แกร็บ (Grab) ผนึก กรมควบคุมโรค คุมเข้มเฝ้าระวังไวรัสโคโรนา พร้อมแนะ 4 แนวทางปฏิบัติ “รับรู้ – ร่วมมือ – ระวัง – รวมพลัง” เพื่อรับมืออย่างถูกต้อง…
highlight
- แกร็บ สานความร่วมมือ กรมควบคุมโรค แนะ 4 แนวทางรับมือ ไวรัส โคโรน่า พร้อมกับกันร่วมแจกหน้ากากอนามัย และสเปรย์ฆ่าเชื้อให้กับพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บแท็กซี่ที่มาร่วมกิจกรรมตรวจสุขภาพฟรี และฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
- พร้อมกับเดินหน้าร่วมให้ความรู้และคำแนะนำในการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
Grab สานความร่วมมือ กรมควบคุมโรค ร่วมแนะแนวทางป้องกัน “ไวรัสโคโรน่า”
ดร. เก่งการ เหล่าวิโรจนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า แกร็บ ให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งกับเรื่องความปลอดภัย และสุขภาพอนามัยของทุกคนที่อยู่ในระบบนิเวศธุรกิจของแกร็บ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ใช้บริการ พาร์ทเนอร์คนขับ-จัดส่งอาหาร พาร์ทเนอร์ร้านอาหาร รวมถึงพนักงานทุกคน
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ความกังวลเกี่ยวกับแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 แกร็บ ประเทศไทย ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และประกาศใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่อาจเกิดขึ้นผ่านบริการของเรา โดยเฉพาะบริการการเดินทาง
4 แนวทางปฏิบัติรับมือไวรัส
ล่าสุด แกร็บ ประเทศไทย ได้ผนึกความร่วมมือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ความรู้และคำแนะนำในการดูแลสุขภาพ รวมไปถึงการจัดตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บแท็กซี่โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมยกระดับมาตรการเฝ้าระวัง และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทั้งกับผู้ใช้บริการและพาร์ทเนอร์คนขับผ่าน 4 แนวทางหลัก อันได้แก่
รับรู้: สร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา รวมถึงวิธีการป้องกันตัว และการดูแลสุขภาพตามแนวทาง และมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก โดยสื่อสารไปยังกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับ-จัดส่งอาหาร พาร์ทเนอร์ร้านอาหาร ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการ รวมถึงพนักงานทุกคน ผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ
ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับ แกร็บยังได้จัดกิจกรรมพิเศษเพิ่มเติมเพื่อแสดงความห่วงใยในด้านสุขภาพ และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็น
การแจกหน้ากากอนามัยจำนวน 100,000 ชิ้นภายในเดือนมีนาคม รวมถึงสเปรย์ฆ่าเชื้อภายในตัวรถ การมอบส่วนลด50% จาก UPautocare เพื่อรับบริการพ่นอบฆ่าเชื้อห้องโดยสารรถยนต์รวมไปถึงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจสุขภาพมูลค่า 500 บาทสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง และการให้เงินช่วยเหลือกรณีพิเศษจำนวน 2,000 บาทเมื่อต้องหยุดให้บริการหากตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา
ร่วมมือ: ประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกับ กระทรวงสาธารณสุข ในการตั้งรับและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาจากบริการการเดินทาง อาทิ การจัดตั้งช่องทางการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างแกร็บกับกรมควบคุมโรค การจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
สำหรับพาร์ทเนอร์คนขับ รวมถึงการสนับสนุนโครงการ “ตรวจสุขภาพแท็กซี่ ท่องเที่ยวมั่นใจ ปลอดภัย ปลอดโรค” โดยกรมควบคุมโรค กรมการขนส่งทางบก และกรมการท่องเที่ยว เป็นต้น
ระวัง: จัดตั้งทีมงานเฉพาะกิจเพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยติดตามข่าวสารความคืบหน้าและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นตลอด24 ชั่วโมง พร้อมทั้งได้กำหนดแนวทางและขั้นตอนการรับมือ (Standard Operating Procedure) ในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถจัดการ และควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในกลุ่มของพาร์ทเนอร์คนขับ ผู้โดยสาร รวมถึงพนักงานของแกร็บได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
รวมพลัง: ผนึกพลังทีมงานของแกร็บจากทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแกร็บให้บริการ ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา เมียนมาร์ และไทย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร รวมถึงแนวทางในการรับมือ และแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคถือเป็นหน่วยงานหลักในการวางแผนรับมือสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยที่ผ่านมาเราได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ในการรณรงค์เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรค ทั้งยังได้กำหนดแนวทางการรับมือ รวมถึงมาตรการเฝ้าระวังเพื่อป้องกัน และควบคุมโรคดังกล่าวเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยว
สำหรับความร่วมมือกับแกร็บ ประเทศไทยในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่จะช่วยส่งต่อความรู้ในการป้องกันโรคติดต่อ และลดความเสี่ยงจากเกิดโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจให้กับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพเดินรถสาธารณะ โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ซึ่งเป็นด่านแรกในการรับ-ส่งนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศ และมีความเสี่ยงในการรับหรือแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จากคนสู่คน
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคอยากขอความร่วมมือให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ทุกคนป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่รับ-ส่งผู้โดยสาร หมั่นล้างมือบ่อยๆ และไม่ลืมที่จะเช็ดทำความสะอาดรถอยู่เสมอ โดยเฉพาะบริเวณที่มีผู้โดยสารสัมผัสบ่อยครั้ง ในกรณีที่ให้บริการผู้โดยสารที่มีอาการป่วย
เช่น ไอ จาม หรือมีน้ำมูก ควรใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดเบาะที่นั่ง นอกจากนี้ ยังควรเปิดประตูและหน้าต่างรถเพื่อระบายอากาศในเวลากลางวันเพื่อให้แสงแดดช่วยฆ่าเชื้อ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากการสะสมของเชื้อไวรัสภายในรถ ลดโอกาสการติดเชื้อไวรัสโคโรนาของตนเองและสร้างมั่นใจให้กับผู้โดยสารได้
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th