ฟอร์ติเน็ต (Fortinet) ขึ้นแท่น “ผู้นำตลาดไซเบอร์ซีเคียวริตี้ระบบ OT” ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน เผยผลสำรวจแพลตฟอร์ม Fortinet OT Security ช่วยลดความเสี่ยงโจมตีได้ถึง 93%…
highlight
- ฟอร์ติเน็ต ได้รับการจัดอันดับจาก Westlands Advisory ให้ขึ้นแท่นผู้นำการให้บริ
การความปลอดภัยทางไซเบอร์ในระบบ OT เป็นปีที่ 3 พร้อมเผยผลสำรวจล่าสุด แพลตฟอร์มความปลอดภัย ของฟอร์ติเน็ตช่วยลดอั ตราความเสี่ยงจากการโจมตีได้ถึง 93%
Fortinet ตอกย้ำภาพผู้นำการให้บริ การความปลอดภัยทางไซเบอร์ หลังครองแชมป์ OT Security 3 ปีซ้อน ลดความเสี่ยงโจมตีได้ 93%

นิราฟ ชาห์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์ และโซลูชัน ฟอร์ติ
โดยเรานำเสนอแพลตฟอร์มรั
ซึ่งการได้รับการยอมรับล่าสุ
โดยจากรายงาน IT/OT Network Protection Platform Navigator 2025 ฟอร์ติ
โซลูชัน และบริการความปลอดภัยที่
ที่
นวัตกรรมล้ำสมัยเพื่อแก้ปัญหาด้
ฟอร์
สำหรับ FortiGate Rugged 70F และรางวัล Gold Product of the Year 2025 สำหรับ FortiGate Rugged 70G-5G-DUAL ทั้งนี้นวัตกรรมด้านความปลอดภัย OT ของ ฟอร์ติเน็ต ได้ขยายไปสู่
โซลูชันด้านความปลอดภัย OT ที่ให้ประสิทธิภาพสูง และคุ้มค่ากว่าคู่แข่งในตลาด : เทคโนโลยี ASIC ที่ออกแบบโดยเฉพาะของฟอร์ติเน็
ที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และไม่สามารถหยุดชะงักได้ โดยชิป ASIC เหล่านี้ ประกอบด้วยโปรเซสเซอร์สำหรั
แนวทางที่สอดรับกับแนวโน้มตลาด องค์กรให้ความสำคัญกั บความปลอดภัยของระบบ OT มากขึ้น
“จากรายงานผลสำรวจสถานการณ์ระบบ OT และความปลอดภัยไซเบอร์ประจำปี 2568 ฉบับที่ 7 (2025 State of Operational Technology and Cybersecurity Report) ของ ฟอร์ติเน็ต ชี้ให้เห็นว่าองค์กรต่าง ๆ เริ่มให้ความสำคัญกับความปลอดภั
ของระบบ OT มากขึ้น ทำให้เห็นแนวโน้มที่
โดยรายงานฉบับนี้ทำการสำรวจผู้
1. ความรับผิดชอบด้านความปลอดภัยของระบบ OT ถูกยกระดับถึงผู้บริหารระดับสูงอย่างต่อเนื่อง : ปัจจุบันองค์กรมากกว่าครึ่งหรือ 52% ระบุว่า ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความปลอดภัย (CISO/CSO) ต้องดูแลรับผิดชอบด้านระบบ OT มากขึ้น เพิ่มขึ้นจาก 16% ในปี 2565
ซึ่งหากรวมผู้บริหารระดับสูง (C-suite) ในทุกตำแหน่ง ตัวเลขนี้จะสูงถึง 95% นอกจากนี้ ภายในปี 2568 บรรดาองค์กรที่มีแผนจะโอนงานด้านความปลอดภัยของระบบ OT มาอยู่ภายใต้การดูแลของ CISO ภายใน 12 เดือนข้างหน้า ยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 60% เป็น 80%
2. ความพร้อมด้านความปลอดภัยของระบบ OT มีผลต่อความเสียหายจากการโจมตี : โดยองค์กรต่าง ๆ มีการรายงานถึงความก้าวหน้าเรื่องความพร้อมด้านความปลอดภัยของ OT อย่างเห็นได้ชัดในปีนี้ โดยในระดับพื้นฐานหรือระดับ 1 คือการเริ่มสร้างความสามารถในการมองเห็น และมีการแยกส่วนเครือข่าย
มีองค์กรถึง 26% ที่ดำเนินการแล้วในส่วนนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนหน้า และองค์กรส่วนใหญ่ระบุว่าองค์กรตนอยู่ในระดับ 2 ซึ่งเป็นขั้นตอนการควบคุมการเข้าถึงและการจัดทำโปรไฟล์ระบบ ขณะที่ระดับความพร้อมที่สูงกว่า (0-4) โดนโจมตีน้อยลง หรือสามารถจัดการกับการโจมตีที่มีความซับซ้อนไม่มากได้
ส่วนการโจมตีแบบ APT (Advanced Persistent Threats) และมัลแวร์ในระบบ OT นั้นยังคงตรวจจับได้ยาก โดยเฉพาะองค์กรที่มีความพร้อมในระดับต่ำ ที่อาจยังไม่มีโซลูชันหรือระบบที่เพียงพอ แม้ว่าจะมีองค์กรเกือบครึ่งหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตี
แต่มีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกรณีการทำงานที่ต้องหยุดชะงักซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ มีอัตราลดลงจาก 52% เหลือ 42%
3. การนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัยไซเบอร์มาใช้ ส่งผลดีต่อองค์กรอย่างชัดเจน : การนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดมาใช้ เช่น การปฏิบัติตามหลักความมั่นคงทางไซเบอร์ขั้นพื้นฐาน การสร้างการตระหนักรู้ พร้อมฝึกอบรมที่ดีขึ้น ช่วยลดเหตุการณ์เจาะระบบอีเมลในธุรกิจลงได้อย่างชัดเจน
อีกแนวทางปฏิบัติที่สำคัญ คือการนำข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคามมาใช้ ซึ่งมีการใช้เพิ่มขึ้นถึง 49% ตั้งแต่ปี 2567 ที่ผ่านมา และยังพบว่าจำนวนผู้จำหน่ายอุปกรณ์ OT ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งปัจจุบันองค์กรจำนวน 78% ใช้บริการผู้จำหน่ายอุปกรณ์ไอทีเพียง 1-4 รายเท่านั้น สะท้อนถึงแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดอีกอย่าง คือการรวมผู้จำหน่ายเข้าด้วยกันให้เหลือน้อยราย
การผสานระบบเครือข่
5 แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดป้องกั นโจมตีในระบบ OT
- สร้างการมองเห็น และมาตรควบคุมทดแทนสำหรับอุปกรณ์ OT : ตรวจสอบ และทำความเข้าใจอุปกรณ์ในเครือข่าย OT ทั้งหมดพร้อมเสริมมาตรการป้องกันอุปกรณ์สำคัญที่มีช่องโหว่
- แบ่งโซนการใช้งาน (Segmentation) : ลดความเสี่ยงจากการโดนโจมตี ต้องอาศัยสภาพแวดล้อม OT ที่แข็งแกร่ง เริ่มด้วยการจัดโครงสร้างเครือข่ายให้แยกเป็นโซน ตามมาตรฐาน ISA/IEC 62443 และใช้แนวทางการบริหารจัดการแบบรวมศูนย์
- ผสานรวมระบบ OT เข้ากับการดำเนินงานด้านความปลอดภัย (SecOps) และวางแผนตอบสนองต่อเหตุการณ์ : การมีแนวทางปฏิบัติที่ครอบคลุมระบบ OT ของทั้งองค์กร พร้อมส่งเสริมความร่วมมือของแต่ฝ่ายเพื่อประเมินความเสี่ยงด้านไซเบอร์ และประสานการทำงานระหว่าง IT และ OT ได้อย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพ ทั้งงบประมาณ และการจัดสรรบุคลากร
- ใช้สถาปัตยกรรมความปลอดภัยแบบองค์รวมในรูปของแพลตฟอร์ม : ที่รองรับทั้งเครือข่าย IT และสภาพแวดล้อมระบบ OT เพื่อผสานการทำงานร่วมกัน และรักษาความปลอดภัยได้อย่างแข็งแกร่ง จัดการได้แบบรวมศูนย์ ช่วยตอบสนองภัยคุกคามได้แบบอัตโนมัติ
- ใช้ข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคาม และบริการความปลอดภัยเฉพาะระบบ OT : เพื่อช่วยให้รับรู้สถานการณ์ภัยคุกคามอย่างทันท่วงที และได้ข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ให้ข้อมูลเฉพาะด้าน OT ที่แม่นยำ ช่วยปกป้องได้แบบเกือบจะเรียลไทม์
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th