ซีเมนส์ (Siemens) ร่วมกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) พลิกโฉมอนาคตการวางแผนโรงงานอย่างยั่งยืนด้วย Digital Energy Twin…
highlight
- ซีเมนส์ และ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ผนึกกำลังภายใต้ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ เพื่อร่วมกันพัฒนา “ดิจิทัล เอนเนอร์จี้ ทวิน” (Digital Energy Twin) ที่เพิ่มประสิทธิภาพการบูรณาการมาตรการด้านการประหยัดพลังงาน และความยั่งยืนในการออกแบบ และปรับปรุงโรงงาน ลดระยะเวลาที่ใช้ในขั้นตอนการวางแผนเบื้องต้น
- การพัฒนา และทดสอบ ดิจิทัล เอนเนอร์จี้ ทวิน อยู่ที่โรงงานของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ “Factory 56” ในเมืองซินเดลฟินเกน ประเทศเยอรมนี โดยความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของระบบนิเวศของแพลตฟอร์มธุรกิจแบบเปิด Siemens Xcelerator ในการสร้างผลิตภัณฑ์ และโซลูชันที่เจาะลึกเฉพาะอุตสาหกรรม และกรณีการใช้งานเฉพาะทาง
Siemens จับมือ Mercedes–Benz วางแผนก้าวสู๋โรงงานที่เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเทคโนโลยี Digital Energy Twin

นวัตกรรม ดิจิทัล เอนเนอร์จี้ ทวิน ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนเป้าหมายของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่จะใช้พลังงานหมุนเวียนในโรงงานที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของทั่วโลกได้ 100% ภายในปี 2582 โดย ดิจิทัล เอนเนอร์จี้ ทวิน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความซับซ้อน และเร่งกระบวนการวางแผนพลังงานขั้นต้นในโรงงาน
ทั้งที่มีอยู่ที่เดิม และโรงงานใหม่ ซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการวางแผนได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยความร่วมมือดังกล่าวผสานองค์ความรู้ด้านการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ ดิจิทัล เอนเนอร์จี้ ทวิน ของซีเมนส์เข้ากับความชำนาญด้านยานยนต์ของพันธมิตรระดับโลกของเรา
เพื่อสร้างเครื่องมือที่สามารถปรับขยายได้สำหรับสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยซีเมนส์จะให้การฝึกอบรม และการสนับสนุน รวมทั้งการบำรุงรักษา และพัฒนา ดิจิทัล เอนเนอร์จี้ ทวิน อย่างต่อเนื่องตามแผนการนำไปใช้ที่ครอบคลุมเครือข่ายการผลิตระดับโลกของ เมอร์เซเดส-เบนซ์
ดิจิทัล เอนเนอร์จี้ ทวิน ได้รับการออกแบบ และทดสอบที่ “Factory 56” ในโรงงานเมอร์เซเดส-เบนซ์เมืองซินเดลฟินเกน ประเทศเยอรมนี โดยใช้แบบจำลองพฤติกรรมของการใช้อาคาร อุปกรณ์ทางเทคนิค และการผลิตพลังงาน โดยใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล เอนเนอร์จี้ ทวิน เชื่อมต่อข้อมูล
เช่น สภาพอากาศ การจำลองการใช้พลังงานไฟฟ้า สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในอาคารรวมถึงขนาด และมิติ เพื่อจำลองระบบพลังงาน และอุปกรณ์ไฟฟ้า ทำให้เห็นภาพการใช้พลังงานในสถานการณ์ต่าง ๆ และให้คำแนะนำการเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการ และประหยัดพลังงาน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
“ด้วยการจำลองสถานการณ์การปฏิบัติงาน และการใช้พลังงานอย่างแม่นยำ ดิจิทัล เอนเนอร์จี้ ทวิน ช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว และโปร่งใสมากขึ้นตั้งแต่ช่วงแรกของขั้นตอนการวางแผน”
มัทเธียส รีเบลเลียส สมาชิกคณะกรรมการบริหารของซีเมนส์ เอจี และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ กล่าวว่า สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงวิธีที่ซีเมนส์ผสานโลกจริง และโลกดิจิทัล เข้าด้วยกันเพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนพร้อมขยายขอบเขตไปยังอุตสาหกรรมต่าง ๆ นับเป็นก้าวแรกที่น่าตื่นเต้นซึ่งนำไปสู่กระบวนการที่บูรณาการการวางแผน การปฎิบัติการอาคาร และการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ร่วมมือเพื่อผลักดันให้เกิดวิธีการผลิตที่ยั่งยืน
ดิจิทัล เอนเนอร์จี้ ทวิน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Siemens Xcelerator ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจดิจิทัลแบบเปิดที่เร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และเปิดโอกาสให้ลูกค้า และพันธมิตรร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ และโซลูชันตามความต้องการสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ
ซีเมนส์ และเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้จัดตั้งความร่วมมือทางกลยุทธ์ในปี 2564 สำหรับการผลิตยานยนต์ที่ยั่งยืน ทำให้เกิดความร่วมมือผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับวิธีการผลิตที่ยั่งยืน
ด้าน อาร์โน ฟาน เดอร์ แมร์เวอ รองประธานฝ่ายวางแผนการผลิต เมอร์เซเดส-เบนซ์คาร์ กล่าวว่า ดิจิทัล เอนเนอร์จี้ ทวิน เป็นคำตอบของเราในการนำเสนอแบบทำให้เห็นภาพ วิเคราะห์ และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการประหยัดพลังงานของอาคารอย่างยั่งยืน
ด้วยนวัตกรรมนี้ เราได้รับประโยชน์จากความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับอาคารโรงงานที่มีอยู่ และเปลี่ยนโฉมสู่อาคารอัจฉริยะ เราสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพของอาคารได้อย่างเต็มที่ และวางมาตรฐานการใช้อาคารที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงาน และความยั่งยืนในเครือข่ายการผลิตระดับโลกของ เมอร์เซเดส-เบนซ์

ซึ่งเทคโนโลยี ดิจิทัล เอนเนอร์จี้ ทวิน มีความสำคัญอย่างมากในพอร์ตโฟลิโอโซลูชันของ ซีเมนส์ สำหรับการสนับสนุนลูกค้าอุตสาหกรรมในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน และการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซีเมนส์ประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่ากำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับนานาชาติอีกรายหนึ่ง
เพื่อไปสู่การวางแผนลดการผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในระดับโลก ด้วยการใช้ ดิจิทัล เอนเนอร์จี้ ทวิน จำลองการใช้พลังงาน และระบุความสามารถในการประหยัดพลังงานจากโรงงานผลิตเบียร์ 15 แห่งทั่วโลก
จากการประมาณการของซีเมนส์ แต่ละโรงงานจะสามารถประหยัดพลังงานได้ระหว่าง 15-20% โดยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ย 50% ต่อแห่ง
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th
 
                 
		
