Thailand Post ฟื้นแรง กำไรทะลุ 631 ล้าน ย้ำผู้นำขนส่งไทยยุคดิจิทัล

Thailand Post

ไปรษณีย์ไทย (Thailand Post) กำไรพุ่ง 631 ล้าน พร้อมดันกลุยุทธ์ “1-4-2” ครองใจคนไทย ดันโซลูชันหนุนอีคอมเมิร์ซ-เศรษฐกิจดิจิทัล…

highlight

  • ไปรษณีย์ไทย โชว์กำไรครึ่งปีแรก 2568 กว่า 631.56 ล้านบาท โตแรง 362% จากปีก่อน รายได้รวมแตะ 11,544 ล้านบาท เดินหน้ากลยุทธ์ “1-4-2” มุ่งเป็นขนส่งอันดับ 1 ของคนไทย พร้อมเปิดตัวโซลูชันใหม่ เช่น Super App, ระบบจ่าหน้า D/ID และบริการ Specialized Logistics หนุนอีคอมเมิร์ซ-เศรษฐกิจดิจิทัล ภายใต้แนวคิด “POSTsible Together เป็นไปรฯ ได้ ไปรฯ ด้วยกัน”

Thailand Post ฟื้นแรง! กำไรทะลุ 631 ล้าน ย้ำผู้นำขนส่งไทยยุคดิจิทัล

Thailand Post
รัฐพล ภักดีภูมิ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด

รัฐพล ภักดีภูมิ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า เพื่อสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม การดำเนินงานของไปรษณีย์ไทยในยุคดิจิทัลจึงได้ขับเคลื่อนทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐา นและเทคโนโลยีดิจิทัลควบคู่กับการยกระดับคุณภาพบริการให้ได้มาตรฐานสากล

รวมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของตลาด และความต้องการของประชาชน เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจขนส่ง และโลจิสติกส์ของไทย พร้อมกันนี้ ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการที่โปร่งใสตรวจสอบได้ และยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน และภาคธุรกิจ

โดยมุ่งให้ ไปรษณีย์ไทย ไม่เพียงเป็นผู้ให้บริการขนส่ง แต่เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล และสร้างคุณค่าทางสังคมในระยะยาว นอกจากนี้ ได้วางแผนขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่น

เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า และการเข้าถึงบริการดิจิทัลอย่างทั่วถึงพร้อมทั้งผลักดันโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย และวิสาหกิจชุมชนให้สามารถใช้แพลตฟอร์ม ไปรษณีย์ไทย เป็นช่องทางสร้างรายได้ และเข้าถึงตลาดใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขับเคลื่อนสู่อนาคต ผ่าน 4 กลยุทธ์

Thailand Post
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกปี 2568 ไปรษณีย์ไทย ยังคงมีการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง สะท้อนจากรายได้รวม 11,544 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 631.56 ล้านบาท เติบโตเพิ่ม 4 เท่า โดยรายได้รวมเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567

ถึง 8.88% โดยคิดเป็นรายได้กว่า 1000 ล้านบาท เติบโตกว่า 10% และมีกำไรสุทธิเติบโตขึ้น 362.34% กลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้สูงสุด คือ กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ คิดเป็น 46.83% ของรายได้ทั้งหมด โดยมีรายได้รวม 5,406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.56% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

โดยปริมาณชิ้นงานเพิ่มขึ้น 6% เพื่อตอกย้ำศักยภาพสื่อสารและขนส่งของชาติ ในวาระ 142 ปี ไปรษณีย์ไทย ได้มุ่งการเสริมสร้าง ทุกความสัมพันธ์ ส่งเสริมทุกการเติบโต พร้อมวางกลยุทธ์ “1-4-2” ให้เป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนองค์กร

Thailand Post

โดย “1” คือการเป็นขนส่งอันดับ 1 ของคนไทย ที่โดดเด่นทั้งคุณภาพบริการตั้งแต่ระบบรับฝาก ส่งต่อ และนำจ่ายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยมีเครือข่ายครอบคลุมเข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศรวมกว่า 50,000 แห่ง ทำให้สามารถให้บริการแบบมืออาชีพ และเหนือความคาดหวังของลูกค้าในทุก Touch point 

อีกทั้งยังยกระดับองค์กรสู่การเป็น Tech Post อย่างเต็มรูปแบบด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทย มีคะแนน Top of Mind ของแบรนด์ 99.54% และมีคะแนนความไว้วางใจในแบรนด์ 96.11% สะท้อนถึงการเป็นแบรนด์ที่ได้รับความเชื่อมั่น และไว้ใจจากคนไทย

 “4 พลัง” ขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่ พลังความเร็ว ที่มุ่งส่งมอบการให้บริการที่รวดเร็ว แม่นยำ โดยบริการที่มีความโดดเด่น และได้รับความนิยมสูงที่สุดยังคงเป็นบริการส่งด่วน EMS ที่ทำรายได้คิดเป็น 43.31% ของรายได้รวมของ ไปรษณีย์ไทย พลังเพื่อธุรกิจ ที่ออกแบบโซลูชันรองรับตั้งแต่ผู้ประกอบการรายเล็กถึงรายใหญ่

เช่น การให้บริการคลังสินค้าครบวงจร หรือ THP Fulfillment ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่มีภาคธุรกิจขนาดใหญ่ลงทุนมีการเติบโต และขยายตัวของธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่จะเอื้อต่อการขยายฐานลูกค้าเป้าหมายของผู้ใช้บริการ

Thailand Post

พลังเชื่อมโลก ที่พร้อมพาธุรกิจไทยเติบโตได้ครอบคลุม 205 ปลายทาง 193 ประเทศ และ พลังความล้ำ ที่นำเทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรมใหม่มาปรับใช้ในการพัฒนาบริการเพื่อตอบโจทย์โครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น Digital Postbox บริการตู้ไปรษณีย์ดิจิทัลจาก Prompt Post 

ที่ต่อยอดการส่งจดหมายแบบ Physicalสู่ Digital สามารถรับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ รวดเร็ว ใช้งานง่าย ปลอดภัย ติดตามสถานะได้ บริการ D/ID ระบบการจ่าหน้าแบบดิจิทัล ที่สามารถแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ส่งและผู้รับเป็นรหัส 6 หลัก ซึ่ง 2 บริการ นี้พร้อมจะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งจะช่วยลดความผิดลงได้มาก

ขณะที่ “2” คือ 2 แกนหลัก ที่เป็นผู้เชื่อมทั้งความสัมพันธ์และความสำเร็จ นอกจากนี้ยังมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจพร้อมกับดูแลสังคมอย่างยั่งยืน ภายใต้ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม โดยได้นำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในระบบงาน มุ่งดำเนินงานด้าน Circular Economy ผลักดันโครงการ Green Hub ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร

อาทิ โครงการ reBOX โครงการ reBAG โครงการ e-Waste ฯลฯ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 4,670 ตันคาร์บอนเทียบเท่าในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้ปรับเปลี่ยนเสื้อเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ ไปรษณีย์ไทย โดยเครื่องแบบแต่ละชุดใช้ผ้าที่ใช้กรรมวิธีช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 0.77 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเท่ากับการลดระยะทางขับรถยนต์ได้ประมาณ 3.08 กิโลเมตร

ซึ่งจากปริมาณการผลิตทั้งหมดสามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 53,360 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเท่ากับการลดระยะทางขับรถยนต์ได้ประมาณ 213,440 กิโลเมตร เท่ากับการเดินทางรอบโลก 5 รอบ

Thailand Post

ด้านสังคม มุ่งเน้นการสร้างชุมชนที่ยั่งยืน ด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่งไปรษณีย์ไทยมุ่งสนับสนุนเกษตรกรไทยกระจายสินค้า และผลผลิตผ่านเครือข่ายไปรษณีย์กว่า 1,200 แห่ง และแพลตฟอร์ม ThailandPostMart โดยครึ่งปีแรกของปี 2568 สร้างรายได้แล้วกว่า 360 ล้านบาท

เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 10% และคาดว่าในปี 2568 จะสามารถสร้างรายได้รวมที่ 760 ล้านบาท นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังสนับสนุนบริการเชิงสังคม (PSO) ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน รวมกว่า 28,000 ล้านบาท และในช่วงที่เกิดการปะทะในพื้นที่ชายแดน

ไปรษณีย์ไทย ได้เปิดแคมเปญเชิญชวนคนไทยร่วมส่งสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีน้ำใจจากคนไทยส่งผ่าน ไปรษณีย์ไทย แล้วกว่า 34,302 กล่อง รวมน้ำหนักมากกว่า 104,365 กิโลกรัม

ด้านธรรมาภิบาล และการกำกับดูแล ที่มุ่งเน้นการให้ความสำคัญในเรื่องของการดำเนินธุรกิจที่ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยในปี 2567 ที่ผ่านมาผลการประเมินคะแนนคุณธรรม และความโปร่งใส (ITA) อยู่ที่ 91.70 คะแนน และยังได้รับรางวัลระบบบริหารจัดการความเสี่ยงการทุจริตระดับ “ดีเยี่ยม” จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) อีกด้วย

เดินหน้าสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์

Thailand Post

“นอกจากกลยุทธ์ “1-4-2” แล้ว ไปรษณีย์ไทยยังมุ่งสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการสร้างการจดจำ และสร้างประสบการณ์ใหม่ทั้งในด้านสินค้า บริการ และไลฟ์สไตล์ ภายใต้แนวคิด “POSTsible Together เป็นไปรฯ ได้ ไปรฯ ด้วยกัน” 

อาทิ การเปิดตัว Super App แอปพลิเคชัน ที่รวบรวมบริการหลากหลายของ ไปรษณีย์ไทย ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตามพัสดุ สร้างใบจ่าหน้า เรียกรับพัสดุ ชำระค่าบริการ และเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างครบวงจร พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับบริการภาครัฐ และพันธมิตรภาคเอกชน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ใช้งาน 5 ล้านราย

พร้อมมุ่งเสริมศักยภาพ SME ไทย ให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทยได้ร่วมกับแพลตฟอร์ม Amazon ในการส่งสินค้าจากผู้ประกอบไทยเข้าคลัง Amazon FBA (Fulfillment by Amazon) ซึ่งออกแบบมาสำหรับผู้ขายบน Amazon.com ที่ต้องการส่งสินค้าเข้าคลังในสหรัฐอเมริกา

โดย ไปรษณีย์ไทย เป็นผู้รวบรวมสินค้าในประเทศไทย ดำเนินพิธีการศุลกากร และส่งสินค้าสู่คลัง FBA เพื่อสนับสนุนผู้ค้ารายย่อย และ SME ไทยกระจายสินค้าสู่ตลาดอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีการต่อยอดแนวคิดการขนส่ง Parcel Defined Logistics ให้มีความเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้นในรูปแบบ Specialized Logistics

เช่น Healthcare Logistics for Pet หรือการขนส่งสินค้า เพื่อกลุ่มสัตว์เลี้ยงการขนส่งสินค้ามูลค่าสูง และการขนส่งนมแม่ เป็นต้น ขณะที่ในด้านบริการทางการเงิน ไปรษณีย์ไทยพัฒนา e-Payment ให้รองรับการชำระ COD และเชื่อมต่อกับพันธมิตรหลากหลาย ทั้งภาครัฐ และเอกชน

Thailand Post

เช่น กรมการขนส่งทางบก ทิพยประกันภัย WeChat Pay และ Alipay เพื่อขยายช่องทางชำระเงินอย่างครอบคลุมทุกความต้องการ อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ คือ การต่อยอดข้อมูลขนาดใหญ่สู่ “Data as a Service” ที่จะสร้างรายได้เชิงพาณิชย์อย่างจริงจังในปี 2569 โดยใช้การวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อพัฒนาบริการ

ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล และภาคธุรกิจได้อย่างแม่นยำ คาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้กว่า 10-20% รวมถึงช่วยให้พนักงานเวลาว่าง และช่วยไปช่วยเก็บข้อมูล ทำแบบสำรวจ หรือบริการใหม่ ๆ ผ่านโครงการ Postman Cloud อาทิ การให้บริการแห่งเงินกู้สำหรับผู้ประกบการ เป็นต้น

ขณะที่ในส่วนบริการบริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ หรือ ฟิวซ์ โพสต์ (Fuze Post) ในปีที่ 2567 ที่ผ่านมา สามารถทำรายได้ได้กว่า 182 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภายในปี 2568 จะสามารถทำกำไรได้เกิน 200 ล้านบาท ดร.ดนันท์ กล่าว

Thailand Post

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay