สกสว. (TSRI) เปิดเวทีชี้แจงงบ ววน. ปี 68 ตั้งเป้าเพิ่ม งบลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนาของประเทศเป็น 2% ของ GDP ภายในปี 2580…
highlight
- สกสว. เดินหน้าเปิดเวทีชี้แจงงบกองทุน ววน. ปี 2568 เดินเครื่องเชื่อมโยง บูรณาการ งานวิจัยและนวัตกรรม ยกระดับชาติยั่งยืน ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนงบลงทุนด้านวิจัย และพัฒนาประเทศ เป็น 2% ของ GDP ภายในปี 2580 ครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะด้านความยั่งยืน มุ่งสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ พัฒนาบุคลากรวิจัย และนวัตกรรม แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติ และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกิดผลตอบแทนจากการลงทุนรายแผนงานเฉลี่ย 2.98 เท่า คิดเป็นมูลค่าผลตอบแทนรวม 134,100 ล้านบาท จากการลงทุนรวม 45,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2563–2565 ที่ผ่านมา
สกสว. (TSRI) เปิดเวทีชี้แจงงบ ววน. ปี 68 ตั้งเป้าเพิ่มงบลงทุนงานวิจัย 2% ของ GDP ภายในปี 2580

ศาสตราจารย์กิตติคุณ นพ. สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม (กสว.) กล่าวว่า ในยุคโลกาภิวัฒน์เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง งานวิจัย และนวัตกรรมกลายเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็นเศรษฐกิจยุคใหม่
โดยที่ผ่านมาประเทศไทยมีการลงทุนด้านการวิจัย และนวัตกรรมไม่ถึง 2% ของ GDP เทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ในประเทศส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบันมีกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ กองทุนส่งเสริม ววน. เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ
ทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสหวิทยาการ สร้างองค์ความรู้ พัฒนานโยบายสาธารณะไปใช้ประโยชน์ ให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างสมดุล และยั่งยืน ซึ่ง กองทุนส่งเสริม ววน. มีเป้าหมายชัดเจน ด้วยการลงทุนด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากร มุ่งเพิ่มสัดส่วนงบลงทุนด้านการวิจัย และการพัฒนา
ของประเทศเป็น 2% ของ GDP ภายในปี 2580 ครอบคลุมการพัฒนาในทุกมิติ ได้แก่ “ด้านความยั่งยืน“ โดยไทยตั้งเป้าหมาย SDG index เป็น 35 อันดับแรกของโลก ในปี 2570 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ GHG Net Zero ที่ 40% ในปี 2573
“ด้านเศรษฐกิจ” รัฐมีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ เช่น BCG เศรษฐกิจสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่และเศรษฐกิจฐานราก “ด้านการพัฒนาบุคลากรวิจัย และนวัตกรรม“ มุ่งเพิ่มปริมาณ และคุณภาพ เพื่อเป็นฐานขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศแบบก้าวกระโดด และยั่งยืน
ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน พร้อมก้าวสู่อนาคต “ด้านสิ่งแวดล้อม“ ผลักดันให้ประเทศไทยสามารถแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติ และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างน้อย 20 จังหวัด ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ สกสว.
เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่สนับสนุน กสว. ในการบริหาร กองทุนส่งเสริม ววน. มีบทบาทสำคัญเป็น System Integrator ผู้เชื่อมโยง และบูรณาการงานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมของประเทศ โดยส่งเสริม สนับสนุน และขับเคลื่อนระบบ ววน. ในทุกมิติ

“เป้าหมายที่ทาง สกสว. ต้องการจะทำให้งานงานวิจัยที่ถูกเข้าใจว่าเป็นเรื่องของค่าใช้จ่าย แต่ไม่ได้มองว่ามูลค่าของการลงทุนนั้นจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนกลับมามากว่างบที่ลงทุนไป สกสว. ต้องการให้งานวิจัยสามารถนำไปต่อยอดได้ เพราะหลายงานวิจัยสามารถนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี หรือบริการใหม่ ๆ ได้
ช่วยลดการลงทุนจากการใช้ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และบริการ จากต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ภาคธุรกิจใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ไม่สามารถสร้าผลกำไรที่เหมาะสม อย่างเช่น อุตสากรรมการแพทย์ที่ปัจจุบันมีการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ปีล่ะเกือบ 1 หมื่นล้าน แต่ถ้าเราสามารถใช้งานวิจัยให้เกิดประโยชน์ก็จะช่วยลดค่าใช้ลงได้
ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มมีธุรกิจทางด้านวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์นำงานวิจัยของ สกสว. ไปพัฒนาต่อจนสามารถใช้ทดแทนอุปกรณ์ทางการแพทย์เดิมที่ต้องนำเข้ามาจาดต่างประเทศลงได้ โดยปัจจุบันได้ช่วยให้กองทุนเพื่อช่วยเหลือในด้านการประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ทีมีคุณภาพ ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค
การตรวจวินิจฉัยดรคให้แก่ประชาชนได้มากขึ้น ซึ่งหากมีงบในการในงานวิจัยเพิ่มมากขึ้นมากเท่าไร ก็ยิ่งช่วยลดการลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งในหลายประเทศ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลี ประเทศจีน หรือสหรัฐอเมริกา เองก็ต่างให้ความสำคัญต่องบการพัฒนาานวิจัยด้วยกันทั้งสิ้น
เพราะงานวิจัยสามารถช่วยยกระดับสังคม และเศรษฐกิจของประเทศได้ อีกทั้งเมื่อเกิดนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ สิ่งเหล่านี้ก็ยังสามารถต่อยอด หรือพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องได้เรื่อย ๆ และหากสามารถทำให้เป็นไปตามมาตรฐานต่าง ๆ ได้ ก็จะได้สามารถเปลี่ยนประเทศจากการเป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี หรือบริการ เพื่อส่งออก
ไปเป็นการส่งออก ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี หรือบริการ จากประเทศเองได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยให้ GDP ของประเทศเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย ซึ่งปัจจุบัน สกสว. ก็ทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี หรือบริการ ที่สร้างขึ้นเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศได้
และเพื่อให้สามารถนำงานวิจัยไปใช้งานได้จริง สกสว. ได้ออก พรบ. การยกสิทธิในการเป็นเจ้าของงานวิจัย และผุ้ที่ต้องการในไปใช้ประโยชน์ เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา เพื่อทำให้ลดข้จำกัดจากในอดีตที่งานวิจัยมีคุณภาพแค่เอกชนไม่สามาถนำไปใช้ได้เพราะติดเรื่องของกฏระเบียบ
ขณะที่ในส่วนงานวิจัยก่อนมี พรบ. หากมีการร้องขอมาที่ สกสว. ก็จะมีการพิจารณาในการให้สิทธิใช้ด้วยเช่นกัน โดยปัจจุบันภาคเอกชนสามารถเข้าดูงานวิจัยต่าง ๆ ของ สกสว. ได้ง่ายมากขึ้น โดย สกสว. ได้มีการจัดหมวดหมู่งานวิจัยที่ชัดเจนไว้ให้แล้ว” นพ. สุทธิพร กล่าว
สนับสนุนงานมูลฐานของหน่วยงาน

รองศาสตราจารย์ ดร. ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า ในปีนี้ได้จัดการประชุมชี้แจงเป้าหมายการสนับสนุนงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และแนวทางการจัดทำคำของบประมาณของหน่วยงานในระบบ ววน. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
เพื่อให้หน่วยงานในระบบ ววน. มีความรู้ความเข้าใจเรื่องระบบ แผน แนวทางการจัดสรรงบประมาณ มีข้อมูลพร้อมสำหรับการเตรียมการจัดทำคำของบประมาณเพื่อสนับสนุนงานมูลฐานของหน่วยงาน ทั้งนี้ ที่ผ่านมากองทุนส่งเสริม ววน. เป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนระบบ ให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างสมดุล และยั่งยืนใน 6 ด้าน คือ
- ส่งเสริมการผลิต และพัฒนากำลังคน และยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการ ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพ รวมถึงปัจจัยเอื้อที่สนับสนุนการวิจัย และนวัตกรรม
- ส่งเสริมให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของประเทศหรือโครงการลงทุนที่รัฐเห็นสมควรกำหนด เป็นกลไกของการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม เพื่อพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
- สนับสนุนการเพิ่มสมรรถนะในการเลือก การรับ การถ่ายทอด และการร่วมมือกับบุคคล หรือหน่วยงานต่างประเทศ เพื่อให้ได้วิทยาการ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และเหมาะสม
- ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในระบบวิจัย และนวัตกรรม หน่วยงานอื่นของรัฐ และเอกชน รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการนำผลงานวิจัย และนวัตกรรมไปใช้ในการพัฒนาชุมชน และพื้นที่
- บุกเบิกการวิจัยขั้นแนวหน้า และการสร้างนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

“การปฏิรูประบบ ววน. ส่งผลให้เกิดการพัฒนากำลังคนด้าน ววน. ช่วยให้มีทักษะตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม การพัฒนานักวิจัยระดับต่าง ๆ กว่า 238,363 คน เพิ่มทักษะ Up–Skills/Re–Skills กว่า 544,371 คน ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ และมูลค่าผลิตภัณฑ์
หรือบริการด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิทยาการหุ่นยนต์ ดิจิทัล เทคโนโลยี จำนวน 567 ราย เกิดองค์ความรู้จากการวิจัยขั้นพื้นฐาน และการวิจัยขั้นแนวหน้า เกิดโครงสร้างพื้นฐาน และระบบนิเวศด้านวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ เพื่อรองรับนวัตกรรมขั้นแนวหน้าที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมแห่งอนาคต
ก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนจากภาคเอกชน กว่า 415,322,361 ล้านบาท เกิดผลตอบแทนจากการลงทุนรายแผนงาน เฉลี่ย 2.98 เท่า คิดเป็นมูลค่าผลตอบแทนรวม 134,100 ล้านบาท จากการลงทุนรวม 45,000 ล้านบาท ในปี 2563-2565″ ผอ.สกสว. กล่าว
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th