Review : Huawei FreeBuds SE 3 หูฟังไร้สายประสิทธิภาพสูงที่มาพร้อมดีไซน์พรีเมี่ยมสุดคุ้ม

Huawei FreeBuds SE 3

รีวิว “หัวเว่ย ฟรีบัด เอสอี 3” (FreeBuds SE 3) หูฟังไร้สายประสิทธิภาพสูง ที่มาพร้อมดีไซน์พรีเมี่ยมลักชัวรี่แบบตัวท็อปที่มอบคุณภาพ และความสบายในการใช้งาน…

หลังจากได้เผยโฉมไปเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา วันนี้ก็ได้เวลาเผยโฉมออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับเจ้า “หัวเว่ย ฟรีบัด เอสอี 3” (FreeBuds SE 3) หูฟังไร้สายรุ่นใหม่แบบ In-Ear (แบบสอดในหู) ที่งานนี้ฉีกกฏความคิดแบบเก่าไปจนหมดสิ้น ด้วยการออกแบบดีไซน์ใหม่แบบพรีเมี่ยมลักชัวรี่ แต่แฝงไปด้วยประสิทธิภาพในการใช้งานในระดับหูฟังไร้สายตัวท็อปที่มีในตลาด ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น หรือความสบายในสวมใส่เมื่อต้องใช้งานต่อเนื่องยาวนาน ด้วยตัวเครื่องที่มีน้ำหนักเบา และรูปทรงที่ออกแบบมาให้สามารถใส่ได้อย่างกระชับแต่ไม่เจ็บหู รวมถึงคุณภาพเสียงที่จัดว่าดีอยู่ในระดับที่น่าพอใจ จนแทบลืมไปเลยว่านี่คือหูฟังไร้สายที่จัดอยู่ในกลุ่มตัวเล็กสุดของหัวเว่ย แต่จะดียังไงวันนี้ ITday ได้ลองทดสอบ และมารีวิวให้ได้อ่านกัน

Review : Huawei FreeBuds SE 3 หูฟังไร้สายประสิทธิภาพสูงที่มาพร้อมดีไซน์พรีเมี่ยมสุดคุ้ม!

Huawei FreeBuds SE 3

มาเริ่มกันที่ตัวดีไชน์ของเจ้า หัวเว่ย ฟรีบัด เอสอี 3 ที่เมื่อแกะกล่องออกมาแล้ว คงตองบอกได้แต่เพียงว่านี่คือหูฟังไร้สายแบบ In-Ear ที่มีดีไซน์สวย และโดดเด่นมากอีกหนึ่งรุ่น โดยตัวบอดี้เคสของเครื่องนั้นมีการใส่ลวดลายแบบทูโทน โดยมีส่วนที่คล้ายกับหนัง (เป็นพลาสติกพิมพ์ลายหนัง)

ที่ให้รู้สึกหรูหราทันทีในแว่บแรกที่เห็น ซึ่งตัดกันได้ดีตัวฝาปิดที่มาในสีเงินเคลือบเงา ซึ่งตัวเครื่อง และมีน้ำหนักรวมเพียง 36.8 กรัม (รวมตัวหูฟังที่มีน้ำข้างล่ะ 3.8 กรัม) ซึ่งตัวหูฟังถูกออกแบบมาให้สวมใส่สบายมากที่สุดโดยอาศัยหลักการวิเคราะห์ตามหลักสรีระช่องหูกว่า 10,000 แบบ ที่ แล็บ หัวเว่ย ได้ทดสอบเพื่อออกแบบไว้

Huawei FreeBuds SE 3

แต่เห็นสวย ๆ เล็ก ๆ แบบนี้ ใช่ว่ามันจะไม่ทนเพราะถูกออกแบบให้ทนทานต่อการใช้งานได้ในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบช่องเสียบ, การเปิด-ปิดของตัวฝาเคส, การกดเปิด-ปิดของตัวสวิตช์, การทดสอบแบตเตอรรี่, การรองรับการตกกระแทก และความทนทานต่ออุณหภูมิสูง และต่ำ ตัวหูฟังยังรองรับการป้องกันไฟฟ้าสถิตที่ตัวหูฟัง (NCVM metallic coating)

โดยใช้เทคโนโลยีการเคลือบชุบที่ไม่นำไฟฟ้า ทำให้เราไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ใช้ ๆ อยู่ แล้วเกิดอาการเหมือนไฟดูดแปล๊บ ๆ ในหู อีกด้วย นอกจากนี้ตัวเครื่องยังใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำมาเป็นส่วนประกอบในการผลิต ขณะที่ด้านคุณสมบัติความอึดในการใช้งานตัวเครื่อง

ใส่แบตเตอรี่ขนาด 510 mAh (เคสชาร์จ) และ 41 mAh (ตัวหูฟัง) มาให้ ทำให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานสูงสุดถึง 42 ชั่วโมง โดยเจ้า หัวเว่ย ฟรีบัด เอสอี 3 นี้มีให้เลือกใช้งานด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีเบจ และ สีดำ แต่ตัวที่แอดมินได้มารีวิวนั้นเป็นสีดำ ซึ่งก็คลาสสิกไปอีกแบบ 

สเปคข้อมูล (Specification) : หัวเว่ย ฟรีบัด เอสอี 3

Huawei FreeBuds SE 3

  • ขนาดเคส : 50.4 มม. X 50.3 มม. X 23.4 มม.
  • ขนาดหูฟัง : 33.6 มม. X 17.8 มม. X 18.1 มม.
  • น้ำหนัก : 3.8 กรัม (หูฟังข้างล่ะ) / 33 กรัม (น้ำหนักเคส) รวม 36.8 กรัม *น้ำหนักจริงของผลิตภัณฑ์จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการกําหนดค่า และกระบวนการผลิต
  • สี : สีเบจขาว (beige white) และ สีดำ (black)
  • ไดรเวอร์ : 10 มม. (ไดนามิก)
  • ระบบตัดเสียงภายนอกระหว่างการฟัง : รองรับ (Call noise cancellation)
  • ระบบปรับเสียงเพลง หรือเสียงเครื่องดนตรี : รองรับ (Multi-EQ)
  • รูปแบบไฟล์เสียงที่รองรับ : SBC and AAC
  • ระบบการควบคุม : ระบบควบคุมแบบสัมผัส (Thuch Control) ผ่านเซ็นเซอร์โดยสัมผัส 2 จังหวะ (Double-tap) เพื่อเล่น และหยุด / สัมผัส 3 จังหวะ (next track) เพื่อเลื่อนไปเพลงถัดไป
  • แบตเตอรี่ : Lithium polymer แบบถอดออกไม่ได้
  • ความจุแบตเตอรี่ : 41 mAh (หูฟังไร้สาย) / 510 mAh (เคสชาร์จ)
  • ระยะเวลาในการใช้งาน : 42 ชม. (เมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ) / 5 ชม. (เมื่อใช้งาน Voice calling ร่วมกับเคสชาร์จ)
  • การชาร์จ : ผ่านสาย USB Type-C (ชาร์จ 10 นาที ฟังได้ 3 ชม. หรือเต็มความจุฟังได้ 9 ชม.)
  • มาตรฐาน (กันน้ำ) : IP54 (หูฟัง) / เคสชาร์จ (ไม่กันน้ำ)
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.4 (รองรับการจับคู่อัตโนมัติ และระบบตรวจจับการสวมใส่) *เฉพาะเครื่องที่ใช้ EMUI 10.0 หรือใหม่กว่า
  • ราคา : 1,399 บาท
  • วันจำหน่าย : 3 มีนาคม 2564

บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง

การออกแบบแพคเกจจิ้ง (Packaging Design) ตัวกล่องสีขาวมีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส พร้อม โลโก้ หัวเว่ย และชื่อรุ่นอุปกรณ์ ที่เป็นสีทอง รวมถึงรูปผลิตภัณฑ์ และสกิลความสามารถในการใช้งานของแบตเตอร์รี่ 42 ชั่วโมง (42h Battery Life) ขณะที่ด้านล่างของฝาปิดจะระบุ ชื่อรุ่น, ซีเรียลนับเบอร์, วันผลิต, บาร์โค้ด

และด้านขวาสกีน โลโก้ ความสามารถด้าน แบตเตอรรี่, ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และความสามารถในการชาร์จเพื่อนำไปใช้งาน ด้านหลังสกีนข้อมูล โลโก้ของตัวเคส ไม่ว่าจะเป็นความสามารถแบตเตอรรี่, ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, ความสามารถในการชาร์จเพื่อนำไปใช้งานของเคส,

ความสามารถของระบบสัมผัส, ความสามารถในการเชื่อมต่อของบลูทูธ และความสามารถป้องกันละลองน้ำ และ คิวอาร์โค้ด (QR Code) เพื่อสแกนแอป Huawei AI Life App มาติดตั้งในเครื่อง

Huawei FreeBuds SE 3

ขณะที่ผ่านในกล่องเมื่อแกะออกมาจะเจอตัวเคสเครื่อง หัวเว่ย ฟรีบัด เอสอี 3ซึ่งมีตัวหูฟังอยู่ภายใน และมีคู่มือการใช้งาน รวมถึง ใบรับประกันสินค้า มาให้ แต่ภายในกล่องไม่มีสายชาร์จแถมมาให้ซึ่งเราสามารถใช้สาย USB Type-C ที่มีอยู่มาใช้แทนได้ครับ

การเชื่อมต่อตัวเครื่อง

Huawei FreeBuds SE 3

Huawei FreeBuds SE 3

ในการเชื่อมต่อตัว หัวเว่ย ฟรีบัด เอสอี 3” เพื่อใช้กับสมาร์ตโฟนนั้น ต้องโหลดแอปพลิเคชั่น Huawei AI Life มาก่อน ซึ่งเมื่อโหลดมาเรียบร้อยก็เปิดสัญญาณ บลูทูธ (Bluetooth) ที่ตัวเครื่อง และเข้าไปที่แอปพลิเคชั่น เพื่อเตรียมเชื่อมต่อครับ ซึ่งวิธีการใช้งานก็เพียงแค่แค่เปิดเคสชาร์จ แอปฯ ก็จะเจอตัวเครื่องแล้วครับ

หรือถ้าไม่เห็นก็แค่กดปุ่มที่อยู่ด้านล่างของเคส ให้ไฟกระพริบ ซึ่งตัวแอปฯก็จะเด้งถามขึ้น เข้าสู่การแจ้งเตือนเพื่อเชื่อมต่อ ฟรีบัด เอสอี 3 ครับ หลังการเชื่อมต่อครั้งแรกเพียงครั้งเดียว หูฟังจะคอนเนคกับโทรศัพท์ หรือแท็บเล็ตอัตโนมัติ ซึ่งตัวเครื่องนั้นสามารถใช้งานได้ทุกระบบปฏิบัติการไม่ว่าคุณจะใช้ Android หรือ iOS ก็ตาม

คุณสมบัติที่โดดเด่น (Outstanding features)

Huawei FreeBuds SE 3

คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของเจ้า หัวเว่ย ฟรีบัด เอสอี 3เครื่องนี้คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของความสามารถในการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า และแทบจะเป็นเครื่องที่มอบความสามารถในการใช้งานได้ยาวนานมากที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันของเครื่องแบรนด์ที่อยู่ในระดับราคาไม่ถึง 1,500 บาท

Huawei FreeBuds SE 3

ตัวเครื่องที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนโพลิเมอร์ ทั้งใน เอียร์บัด (หูฟัง) 41 mAh และ เคสชาร์จ 510 mAh ทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยสามารถใช้ในการเล่นเพลงได้เฉลี่ยที่ 8-9 ชั่วโมง หลังจากการชาร์จเต็ม และใช้เป็นอุปกรณ์ในการสนทนาเฉลี่ย 4-5 ชั่วโมง (โดยประมาณ)

ขณะที่ประสิทธิภาพในการชาร์จพลังงานของ หัวเว่ย ฟรีบัด เอสอี 3 จากการทดสอบพบว่าสามารถชาร์จหูฟังด้วยเคสชาร์จให้เต็มได้โดยใช้เวลาประมาณ 50-60 นาที ขณะที่การชาร์จผ่านสาย USB Type-C ถือว่าทำได้ดีกว่าที่ข้อมูลระบุไว้ที่ 110 นาที โดยแอดมินลองชาร์จผ่านสาย USB Type-C พบว่าใช้เวลาแค่ 45 นาที ไฟก็เต็มทั้งเคส และตัวหูฟัง (เวลาโดยประมาณ)

Huawei FreeBuds SE 3

ขณะที่ในส่วนของการดีไซน์ของตัว หัวเว่ย ฟรีบัด เอสอี 3 ถือว่าเป็นหูฟังไร้สายแบบ In-Ear ที่ใส่ใจในการออกแบบมาตัวตังแต่ตัวเคสชาร์จ หูฟัง ไปจนถึงการส่วมใส่ที่ค่อนข้างแน่นหนาพอเหมาะพอดีกับสภาพของร่องหูในหลาย ๆ แบบ และไม่ต้องกังวลว่าตัวหูฟังจะหลุดออกจากเคสง่าย ๆ เพราะเป็นมีแม่เหล็ก ซึ่งช่วยให้หูฟังแน่นหนาปลอดภัยมากขึ้น ในเรื่องระบบการควบคุมการใช้งาน ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี

เนื่องจากตัวเครื่องใส่ฟังก์ชั่นการสัมผัสเพื่อปรับระดับเสียงที่ตัวหูฟังมาให้ด้วย แต่เป็นแบบกดแช่ ไม่ใช่แตะเพื่อปรับระดับเสียง ซึ่งเราจะต้องเข้าไปตั้งค่าในตัวแอปก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ ตัวเครื่องยังมอบคุณภาพเสียงที่ถือว่า ไม่ขี้เหร่เลยสำหรับหูฟังในระดับราคาเพียงเท่านี้

Huawei FreeBuds SE 3

ยิ่งเมื่อใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชั่น Huawei AI Life ก็สามารถทำให้เราสามารถปรับระดับของเสียงเพลง หรือเสียงเครื่องดนตรี ให้มีโทนเสียง เป็นไปตามความต้องการได้ดีขึ้น ซึ่งเท่าที่แอดมินลองใช้แม้จะยังไม่ได้เข้าไปปรับ Multi-EQ ภายในแอปพลิเคชั่น ซึ่งคุณภาพเสียงก็ไม่ได้แย่มากเท่าไร เพราะเสียงที่ได้จะออกโทนเสียงแหลมกลาง ๆ แต่หากเข้าไปปรับก็ช่วยยกกระดับการฟังไปได้อีกมิติหนึ่งเลยทีเดียว

Huawei FreeBuds SE 3

แต่หากต้องการปรับภายใน Multi-EQ นั้นมีให้เลือกปรับรูปแบบเสียงได้ 4 แบบ ได้แก่ แบบค่าเริ่มต้น, แบบเพิ่มเสียงเบส, แบบเพิ่มเสียงแหลม และแบบปรับปรุงเสียงพูด ซึ่งเอาไว้ใช้เวลาที่เราต้องการคุณภาพเสียงของสายสนทนาที่ดีขึ้น โดยตัวคุณภาพเสียงที่ตัวเครื่องสามารถมอบให้จะอยู่ที่ช่วงความถี่เสียงระดับ 20Hz-20kHz

Huawei FreeBuds SE 3

นอกจากนี้ตัวเครื่องยังคงมีฟังก์ชั่นช่วยตามหาหูฟังแบบส่งสัญญาณเสียงมาให้ด้วย โดยเราจะตั้งข้างใดข้างหนึ่ง หรือจะตั้งให้ดังทั้ง 2 ข้างก็ได้ ซึ่งการใช้งานจะต้องเข้าไปใช้ภายในตัวของ แอปพลิเคชั่น Huawei AI Life เพียงแต่ระดับเสียงจะไม่ได้ดังมากเท่าไร แต่ก็ถือว่ายังดีกว่าไม่มีมาให้เลย

นอกจากนี้ตัวหูฟังเองก็ยังรองรับมาตรฐานกันน้ำระดับ IP54 ทำให้มั่นใจได้เลยว่าสามารถที่จะป้องกันฝุ่นได้แต่อาจมีฝุ่น หรือละอองน้ำได้ดีระดับหนึ่ง โดยที่ไม่มีผลใด ๆ ต่อการทำงานของตัวหูฟัง (ตัวเศจชาร์จไม่รองรับ IP54)

และอย่างที่เห็นกันว่านี่คือหูฟังไร้สายที่ออกแบบมาได้สวยมากที่สุดอีกหนึ่งรุ่นที่หากบอกว่าดูหรูหราพรีเมี่ยมลักชัวรี่ก็ไม่น่าเคอะเขินเท่าไร ไล่ตั้งแต่ตัวเคสขาร์จที่ออกแบบในรูปแบบทูโทน แฝงไปด้วยลวดลายของหนังตัดกับการเคลือบเงาที่ฝาปิด และแม้ว่าจะเป็นพลาสติกก็ยังเป็นพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

Huawei FreeBuds SE 3

ข้อสรุปการใช้งานหลังจากทดสอบ

จากการทดสอบ และได้สัมผัสตัวเครื่องของ หัวเว่ย ฟรีบัด เอสอี 3” ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ก็ต้องบอกว่านี่คือหูฟังไร้สายที่เหมาะอย่างยิ่งครับสำหรับคนที่เริ่มใช้งานหูฟังไร้สาย แต่ก็ไม่กล้าใช้จากแบรนด์ที่ไม่รู้จักเท่าไร และด้วยสนนราคาที่ไม่แพงจนเกินไปบวกกับความน่าเชื่อถือของแบรนด์ หัวเว่ย ก็ถือว่าจัดไปใช้งานได้สบาย ๆ

และด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นสวยงามในแบบที่เรียกว่า “น้อยแต่มาก” ก็ทำให้เวลาหยิบจับขึ้นมาไม่อายใครเลย เผลอจะโดนถามด้วยซ้ำว่าแบรนด์อะไร ดีมั้ย หรือชมว่าสวยก็เป็นไปได้ แถมด้วยความสามารถในการใช้งานแต่ล่ะครั้งที่ยาวนานมากขึ้นก็ถือว่าคุ้มค่าสุด ๆ แล้วครับ

แต่หากจะถามว่าเจ้า หัวเว่ย ฟรีบัด เอสอี 3” มีอะไรที่น่ากังวลใจมั้ยก็คงต้องบอกว่ามีครับเพียงแต่ความน่างกังวลเล็ก ๆ น้อย ๆ คือในเรื่องขนาดตัวเครื่องที่มีขนาดไม่ใหญ่ และมีน้ำหนักเบามาก ก็อาจจะทำให้เผลอทำตกหล่นจนสูญหายได้โดยที่ไม่รู้ตัวได้ และการที่ต้องปรับลดระดับเสียงโดยแตะค้างตัวหูฟังก็อาจจะทำให้ยุ่งยากเพราะไม่ได้เป็นลดที่ระดับถ้ากดแช่นานเสียงก็เบา หรือดังไปได้

อีกเรื่องก็คงเป็นในส่วนของฝาปิดของตัวเคสที่เป็นสีเคลือบเงา ที่แม้ว่าตัวเครื่องจะมีความทนทานในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อทำตกแล้วจะไม่เกิดร่องรอยใดเลย ยิ่งโดยเฉพาะในจุดดังกล่าว (ฝาปิดเคส) หากลองทำตกแล้วล่ะก็มีโอกาสสูงมากครับที่สีจะถลอกทำให้ความสวยงามลดลงไป

แต่หากถามจุดที่น่าเสียดายก็คงเป็นเรื่องที่ตัวเครื่องไม่แถมสายชาร์จ และปลอกซิลิโคนหูฟังมาให้ รวมไปถึงเรื่องที่ตัวเคสชาร์จนั้นไม่รองรับมาตรฐานกันน้ำระดับ IP54 ซึ่งรองรับแค่ตัวหูฟังเท่านั้น แต่ก็เข้าใจได้ไม่ยากครับ ด้วยการดีไซน์ที่ทางหัวเว่ยคิดมาแล้วว่าเหมาะกับสภาพร่องหูหลาย ๆ แบบแล้ว จึงไม่ได้แถมมาให้ แต่ก็อย่างว่าก็อาจจะมีคนที่ไม่ชอบความเป็นพลาสติดล้วน ๆ อยู่เหมือนกัน แต่หากย้อนกับไปดูที่ราคาแล้วก็พอจะยอมรับได้ครับ

Huawei FreeBuds SE 3

ข้อดี

  • ดีไซน์ใหม่แบบพรีเมี่ยมลักชัวรี่
  • ตัวเครื่องมีน้ำเบาโดยรวมเพียง 36.8 กรัม
  • แบตอึดรองรับการใช้งานสูงสุด 42 ชั่วโมง (42h Battery Life)
  • มีระบบระบบควบคุมแบบสัมผัส (Thuch Control) แบบสัมผัส 2 จังหวะ (Double-tap) และ 3 จังหวะ (next track)
  • รองรับระบบการตัดเสียงรบกวนการโทร (Call noise cancellation)
  • รองรับการปรับคุณภาพเสียง (Multi-EQ) ผ่าน Huawei AI Life
  • รองรับการป้องกันไฟฟ้าสถิตที่ตัวหูฟัง (NCVM metallic coating)
  • ราคาย่อมเยา

ข้อเสีย

  • ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาอาจจะทำให้เผลอทำตกหล่นจนสูญหายได้โดยที่ไม่รู้ตัว
  • ไม่สามารถแตะเป็นจังหวะเพื่อปรับลดระดับเสียงได้ที่ตัวหูฟังได้ (ใช้แตะค้างเพื่อปรับ ลด-เพิ่ม ระดับเสียง)
  • ฝาปิดของตัวเคสที่เป็นสีเคลือบเงาเสี่ยงทำให้เกิดรอยได้ง่าย
  • ตัวเคสชาร์จไม่รองรับ IP54
  • ไม่แถมสายชาร์จ และปลอกซิลิโคนหูฟังมาให้

ข้อเสนอพิเศษ

หัวเว่ย ฟรีบัด เอสอี 3 จะเริ่มวางจำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 799 บาท จากราคาปกติ 1,399 บาท เมื่อซื้อตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2568 (เวลา 20.00 น.)-31 มีนาคม 2568 เฉพาะช่องทางออนไลน์ HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ย บนแพลตฟอร์ม Lazada, Shopee และ TikTok Shop

*ของสมนาคุณเป็นไปตามตามเงื่อนไขแต่ละแพลตฟอร์ม

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay