ฟอร์ติเน็ต (Fortinet) เพิ่มการอัปเดตแพลตฟอร์มรั
Fortinet ดันศักยภาพแพลตฟอร์ม FortiGuard OT ปกป้ องความปลอดภัย OT ด้วยการเสริมแกร่งโครงสร้างพื้ นฐาน
ฟอร์ติเน็ต ประกาศยกระดับแพลตฟอร์มรั
ซึ่งการยกระดับประสิทธิภาพใหม่
ในระดั

นิราฟ ชาห์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์และโซลูชัน ฟอร์ติเน็ต กล่าวว่า ฟอร์ติเน็ต ได้พัฒนาแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยระบบ OT ชั้นนำในอุตสาหกรรมตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี และยังคงยืนหยัดอยู่แถวหน้าด้านนวัตกรรมรักษาความปลอดภัยระบบ OT
ในขณะที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์พุ่งเป้าที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาคพลังงาน การขนส่ง และการผลิต ฟอร์ติเน็ต ยังคงมุ่งมั่นในการนำเสนอโซลูชันรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม ออกแบบมาเพื่อสภาพแวดล้อมการใช้ระบบ OT โดยเฉพาะ
ซึ่งการเสริมประสิทธิภาพความล้ำหน้าครั้งล่าสุดนี้ ช่วยให้องค์กรมีเครื่องมือสำคัญที่ช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้ระบบ OT อีกทั้งช่วยให้ดำเนินงานได้สอดคล้องตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ โดยทั้งหมดนี้สามารถบริหารจัดการผ่านแพลตฟอร์มรวมศูนย์จากจุดเดียว
การเสริมประสิทธิภาพสำคัญในแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัย OT ของ ฟอร์ติเน็ต
- การอัปเดตล่าสุดของแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยระบบ OT จากฟอร์ติเน็ต ให้ความสามารถใหม่ที่ทรงพลังเพื่อยกระดับความปลอดภัยในระบบ OT FortiGate Rugged NGFWs ใหม่ มาพร้อมความล้ำหน้าใหม่ๆ ของบริการ FortiGuard OT Security Service ที่ช่วยเรื่องการบังคับใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยในสภาพแวดล้อม OT ได้อย่างเหนือชั้น ช่วยให้องค์กรสามารถตรวจจับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ตามเงื่อนไขของโปรโตคอลในระบบ OT มากกว่า 3,300 รายการ และระบบป้องกันการบุกรุก OT (Operational Technology Intrusion Prevention System หรือ OT IPS) เกือบ 750 รายการ รวมถึงเวอร์ชวลแพตช์กว่า 1,500 รายการ ซึ่งความสามารถเหล่านี้ช่วยป้องกันช่องโหว่ที่เคยถูกโจมตีมาแล้ว (KEVs) และความเสี่ยงทางไซเบอร์อื่น ๆ พร้อมทั้งให้การป้องกันภัยคุกคามขั้นสูงผ่านเวอร์ชวลแพตช์สำหรับระบบ OT รุ่นเก่า นอกจากนี้ความสามารถใหม่ด้านความปลอดภัยเครือข่าย OT ยังรวมถึงการอัปเดต FortiSRA เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานจากระยะไกล ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการรหัสลับ และรหัสผ่านสำหรับสภาพแวดล้อมระบบ OT
- ฟอร์ติเน็ต ยังได้เปิดตัว FortiSwitch Rugged 108F และ FortiSwitch Rugged 112F-POE ซึ่งเป็นการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์สวิตช์ขนาดเล็กในระดับอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยในการแบ่งส่วนเครือข่าย โดยสวิตช์ที่ทนทานเหล่านี้ จะช่วยให้สามารถบังคับใช้มาตรการความปลอดภัยที่ลงลึกได้ในระดับพอร์ต เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายข้ามเครือข่าย OT โดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่ยังคงผสานการทำงานร่วมกับระบบนิเวศด้านความปลอดภัยทั้งหมดของฟอร์ติเน็ตได้อย่างราบรื่น โดยสวิตช์เหล่านี้พัฒนาบนระบบปฏิบัติการ FortiOS แบบรวมศูนย์ของฟอร์ติเน็ต ช่วยให้การจัดการเครือข่ายและความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ฟอร์ติเน็ต ยังให้การเชื่อมต่อที่ยืดหยุ่น และปลอดภัย ด้วยการเปิดตัวโซลูชัน 5G เพื่อรองรับการใช้งานที่สมบุกสมบันใน 2 รุ่น ด้วยกัน ได้แก่ FortiExtender Rugged 511G เกตเวย์ WAN 5G ไร้สาย มาตรฐาน IP67 ให้การเชื่อมต่อปลอดภัยในระดับไฮสปีด สำหรับไซต์งาน OT ที่อยู่ห่างไกล และ FortiExtender Vehicle 511G เราเตอร์ 5G มาตรฐาน IP64 ซึ่งออกแบบมาสำหรับยานพาหนะ โดยทั้งสองโซลูชันนี้มาพร้อม Wi-Fi 6 ในตัว และคุณสมบัติ eSIM แบบใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ซิมการ์ดแบบเดิมอีกต่อไป ช่วยให้เลือกผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือง่ายขึ้น
- ฟอร์ติเน็ตยังเสริมแกร่งศักยภาพการดำเนินงานด้านความปลอดภัย (SecOps) สำหรับระบบ OT ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยเสริมประสิทธิภาพ FortiAnalyzer 7.6 และ FortiDeceptor 6.1 เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคามความปลอดภัย และช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยระบบ OT จัดทำรายงานการปฏิบัติตามข้อกำหนดได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้การอัปเดต FortiNDR Cloud จะเพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่ในระบบ OT เพื่อการค้นหาภัยคุกคาม ในขณะที่ FortiNDR (on-premises) มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง รวมถึงการแสดงผลในรูปแบบ Purdue Model และการทำรายการอุปกรณ์ใหม่ที่ครอบคลุมระบบ OT พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลภัยคุกคามกับ Mitre ATT&CK ICS Matrix
แพลตฟอร์มด้านการรักษาปลอดภัยระบบ OT ของ ฟอร์ติเน็ต (Fortinet OT Security Platform) ให้ความสามารถในการมองเห็นและรักษาความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ เพื่อการบริหารจัดการระบบ OT และความปลอดภัยของไซต์งานจากระยะไกล ช่วยให้ลูกค้าสามารถประเมิน รักษาความปลอดภัย และรายงานความเสี่ยง
รวมถึงปฏิบัติตามข้อบังคับด้านความปลอดภัยที่ซับซ้อนได้โดยง่ายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งมีแค่ ฟอร์ติเน็ตเท่านั้น ที่ให้ความสามารถในการแบ่งส่วนเครือข่ายได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ พร้อมกลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยระบบ OT ที่ให้ความทนทานทุกสภาพการใช้งานอย่างครบวงจร
ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการเดียวคือ FortiOS ที่สอดประสานการทำงานในเชิงลึกเข้ากับ Fortinet Security Fabric ทำให้แพลตฟอร์มด้านการรักษาความปลอดภัยระบบ OT ให้การปกป้องได้สมบูรณ์และครอบคลุมที่สุดในอุตสาหกรรม ให้ทั้งประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ตลอดจนการรักษาความปลอดภัยแบบองค์รวมสำหรับระบบ OT และยึดหลักการทำงานตามกฎระเบียบข้อบังคับในระดับที่เหนือกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมทั่วไป
การยอมรับในอุตสาหกรรม และความสำเร็จของลูกค้า
Fortinet OT Security Platform ได้รับความไว้วางใจอย่างกว้างขวางจากองค์กรระดับโลกที่ต้องการระบบรักษาความปลอดภัยทั้ง IT และ OT ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างลื่นไหล โดย ฟอร์ติเน็ต ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำเพียงรายเดียวจาก Westlands Advisory 2023 IT/OT Network Protection Platforms Navigator™ ซึ่งตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในตลาดอย่างเด่นชัด
“ฟอร์ติเน็ต และฮันนี่เวลล์ ร่วมกันสร้างความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยไซเบอร์สำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและสภาพแวดล้อมระบบ OT ซึ่งภัยคุกคามทางไซเบอร์ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานในอาคารอุตสาหกรรม และอาคารพาณิชย์จำเป็นต้องมีระบบป้องกันแบบครบวงจร
ที่ผสานรวมการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าที่ผ่านมา โดยความร่วมมือของเรากับฟอร์ติเน็ต ช่วยยกระดับกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ และไอซีทีของฮันนี่เวลล์ ทำให้มีข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์หลายประการในการรักษาความปลอดภัยและบริหารจัดการความเสี่ยงทั้งที่ไซต์งานของลูกค้าและจากระยะไกลเช่นกัน นับเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในความร่วมมือระหว่างเรากับฟอร์ติเน็ต”
มานิช โกยัล ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ Honeywell Connected กล่าวว่า ฮันนี่เวลล์ ใช้ทั้ง Fortinet FortiGate และ FortiGate Rugged series ร่วมกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์สำหรับระบบ OT ของ ฮันนี่เวลล์
เพื่อมอบบริการที่เหนือชั้น ช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มความยืดหยุ่น และดำเนินงานได้สอดคล้องตามกฎระเบียบมากยิ่งขึ้น ช่วยรักษาความปลอดภัยในการดำเนินงานตั้งแต่ระดับเอดจ์จนถึงภายในองค์กร
ด้าน คริส ลูบินสกี้ วิศวกรด้านความปลอดภัยเครือข่าย Alleima กล่าวว่า ฝ่ายบริหารของ Alleima ที่ดูแลไซต์งานระยะไกล กล่าวชื่นชมโครงสร้างพื้นฐานของฟอร์ติเน็ตอย่างมาก ถึงการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้นและเสถียรมากขึ้น และเวลาในการตอบสนองต่อคำขอการสนับสนุนก็เร็วขึ้นประมาณ 10 เท่า
ทำให้ทุกคนที่ Alleima รู้สึกพึงพอใจอย่างมากกับระบบเครือข่าย และโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยในระดับโลกที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
ขณะที่ ดร.วูล์ฟกัง บิโทมสกี้ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ FCC Environment CEE กล่าวว่า เครือข่ายใหม่ให้ทั้งประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการ การรายงาน และการวิเคราะห์ที่ง่ายขึ้น จึงช่วยลดภาระงานของทีมรักษาความปลอดภัยของเราไปได้อย่างน้อย 15%
ซึ่งหมายความว่าตอนนี้เรามีทรัพยากรเพียงพอที่จะก้าวสู่ขั้นตอนต่อไปในการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ zero trust การผสานรวมการทำงานระหว่าง IT และ OT ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เราคาดหวังอย่างเต็มที่ว่าจะดำเนินการในการปฏิรูปสู่ดิจิทัลร่วมกับฟอร์ติเน็ต
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th