน้าขยายธุรกิจไปพร้อมกันทั่วทั้งภูมิภาค ความมุ่งมั่นในเรื่องความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมยังคงแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง ความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอองค์กรของ เอปสัน และสะท้อนอยู่ในการดำเนินธุรกิจ รากฐานของทุกสิ่งที่ทำมาจากปรัชญาของนวัตกรรมที่รวมทั้งประสิทธิภาพ ขนาดกะทัดรัด และความแม่นยำ

บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าโซลูชั่นที่ช่วยประหยัดพลังงาน นวัตกรรมที่ช่วยลดขนาดพื้นที่ใช้งาน และเทคโนโลยีที่มีความแม่นยำที่สูงพิเศษจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และเสริมสร้างชุมชนให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้นได้” มร.ซิ่ว จิน เกียด กล่าว

เอปสัน พร้อมมุ่งโฟกัส B2B มากขึ้น

Epson
ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอปสันมองเห็นถึงศักยภาพ และการเติบโตของสินค้าในกลุ่มธุรกิจ B2B ในทุกตลาดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้วางกลยุทธ์เพื่อรุกตลาดนี้โดยเฉพาะ

ตั้งแต่ด้านโครงสร้างของธุรกิจ การพัฒนาทีมงาน ไปถึงการพัฒนา และการให้การสนับสนุนตัวแทนจำหน่าย การลงทุนสร้างโซลูชั่น เซ็นเตอร์ในทุกประเทศก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ เพื่อเป็นทัชพอยต์สำหรับลูกค้า B2B ซึ่งโซลูชั่น เซ็นเตอร์แห่งใหม่ที่ประเทศไทยนี้ใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท

Epson

“นอกจากจะได้รับการออกแบบให้สามารถใช้พื้นที่กว่า 600 ตร.ม. ได้อย่างคุ้มค่า และอเนกประสงค์แล้ว เอปสันยังได้เลือกคอนเซ็ปต์ Sustainability of Asia and Season Changes ที่สนับสนุนจุดยืนทางด้านความยั่งยืนของเอปสันทั่วโลก

การตกแต่งภายในทั้งหมดเน้นใช้วัสดุที่มีผิวสัมผัส และสีที่เป็นธรรมชาติ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังตกแต่งด้วยภาพพิมพ์จากเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์ และอุตสาหกรรม และภาพฉายด้วยโปรเจคเตอร์ของเอปสัน 

สำหรับสินค้าไฮไลท์ที่จัดแสดงในวันเปิดโซลูชั่น เซ็นเตอร์ ประกอบด้วยเครื่องพิมพ์สิ่งทอแบบ Direct-to-Garment รุ่น Epson Monnalisa ML-8000 ที่ใช้หมึก UltraChrome ฐานน้ำ เครื่องพิมพ์ป้ายขนาดใหญ่ รุ่น Epson SureColor SC-S60670 ที่ใช้หมึก Eco-Solvent หรือรุ่น SureColor SC-R5030L ที่ใช้หมึกเรซิ่น

ซึ่งหมึกที่ใช้ในเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์ และอุตสาหกรรมทั้ง 3 ประเภท ของ เอปสัน ล้วนแต่ไร้กลิ่น ไร้สารพิษ ช่วยลดมลพิษทางอากาศ และได้รับการรับรองด้านความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากมาตรฐานระดับโลก อาทิ Greenguard Gold, AgBB และ French-VOC A+ Class เป็นต้น

ธุรกิจ Industrial Robot ส่อแว่วสดใสเติบโตต่อเนื่อง ด้านอิงค์เจ็ทยังไปต่อได้

Epson

สำหรับกลุ่มหุ่นยนต์แขนกล จะมีการจัดแสดงทั้งแบบ Scara และแบบ 6 แกน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ระบบการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มีความยืดหยุ่นรองรับการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพิ่มผลผลิต และลดของเสียหรือปริมาณขยะที่เกิดขึ้น ทำงานแทนคนในพื้นที่อันตรายหรือมีสารเคมีที่อันตรายต่อสุขภาพ

ช่วยลดการใช้พลังงาน และลดพื้นที่การใช้งานได้สูงสุดถึง 40% และลดเวลาการดำเนินการ และจัดการเรื่องระบบผลิตอัตโนมัติ โดยภายในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มแขนกลหุ่นยนต์ (Industrial Robot) หรือ ระบบหุ่นยนต์ หรือแขนกล (Robotics or Robotarm System) มีแนวด็นมการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยภาคอุตสาหกรรมต่างเร่งลงทุนเพื่อรองรับการผลิตที่ต้องการความแม่นยำ ลดความศูนย์เสีย และลดการสร้างมนพิษที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต เพื่อสร้างการเตอบโตอย่างยั่งยิน (Sustainability Management Process) โดยเอปสันสามารถครองอันดับ 1 ในส่วนของแขนกลที่แนวราบอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มให้บริการ

โดยที่ผ่านมา เอปสันสามารถเติบโต 2 ดิจิต ในทุก ๆ ปี ทำให้คาดว่ากลุ่มธรกิจแขนกลนี้จะเติบโตอีกแบบทวีคูณ นับจากนี้ไป โดยมีปัจจัยเกื้อหนุนที่ภาคยานยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาสร้างฐานการผลิตในไทย เป็นหนึ่งในกลไกในการขับเคลื่อนที่สำคัญ

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท ของเอปสัน ยังคงเติบโต เนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ หันมามองหาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งเอปสันเองก็มีเทคโนโลยี Heat-Free อย่าง Epson WorkForce Enterprise AM-Series ซึ่งไม่ใช้ความร้อน ใช้พลังงานต่ำ

และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ รวมถึงใช้วัสดุสิ้นเปลืองน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ทั้งยังถูกออกแบบระบบภายในให้สามารถใช้งาน และบำรุงรักษาง่าย เพราะมีชิ้นส่วนอะไหล่ที่ต้องดูแลรักษาน้อย ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay