Review : Huawei Band 9 สมาร์ทแบนด์แบตอึดที่มาพร้อมคุณภาพระดับสมาร์ทวอทช์

Huawei Band 9

รีวิว (Review) : Huawei Band 9 สมาร์ทแบนด์แบตอึดใช้งานยาวนาน 14 วัน ที่มาพร้อมคุณภาพระดับสมาร์ทวอทช์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ แต่จะดีแค่ไหนคงต้องมาลองใช้งานดูกัน…

เมื่อไม่นานมานี้ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ กรุ๊ป ได้ออกมาเผยโฉม หัวเว่ย แบนด์ 9 (Huawei Band 9) สมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมฟีเจอร์ระดับสมาร์ทวอทช์ โดยชูจุดเด่นว่าฟีเจอร์ในด้านการสุขภาพที่ครอบคลุมไปถึงการตรวจจับหยุดหายใจ ขณะนอนหลับ!!ได้ แถมตัวสายคาดข้อมือก็บอกว่าทำมาจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อผิวของผู้สวมใส่ และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า 2 อาทิตย์ (ประมาณ 14วัน) สำหรับการใช้งานทั่วไป และนาน 9 วัน สำหรับการใช้งานแบบต่อเนื่อง และยังสามารถชาร์จเต็ม 100% ภายในเวลาแค่ 45 นาที เท่านั้น!! รวมไปถึงยังรองรับการกันน้ำในระดับ 5ATM แถมยังการันตรีว่ารองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ทั้ง iOS และ Android อีกด้วย

ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นอุปกรณ์ที่ หัวเว่ย ผลิตขึ้นมาแอดมินก็ค่อนข้างเชื่อว่าต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีในระดับหนึ่ง แต่..ก็ยังไม่อยากฟันธง!! ว่ามันจะดี และคุ้มค่าตามที่ หัวเว่ย ได้โฆษณากล่าวเอาไว้ เลยต้องขอทดสอบใช้งานเองจริง ๆ กับตัวก่อน ซึ่งจากการทดลองใช้มาได้ระยะเวลาหนึ่ง คงต้องยอมรับล่ะครับว่านี่ถือเป็นสมาร์ทแบนด์อีกหนึ่งรุ่นที่น่าใช้งานมากครับ และคุ้มค่าเงินที่ต้องจ่ายไปเต็ม 10 ไม่มีหักเลยจริง ๆ ครับ แต่จะคุ้มค่ายังไง ทำไมแอดมินถึงบอกว่าคุ้ม ลองไปอ่านรีวิวกันดีกว่า

Review : Huawei Band 9 สมาร์ทแบนด์แบตอึดที่มาพร้อมคุณภาพระดับสมาร์ทวอทช์

Huawei Band 9

หัวเว่ย แบนด์ 9 ถือเป็นสมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย หัวเว่ย ที่มีเหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาอุปกรณ์แรกเริ่มสักชิ้นไว้ติดตามค่าสุขภาพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การตรวจจับความเครียด การจัดการรอบประจำเดือน ฯลฯ เพื่อนำไปปรับปรุงสุขภาพเบื้องต้นของผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้นได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่ายิม หรือค่าโค้ชแพง ๆ เพื่อมาคอยประกบสอนให้เราทำตาม แต่สามารถใช้เป็น “ข้อมูล” พื้นฐานในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเราเองให้มีทิศทางที่ดีขึ้นได้ไม่ยาก ที่สำคัญคือการที่ตัวเครื่องนั้นสามารถรองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง 2 ระบบปฎิบัติการ (iOS / Android) นี่ล่ะครับที่ทำให้ผู้ใช้อย่างเรา ๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะใช้งานไม่ได้เพราะเครื่องสมาร์ทโฟนของเราไม่ใช่ระบบ Android นั่นเอง 

บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง หัวเว่ย แบนด์ 9

  • ตัวเครื่อง (ตัวเรือน) Huawei Band 9
  • สายชาร์จ USB แบบแม่เหล็ก (ไม่มีหัว Adaptor แถม)
  • คู่มือ และใบรับประกัน

Huawei Band 9

สเปคข้อมูล (Specification) : หัวเว่ย แบนด์ 9

  • สี : 4 สี ได้แก่ สีดำ Starry Black, สีขาว White, สีเหลือง Lemon Yellow และ สีชมพู Charm Pink
  • ขนาด : 43.45 x 24.54 x 8.99 มม. 
  • น้ำหนัก : 14 กรัม
  • หน้าจอ : แบบ AMOLED ความละเอีอด 194 x 368 พิกเซล ขนาด 1.47 นิ้ว + กระจกโค้งมนแบบ 2.5D ที่รองรับโหมด AOD (Always On Display)
  • ตัวเครื่อง / ตัวเรือน : ทำจากพลาสติกคุณภาพดีหนา 8.99 มม. และสายข้อมือทำจากวัสดุฟลูออโรอีลาสโตเมอร์ (Fluoroelastomers) ที่ทนต่ออุณหภูมิสูง *ช่วงอุณหภูมิในการ –10°C ถึง +45°C ขนาด 20-190 มม. (รองรับได้ ถึง 130-210 มม.)
  • ระบบเซ็นเซอร์ : หน่วยวัดความเฉื่อยแบบ 9-axis IMU sensor (Accelerometer sensor, Gyroscope sensor, Magnetometer sensor) วัดอัตราการเต้นของหัวใจด้วยแสงอินฟราเรด (Optical heart rate sensor) และตรวจจับแสงสภาพแวดล้อม (Ambient Light Sensor) 
  • ระดับการกันน้ำ : ความสามารถทนทานแรงดันแบบ 5 ATM water-resistant (ละอองน้ำ, ฝน, หิมะ, การอาบน้ำ, การว่ายน้ำ, การดำน้ำ และการดำน้ำตื้น)
  • รองรับการเชื่อมต่อ : ย่านความถี่ 2.4 GHz, Bluetooth 5.0 และ เทคโนโลยี Bluetooth low energy : BLE
  • ระบบปฏิบัติการ : ระบบปฎิบัติการ Android 6.0 หรือ 9.0 รวมถึง Harmony OSiOS 9.0 และ iOS เวอร์ชัน 9.0 ขึ้นไป
  • ฟีเจอร์โดดเด่น : TruSleep 4.0, SpO2 (Postprandial glucose : PPG) และ Activity Ring
  • แบตเตอรี่ : ลิเธียมโพลิเมอร์ (Lithium-Polymer) ขนาด 180 mAh
  • ราคา : 1,999 บาท

การออกแบบ (design)

ด้านการอกแบบดีไซน์ตัวกล่อง (Packaging Design) นั้น ตัวเครื่องมาด้วยกล่องกระดาษทรงสีเหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าสกีนภาพตัวเครื่อง หัวเว่ย แบนด์ 9 พร้อมโลโก้ ด้านข้างตัวกล่องฝั่งขวาสกีน QR code Huawei Health App เอาไว้เพื่อให้ผู้ใช้ได้แสกนโหลดแอปฯ ขณะที่ฝั่งซ้ายไม่มีการสกีนอะไร ด้านล่างตัวกล่องจะมีมีหมายเลขซีเรียล, IMEI และสีของตัวเครืองแปะอยู่

ขณะที่ด้านหลังตัวกล่องจะมีสกีน 9 จุดเด่นของ หัวเว่ย แบนด์ 9 ได้แก่ สายรัดเป็นมิตรกับผิว, ตัวเรือนดีไซน์บางเพียง 8.99 มม., หน้าจอปรับความสว่างโดยอัตโนมัติ, เซ็นเซอร์ SpO2, เซ็นเซอร์ Optical heart rate, ฟีเจอร์ TruSleep 4.0, โหมดการออกกำลังกายได้ 100 โหมด, แบตเตอรี่ใช้งานยาวนาน และชาร์จเต็ม, ความสามารถในการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ iOS และ Android การเชื่อมต่อก็ทำได้ง่าย ๆ ผ่านแอป Huawei Health

Huawei Band 9

ด้านในตัวตัวกล่องเมื่อแกะออก และดึงตัวบรรจุผลิตภัณฑ์ออกมาเราจะพบกับตัวเรือน หัวเว่ย แบนด์ 9 (ซึ่งแอดมินได้ตัวสีดำ Starry Black มาทดสอบ) ขณะที่ช่องเก็บสายชาร์จ USB แบบแม่เหล็ก และ คู่มือ และใบรับประกันด้านล่าง ด้านสัมผัสแรกกับตัวเรือน หัวเว่ย แบนด์ 9 ตัวเรือนนั้นค่อนข้างดูดี และมีดีไซน์เป็นไปตามแบบฉบับของสมาร์ทแบนด์ที่มีอยู่ทั่วไปในตลาดครับ เพียงแต่จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าในบางรุ่น

Huawei Band 9

โดยตัวมีความบางเพียง 8.99 มม. และมีน้ำหนักเบาประมาณ 14 กรัม (ไม่รวมสาย) ซึ่งจะมีขนาดเดียวกันกับเจ้า หัวเว่ย แบนด์ 8 ซึ่งเป็นรุ่นก่อนหน้านี้ ด้านตัวหน้าจอจะมีความโค้งเล็กน้อย ให้สัมผัสที่ไลหลื่นทุกการใช้งานเนื่องจากการที่ออกแบบมาให้มีหน้าจอกระจกโค้ง 2.5D และแผ่นกระจก CG ที่ใส่เพิ่มเข้ามา

Huawei Band 9

ขณะที่ด้านสายข้อมือนั่นถือว่าสวมใส่สบายมากกว่ารุ่นก่อนมากครับ จากที่บอกว่าตัววัสดุทำมาจากฟลูออโรอีลาสโตเมอร์ (Fluoroelastomers) ที่เป็นมิตรผิวผู้สวมใส่ ดูน่าจะไม่ใช่คำกล่าวอ้างเกินจริงเลยทีเดียว ส่วนช่องรูตัวล็อคก็ออกแบบมาให้ช่วยระบายอากาศได้ดีขึ้นมากกว่าเดิม

Huawei Band 9

และตัวสายยังสามารถถอดเพื่อเปลี่ยนสีได้ โดยเราเพียงแค่มีกดที่ปุ่มที่อยู่ด้านหลัง เพื่อปลดล็อคสายบริเวณส่วนขอบทั้ง 2 ด้าน ช่วยให้การถอดเปลี่ยนสายทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และง่ายดาย ไม่ต้องใช้เครื่องมือใด ๆ ในการเปลี่ยนสายเลย

Huawei Band 9

ด้านความสามารถในการควบคุมนอกเหนือไปจากระบบสัมผัสที่ตัวหน้าจอที่สามารถปัด ซ้าย-ขวา หรือปัด ขึ้น-ลง ได้อย่างไหลลื่นแล้ว ตัวขอบด้านข้างก็มีปุ่มการ ปิด-เปิด เครื่องมาให้โดยใช้การกดค้างแช่เอาไว้ ที่สำคัญคือยังสามารถใช้เป็นปุ่มลัดในการสลับกับหน้าจอเมนูหลัก หรือเปิดเมนูการตรวจวัดสุขภาพต่าง ๆ ได้

Huawei Band 9

ไม่ว่าจะเป็น การปัดขวาเพื่อดูสภาพอากาศ หรือเล่นเพลง, การปัดซ้ายเพื่อดูอัตราการเต้นหัวใจ, ค่าซิเจนในเลือด, ข้อมูลการนอนหลับ, ข้อมูลการออกกำลังกาย ก็ทำได้ง่าย ๆ และถ้าอยากกลับหน้าหลักก็เพียงกดปุ่มที่ด้านข้างตัวเรือน ซึ่งตอบสนองการสัมผัสก็ทำได้อย่างแม่นยำ

Huawei Band 9

นอกจากนี้ตัว หัวเว่ย แบนด์ 9 ยังรองรับโหมด AOD (Always On Display) ที่ช่วยให้สามารถแสดงเวลา และวันที่บนหน้าจออยู่ตลอดเวลา ซึ่งหน้าปัดนาฬิกาแต่ และแบบจะมีโหมด AOD ของตัวเอง ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสไดด์ที่ชอบได้เลย

Huawei Band 9

ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบตั้งเป็นรูปของเอง หรือจะใช้แบบฟรี หรือถ้าไม่ถูกใช้ก็สามารถซื้อหาแบบที่โดนใจเพิ่มได้ตามที่ต้องการเลย นอกจากนี้ในโหมด AOD ยังมีอีกหนึ่งความพิเศษคือมีโหมดในปรับหน้าจอสว่าง หรือดร็อปแสงเองให้แบบอัตโนมัติ เพื่อถอนมหลังงานในเวลาที่เราไม่ได้จ้องหน้าปัดอยู่มาให้อีกด้วย

ส่วนด้านหลังตัวเรือนสีดำด้านจะมีหมุดแม่เหล็ก 2 จุด สำหรับเชื่อมต่อกับแท่นชาร์จแบตเตอรี่ หรือใช้สายชาร์จ USB แบบแม่เหล็ก ที่แถมมา ให้เพื่อชาร์จเพิ่มพลังงานให้แก่แบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์ (Lithium-Polymer) ขนาด 180 mAh ของตัวเครืองได้ โดยรองรับการชาร์จเร็ว (Fast Charging) อีกด้วย

Huawei Band 9

ด้านตัวเครื่องเองก็ถือว่าทำงานได้มีประสิทธิภาพค่อนข้างดีเพราะมารันอยู่บน EMUI เวอร์ชั่น 8.1 ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ช่วยให้กราฟิกที่ดีขึ้นถึง 60% และใช้พลังงานได้ถึง 30% ซึ่งทำให้ตัว หัวเว่ย แบนด์ 9 ใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า 14 วัน (การใช้งานทั่วไป) และนาน 9 วัน สำหรับการใช้งานแบบต่อเนื่องนั่นเอง

Huawei Band 9

ในส่วนของฟีเจอร์ของ หัวเว่ย แบนด์ 9 ก็เรียกว่าจัดเต็มมาให้ชนิดที่ว่าไม่น่าชื่อว่านี่คือสมาร์ทแบนด์เท่านั้น เนื่องจากฟีเจอร์ต่าง ๆ หลายตัวนั้นมักจะพบอยู่ในสมาร์ทวอทช์ใซัส่วนใหญ่ โดยภายใน TruSleep 4.0 ได้ใส่ ฟีเจอร์จับการเต้นของหัวใจด้วยแสงอินฟราเรด (Optical heart rate sensor) ที่สามารถตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ,

ฟีเจอร์ SpO2 (Postprandial glucose : PPG) ที่เพิ่มความแม่นยำในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และออกซิเจนในเลือด และยังมีการออกกำลังกายได้มากกว่า 100 โหมด อาทิ การวิ่ง, ขี่จักรยาน และว่ายน้ำ ที่มีอัลกอริทึมที่ช่วยประเมินความเหมาะสมในการออกกำลังกายในแต่ล่ะประเภทมาให้

เพื่อมอบความสมดุลในการออกกำลังกาย และด้วยความสามารถทนทานแรงดันแบบ 5 ATM water-resistant (ละอองน้ำ, ฝน, หิมะ, การอาบน้ำ, การว่ายน้ำ, การดำน้ำ และการดำน้ำตื้น) ก็ยิ่งทำให้เราสามารถสนุกกับกิจกรรมที่เสี่ยงการเปียกได้อย่างไร้กังวลว่าเครื่องจะพัง รวมถึงยังมีฟีเจอร์ติดตามความเครียด และการจัดการรอบเดือนสำหรับคุณผู้หญิงมาให้อีกด้วย

Huawei Band 9

สำหรับคนที่เคยกลัวว่าจะไม่เข้าใจเรื่องภาษา ไม่ต้องกลัวว่าจะใช้งานไม่เข้าใจนะครับเนื่องจากตัว หัวเว่ย แบนด์ 9 นั่นถูกออกแบบมาให้สามารถรองรับการใช้งานภาษาไทยมาให้เลือกใช้งาน โดย EMUI ของ หัวเว่ย รุ่นใหม่ ๆ มักจะแก้ปัญหาเดิมจนหมดไปแล้วไม่ว่าจะ อักขระ ไม่ครบ หรืออักษรซ้อนกัน ก็ไม่ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว

นอกจากที่กล่าวไปข้างต้นแล้วการทำงานของเจ้า หัวเว่ย แบนด์ 9 ยังครอบคลุมไปถึงการแสดงผลของ ข้อความ ที่อยู่ในสมาร์ทโฟนของเรา ไม่ว่าจะเป็นข้อความจาก อีเมลล์, ไลน์, แมสเซนเจอร์, SMS ฯลฯ รวมไปถึง ยังสามารถแสดงเบอร์โทรที่โทรเข้ามาหาเราได้ด้วย

การเชื่อมต่อเพื่อเริ่มต้นใช้งาน (Get Started)

สำหรับผู้ที่ยังไม่เตยใช้งานสมาร์ทแบนด์ หรือ สมาร์ทวอทช์ ของ หัวเว่ย มาก่อน สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกหลังจากที่ได้ชาร์จพลังงานให้เจ้า หัวเว่ย แบนด์ 9 จนเต็มแล้ว ให้ไปโหลดแอปพลิเคชั่น Huawei Health กันมาก่อนครับ โดยคนที่ใช้ Android ให้ไปโหลดได้ที่ Play Store และคนที่ใช้ iOS ให้ไปโหลดได้ที่ App Store 

หรือจะใช้การแสกน คิวอาร์โค้ด (QR Code) ที่อยู่ที่ข้างกล่องก็ได้ครับ เมื่อโหลด และติดตั้งเสร็จแล้ว ก็เปิดสัญญาณ บลูทูธ (Bluetooth) ที่ตัวเครื่อง และเข้าไปที่แอปพลิเคชั่น เพื่อเตรียมเชื่อมต่อครับ โดยแค่เปิดแอป Huawei Health แล้วไปที่ อุปกรณ์ ไปที่ กดเพิ่มอุปกรณ์ จากนั้นเลือกชื่อนาฬิกาของคุณ (มองหา Huawei Band 9) กดเชื่อมต่อเพื่อจับคู่อุปกรณ์ครับ ทำตามคำแนะนำที่แสดงบนหน้าจอไปเรื่อย ๆ ก็เสร็จแล้ว หรือหากค้นหาแล้วไม่เจอก็สามารถกดที่ตัวเรือนเพื่อให้แสดง QR Code แล้วแสกนเชื่อมต่อได้เช่นกัน

Huawei Band 9

Huawei Band 9

ข้อสรุปการใช้งานหลังจากทดสอบ (Conclusion of use)

การใช้งานมาซักพัก หัวเว่ย แบนด์ 9 ถือเป็นสมาร์ทแบนด์ที่น่าจับจองเป็นเจ้าของอีกหนึ่งรุ่นครับ และเป็นรุ่นที่แอดมินอยากแนะนำให้ผู้อ่านที่ยังไม่เคยใช้นาฬกาสมาร์ททั้งหลายมาก่นพิจารณาเลือกใช้เป็นอันดับแรก ๆ เลย เพราะตัว หัวเว่ย แบนด์ 9 นั้นถือว่ามีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่าย แล้วตอบโจทย์ทุกการใช้งานในเบื้องต้นของเราได้ ๆ ไม่สามารถจะเป็นขนาดที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป ตัววัสดุที่ใช้ทำขึ้นมาก็สวมใส่สบาย

ส่วนการออกแบบ IU และ หน้าจอแสดงผลก็ถือว่าทำออกมาได้เป็นอย่างดีเพราะมีสีสันที่สดใส และใช้งานง่ายดายมาก ๆ ด้านการชาร์จแบตเตอรี่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก เพราะตัวสายชาร์จแบบหัวแม่เล็กนั้น เราจะไม่สามารถฝืนยัดให้เข้าได้เนื่องจากหากไม่ตรงในทิศทางที่ถูกต้องก็จะไม่สามารถชาร์จได้ครับ และด้วยความสามารถในการรองรับ

Huawei Band 9

การชาร์จเร็วชาร์จเต็ม 0-100% จะใช้เวลาเพียงประมาณ 45 นาที และรองรับการใช้งานได้นานถึง 9-14 วัน ถือว่าตอบโจทย์คนที่ชอบลืมชาร์จอุปกรณ์อย่างมากครับ เพราะบางทีเราอาจมีอุปกรณ์ที่ต้องชาร์จมากกว่า 1 อุปกรณ์ ก็อาจจะเผลอลืมกันได้ หากจะมีข้อกังวลบ้างก็คงเป็นการที่สายชาร์จเป็นแบบชิ้นเดียวที่เสี่ยงจะยุ่งยากได้หากหาย

รวมไปถึงตัวเครืองไม่มีหัว Adaptor แถมมาให้ทำให้อาจจะต้องดึงเปลี่ยนสบับก็อันที่มีอยู่ใช้แทน ซึ่งเสี่ยงต่อการชำรุดเสียหาย ส่วนอีกข้อก็น่าจะเป็นเรื่องของขนาดหน้าจอหากเป็นคนที่มีสายตาไม่ค่อยดีก็อาจจะไม่เหมาะเท่าไร คงจะต้องก้มดูกันนานเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะยังมีสมาร์ทวอทช์รุ่นอื่น ๆ ของ หัวเว่ย ให้ได้เลือกใช้กันตามชอบได้นั่นเอง

ข้อดี

  • ตัวเครื่องมีความบางเพียง 8.99 มม. และมีน้ำหนักเบาประมาณ 14 กรัม (ไม่รวมสาย)
  • หน้าจอ AMOLED รองรับองรับโหมด AOD (Always On Display)
  • หน้าจอแสดงผลก็ถือว่าทำออกมาได้เป็นอย่างดีเพราะมีสีสันที่สดใส และใช้งานง่ายดาย
  • รองรับการใช้งานภาษาไทยมาให้เลือกใช้งาน
  • สายข้อมือทำจากวัสดุฟลูออโรอีลาสโตเมอร์ (Fluoroelastomers) ที่ทนต่ออุณหภูมิสูง กอดเปลี่ยนได้ง่าย
  • รองรับการชาร์จเร็ว (Fast Charging)
  • ทนทานแรงดันน้ำแบบ 5 ATM water-resistant
  • TruSleep 4.0 มีฟีเจอร์รองรับการออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพแบบอัจริยะ

ข้อเสีย

  • สายชาร์จเป็นแบบชิ้นเดียวที่เสี่ยงจะยุ่งยากได้หากหาย หรือมีการชำรุดเสียหาย
  • หน้าจอไม่เหมาะกับคนที่มีสายตาไม่ค่อยดี
  • มีสายนาฬิกา เพียงคู่เดียว
  • ไม่มีหัว Adaptor แถมมาให้

ไฮไลท์โปรโมชัน หัวเว่ย แบนด์ 9

Huawei Band 9

หัวเว่ย แบนด์ 9 ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,299 บาท จากราคาปกติ 1,999 บาท

  • เมื่อออเดอร์ที่ amado shopping ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ถึง 15 พฤษภาคม 2567 รับฟรี จานร่อน มูลค่า 890 บาท
  • เมื่อออเดอร์ที่ ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนช่องทาง Lazada ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2567 รับฟรี โค้ดส่วนลดมูลค่า 50 บาท และ ร่มสีส้ม มูลค่า 490 บาท (สำหรับ 350 ออเดอร์แรก)
  • เมื่อออเดอร์ที่ ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนช่องทาง Shopee ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 รับฟรี โค้ดส่วนลดมูลค่า 50 บาท และ กระติกน้ำสแตนเลส มูลค่า 790 บาท (สำหรับ 230 ออเดอร์แรก)
ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay