อาลีบาบา กรุ๊ป (Alibaba Group) เผยผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2563 มียอดขายรวม (GMV) เกิน 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 31.9 ล้านล้านบาท…
highlight
- อาลีบาบา ประสบความสำเร็จด้วยการมียอดขายรวม (Gross merchandise volume หรือ GMV) เกิน 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 31.9 ล้านล้านบาท เป็นครั้งแรกในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของเราตลอดปีงบประมาณนี้ แม้ว่าจะมีหนึ่งไตรมาสที่เราได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการระบาดของโควิด-19
Alibaba Group โชว์รายได้พุ่ง 31.9 ล้านล้านบาท
แม็กกี้ วู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้
รายได้ของเราเติบโตขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจค้าปลีกในประเทศและรายได้จากธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งที่เติบโตเป็นอย่างดี กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA) เติบโตขึ้น 37% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ซึ่งสะท้อนว่าเรามีระเบียบวินัยในการจัดสรรทรัพยากรให้กับธุรกิจหลักที่มีการเติบโต ในขณะเดียวกันก็สามารถลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน แม้ว่าโรคระบาดจะส่งผลลบต่อธุรกิจหลักของเราคือการซื้อขายภายในประเทศจีนมาตั้งแต่เดือนมกราคม
แต่เราก็ได้เห็นการฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมีนาคม จากมุมมองของเราเมื่อดูจากสถานการณ์การบริโภคภายในประเทศและความต้องการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลขององค์กรต่างๆ เราคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 6.5 แสนล้านหยวนในปีงบประมาณ 2564
ผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2563 เมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม
รายได้รวม (Revenue) ของอาลีบาบาอยู่ที่ 71,985 ล้านเหรียสหรัฐ (ราว 2,296,321 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีจำนวนลูกค้าประจำต่อปีในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของอาลีบาบาแตะ 960 ล้านคนทั่วโลกซึ่งแบ่งเป็นผู้บริโภคในจีน 780 ล้านคน และนอกตลาดจีน 180 ล้านคน
ส่วนจำนวนลูกค้าประจำในตลาดค้าปลีกจีนอยู่ที่ 726 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 72 ล้านคนในรอบ 12 เดือน เมื่อสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2563 โดยเป็นผู้ซื้อเป็นประจำทุกเดือนผ่านมือถือ (Mobile MAUs) ในตลาดค้าปลีกจีน 846 ล้านคน และเพิ่มขึ้น 125 ล้านคน เมื่อสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2563
ขณะที่ ยอดขายรวม (GMV) ที่วัดจากธุรกรรมทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของอาลีบาบา อยู่ที่ 7.53 ล้านล้านหยวน หรือ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 31.9 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2563 โดยมาจากตลาดค้าปลีกจีน 9.54 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 30.4 ล้านล้านบาท)
และอีกส่วนหนึ่งมาจากตลาดต่างประเทศ และบริการสำหรับผู้บริโภคท้องถิ่น ขณธที่กำไรจากการดำเนินการ (Income from operations) 5,682 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 181,255 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
โดยยังคงมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย และภาษีที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITDA) และคำนวณแบบ non-GAAP เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 22,266 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 710,285 ล้านบาท) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA)
และคำนวณแบบ non-GAAP อยู่ที่ 19,367 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 617,807 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้านกำไรจากการพาณิชย์หลักที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA for core commerce) อยู่ที่ 23,415 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 746,938 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ขณะที่กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้วของธุรกิจมาร์เก็ตเพลส (Market place-based core commerce adjusted EBITA) และคำนวณแบบ non-GAAP เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 27,224 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 868,445 ล้านบาท)
โดยมีกำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นสามัญ (Net income attributed to ordinary shareholders) อยู่ที่ 21,080 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 672,452 ล้านบาท) กำไรสุทธิ (Net income) เท่ากับ 19,821 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 632,289 ล้านบาท)
และกำไรสุทธิที่คำนวณแบบ Non-GAAP (Non-GAAP net income) คิดเป็น 18,710 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 596,849 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีกำไรต่อหุ้นปรับลดในตลาดหุ้นสหรัฐ (Diluted earnings per ADS) 7.90 เหรียญสหรัฐ (ราว 252 บาท)
ส่วนกำไรต่อหุ้นปรับลดในตลาดหุ้นสหรัฐที่คำนวณแบบ Non-GAAP (Non-GAAP diluted earnings per ADS) เท่ากับ 7.48 เหรียญสหรัฐ (ราว 238 บาท) เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนกำไรปรับลดต่อหุ้น (Diluted earnings per share) เท่ากับ 0.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 31 บาท)
และกำไรปรับลดต่อหุ้นที่คำนวณแบบ Non-GAAP (Non-GAAP diluted earnings per share) เท่ากับ 0.93 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 29 บาท) เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้ากระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน (Net cash provided by operating activities)
อยู่ที่ 25,507 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 813,673 ล้านบาท) ส่วนกระแสเงินสดสุทธิที่คำนวณแบบ Non-GAAP (Non-GAAP free cash flow) อยู่ที่ 18,489 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 589,799 ล้านบาท)
กลยุทธ์ และแผนธุรกิจล่าสุด
ธุรกิจซื้อขายในตลาดผู้บริโภคของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของอาลีบาบา ซึ่งประกอบด้วยตลาดค้าปลีกในจีน ตลาดค้าปลีกในต่างประเทศ และบริการสำหรับผู้บริโภคท้องถิ่น มียอดขายรวม 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 31.9 ล้านล้านบาท)
ในรอบ 12 เดือนเมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 โดยเมื่อเดือนกันยายน 2562 ที่เป็นโอกาสครบรอบ 20 ปีของอาลีบาบา เราได้ตั้งเป้าหมายในระยะ 5 ปีเอาไว้ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกิจของเราใน “การทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้ง่ายจากทุกที่” ได้แก่
- ขยายธุรกิจไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่
อง - ให้บริการลูกค้าในจีนให้ได้มากกว่า 1 พันล้านคน
- ทำยอดขายรวมบนแพลทฟอร์
มของเราให้ได้มากกว่า 10 ล้านล้านหยวน
ซึ่งเป้าหมายในระยะ 5 ปีนี้ จะเป็นแนวทางเพื่อให้เราไปถึ
ทั้งนี้ อาลีบาบาได้ให้บริการผู้บริโภคทั้งหมดผ่านแพลทฟอร์มหนึ่งเดียวซึ่งมีช่องทางแยกย่อยไปยังบริการต่างๆ โดยเมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 มีผู้บริโภคในจีน 780 ล้านคนที่เคยใช้บริการอาลีบาบา ทั้งจากร้านค้าปลีกของเราในจีน และบริการผู้บริโภคในท้องถิ่น รวมถึงแพลทฟอร์มสื่อดิจิทัล และความบันเทิงของเรา
ในจำนวนผู้บริโภคเหล่านี้นับเป็น 85% ของคนที่อาศัยในเมือง และ 40% ของคนที่อาศัยอยู่ในชนบท เรายังขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศโดยมีลูกค้าที่ใช้งานประจำในตลาดค้าปลีกต่างประเทศมากกว่า 180 ล้านคน โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของเรา
เช่น สมาร์ทโลจิสติกส์ และคลาวด์คอมพิวติ้งซึ่งทำงานอยู่ในธุรกิจของเราทั้งแพลทฟอร์มซื้อขาย บริการท้องถิ่น และความบันเทิง ช่วยให้เราได้รับข้อมูลเชิงลึกที่นำมาใช้พัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้
นอกจากนี้เรายังให้บริการระบบปฏิบัติการธุรกิจอาลีบาบา (Alibaba Business Operating System : ABOS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยให้ลูกค้าองค์กรและพาร์ทเนอร์ของเราเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ดิจิทัลได้ประสบความสำเร็จ
โครงการช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจในช่วงการระบาดของโควิด-19
การระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการปิดสถานบริ
ซึ่งทางแก้ที่เรานำมาใช้มีตั้
นอกจากนี้เรานำเทคโนโลยีบนแพลทฟอร์
บริจาคอุปกรณ์ PPE และอุปกรณ์ทางการแพทย์ : จากการทำงานร่วมกันระหว่างมูลนิ
โดยทีมอลล์ โกลบอล, ทีมอลล์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, Alibaba.com และลาซาด้า ได้ทำหน้าที่จัดหา ตรวจสอบ และจัดซื้อสิ่งของบริจาคที่
จัดส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ : ไช่เหนียวซึ่งเป็นธุรกิจโลจิสติ
แบ่งปันความรู้ : มูลนิธิอาลีบาบา และมูลนิธิแจ็ค หม่า ได้ร่วมกันก่อตั้งแพลทฟอร์มแบ่งปันแบบออนไลน์ในชื่อ Global MediXchange for Combating COVID-19 (GMCC) เพื่อเอื้อให้เกิดการแบ่งปันข้อปฏิบัติและความรู้ในการต่อสู้กับโรคระบาดในหมู่บุคลากรทางการแพทย์ทั่วโลกในแบบเรียลไทม์ ให้บริการใน 11 ภาษา โดยมีบุคลากรด้านสาธารณสุขเกือบ 1 หมื่นคนจาก 120 ประเทศและภูมิภาคเข้าร่วมอยู่ใน GMCC
สนับสนุนเงินทุนในการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง : สำหรับในประเทศจีน อาลีบาบาได้บริจาคเงินพิเศษ เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้กับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
เทคโนโลยีเอไอ : เราได้ติดตั้งเทคโนโลยีเอไอให้กับโรงพยาบาลในจีนมากกว่า 550 แห่ง เพื่อช่วยเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบซีทีสแกน
สร้างงาน : เฟรชฮิปโป และเว็บ Ele.me รวมทั้งคูเป่ย ได้เปิดตัวโครงการแบ่งปันพนักงาน โดยจ้างพนักงานของธุรกิจในภาคการบริการที่ต้องปิดกิจการชั่วคราวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ซึ่งรวมถึงร้านอาหาร โรงแรม โรงภาพยนตร์ และห้างสรรพสินค้า
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th