เอบีม คอนซัลติ้ง (ABeam) เผยรายงานการสำรวจความพร้อมธุรกิจไทย ชี้!! บริษัทฯไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีพร้อมก้าวสู่ Digital Transformation แม้ลงทุนไปแล้วส่วนหนึ่งเพื่อรับมือการแพร่ระบาทของไวรัสโควิด-19….
highlight
- เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เผยรายงาน (White Paper) การสำรวจดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันในประเทศไทยท่
ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิ ด-19 พบว่า ว่าบริษัทไทยส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีความพร้อมมากนัก แม้ทุ่มเงินลงทุนในระบบดิจิทัลเพิ่มกันแล้วก็ตาม โดยรวมแล้ว บริษัทต่าง ๆ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาความเป็นผู้นำในแง่ระบบดิจิทัล ความตระหนักรู้ และวัฒนธรรมดิจิทัล ตลอดจนยุทธศาสตร์ดิจิทัลเท่านั้น - โดยบริษัทฯ ไทยใหญ่ยังติดกับดัก ในเรื่องของการจัดทำโครงการก้าวสู่โลกดิจิทัล แบบขาดการเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ด้านห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจ ด้วยเหตุนี้ เงินลงทุนด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันถึงร 70% จึงสูญเปล่าไปกับโครงการที่ล้มเหลว
- เอบีมแนะนำให้องค์กรเลือกกำหนดยุทธศาสตร์ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันให้ชัดเจน ก่อนจัดสรรงานด้านดิจิทัลให้ครอบคลุมทั้งองค์กรตาม 5 หลักการสำคัญเพื่อความสำเร็จ คือ มุ่งเน้นเป้าหมายระยะยาว ความคล่องตัวและลองทำเพื่อหาโซลูชันที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้ามากกว่าเทคโนโลยี การให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วม และการเตรียมความพร้อม
ABeam ชี้!! บริษัทฯไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีพร้อมก้าวสู่ Digital Transformation
อิชิโร ฮาระ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลายบริษัทถูกผลักดันให้เข้าสู่โลกดิจิทัลมาตั้งแต่ก่อนไวรัสโควิด-19 จะระบาด โดยตระหนักถึงภัยคุกคามที่มีผลกระทบต่อธุรกิจ (disruptors) ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทที่ทำธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture capital companies)
แต่สถานการณ์โรคระบาดบีบบังคับให้ทุกคนต้องเข้าสู่ออนไลน์ จนก่อเกิดห่วงโซ่คุณค่าดิจิทัลใหม่ขึ้น โดยทั้งคน บริษัท บริการ และระบบต่าง ๆ ล้วนเข้าไปเชื่อมต่อถึงกันในโลกดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรธุรกิจดิจิทัลแนวหน้าสร้างตัวตนต่างจากบริษัทอื่น ๆ ขึ้นมาได้
เพราะความสามารถในการปรับตัวได้เร็ว และมีประสิทธิภาพในการจัดเตรียม ลงมือทำและปรับกลยุทธ์ด้านดิจิทัลได้ดี โดยสรุปแล้ว บริษัทควรจะมีความคล่องตัวมากพอที่จะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ตลอดจนความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าการลงทุนในเทคโนโลยีจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ผลวิเคราะห์กลับเผยให้เห็นว่าบริษัทในประเทศไทยจำนวนมากยังทำคะแนนได้ไม่ดีนักในดัชนีความพร้อมด้านดิจิทัลที่จัดทำโดยเอบีม หากมองด้านความเป็นผู้นำ ตัวองค์กร และแนวทางในด้านยุทธศาสตร์ดิจิทัลในภาพรวมแล้ว
แต่บริษัทเกือบทั้งหมดยังพัฒนาอยู่ในขั้นที่ 1 เพราะยังคงอยู่ในขั้นตอนการมองหาโครงการดิจิทัล และยังคงเห็นว่าความคิดริเริ่มดิจิทัลเป็นเพียง “บทพิสูจน์ของแนวคิด“ และยังคงหาทางจัดทำโครงการดิจิทัลสำหรับเฉพาะบางส่วนของการดำเนินธุรกิจเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความก้าวหน้ากว่าในด้านกระบวนการดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน และการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยพัฒนาอยู่ในขั้นที่ 3 หรือ 4
ยกตัวอย่างเช่น มีการนำโซลูชันอย่างระบบวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กร (ERP) จากค่าย Oracle หรือค่าย SAP ตลอดจนระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ โดยใช้หุ่นยนต์ (RPA) และเทคโนโลยีแปลงเอกสาร OCR มาทดแทนระบบแรงงานที่เกิดจากมนุษย์
ปัจจุบันหลายองค์กรเริ่มโครงการดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันโดยไม่มีการวางแผนกลยุทธ์ ในกรณีแบบนี้ องค์กรมีความเสี่ยงหากยังมุ่งเน้นแผนงานไอทีระยะสั้นมากกว่ากลยุทธ์พัฒนาสร้างห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจ สำนักข่าว CNBC ได้ประเมินไว้ว่าเม็ดเงินลงทุนในดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน หรือการปรับองค์กรสู่ยุคดิจิทัลเสียเปล่า
ไปกับโครงการที่ล้มเหลวมากถึง 70% การประเมินดังกล่าวเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่บรรดาบริษัทต่างเร่งปรับตัวเพราะผลกระทบรุนแรงจากโรคระบาดร้ายแรงระดับโลก ท่ามกลางสภาวการณ์ดังกล่าว เราต่างเล็งเห็นว่าการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง จะสามารถทำได้จริงหากมีระบบดิจิทัลที่เชื่อถือได้
แม้รูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบปกติจะสะดุด แต่ระบบดิจิทัลก็สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น องค์กรธุรกิจควรจัดลำดับความสำคัญด้านการลงทุน และจัดทำกลยุทธ์ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์มชันให้ชัดเจน
ซึ่งควรมี องค์ประกอบหลัก 3 ประการ คือ วิสัยทัศน์ การวางแผนพร้อมโรดแมปที่ชัดเจน รวมถึงการลงมือทำตามแผนที่วางไว้ ตัวเลขที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือในบริษัทที่มีความพร้อมด้านดิจิทัลแล้ว 80% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าบริษัทมียุทธศาสตร์ด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันชัดเจน
ในขณะที่บริษัทดิจิทัลน้องใหม่จะมีจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามที่เห็นถึงความพร้อมของบริษัทด้านยุทธศาสตร์ดิจิทัลน้อยกว่ามาก หรืออยู่ที่ราว 15% เท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นความสำคัญของการมียุทธ์ศาสตร์ด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันที่ชัดเจน
ทั้งนี้ Startup Thailand คาดการณ์ว่ากว่า 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ระบบดิจิทัลภายในปี 2565 โดยการเติบโตของทุกภาคอุตสาหกรรมจะถูกขับเคลื่อนด้วยการดำเนินงานและความสัมพันธ์ที่มีการพัฒนายกระดับทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าไวรัสโควิด-19 จะบีบให้บริษัทต้องพิจารณาเรื่องงบค่าใช้จ่ายใหม่ แต่ทุกบริษัทต่างเล็งเห็นว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ดีมีความสำคัญมากเพียงใดในการดำเนินธุรกิจ และขายสินค้า หรือบริการในปัจจุบัน
โดยเอบีม แนะนำ 3 หลัก การในการปรับตัวสู่ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันอย่างประสบความสำเร็จ ด้วยแนวทางเชิงกลยุทธ์จากบริษัทต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้และนำไปใช้ได้ผลดีมาแล้ว ดังนี้
- วิสัยทัศน์ : กำหนดวัตถุประสงค์ของการปรับองค์กรสู่ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันให้ชัดเจนเพราะเป็นเรื่องสำคัญ วัตถุประสงค์ควรเป็นการสร้างคุณค่าให้ผู้ใช้ และมุ่งเน้นไปที่วัตถุประสงค์ รวมทั้งดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวตามกรอบเวลาที่เป็นไปได้จริง
- วางแผน : การออกแบบการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจ ให้เหมาะสมกับประสบการณ์ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย (Customer Journey)
- ลงมือทำ : มีแนวคิดการทำงานที่คล่องแคล่วรวดเร็ว (An Agile Mindset) เพื่อการเก็บข้อมูล และทดลองอย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นรวมถึงสถาปัตยกรรมที่มีการขับเคลื่อนอย่างไม่หยุดนิ่ง
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th