มิจจี้!! เตรียมซวย DE เอาจริงผุดแอปฯ “DE fence” บล็อก-แจ้ง-อายัติ

DE-fence

มิจจี้-แก๊งคอลเซ็นเตอร์!! เตรียมซวย DE เอาจริงผุดแอปฯ “DE fence” บล็อก-แจ้ง-อายัติบัญชี เริ่ม 1 พฤษภาคม 2568 ตั้งเป้าเฟส 1 ยอดใช้ 1 ล้านคน…

มิจจี้!! เตรียมซวย DE เอาจริงจับมือ 16 หน่วยงาน รัฐเอกชน ผุดแอปฯ “DEfenceบล็อกแจ้งจับอายัติ ตั้งเป้าเฟส 1 ยอดใช้ 1 ล้านคน เริ่ม 1 พ.ค. 68 นี้

กระทรวงดีอี ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 16 หน่วยงาน ทั้ง รัฐ-เอกชน

ได้แก่ สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย, สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ , กรมสอบสวนคดีพิเศษ, กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี,

สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน), บริษัท บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส

และบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ร่วมลงนาม MOU สนับสนุนโครงการ “DE-fence platform” (แพลตฟอร์มกันลวง) เพื่อป้องกัน “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” และ “มิจฉาชีพ” ที่ โทร หรือส่ง SMS หลอกลวงประชาชน โดยจะเริ่มเริ่มเปิดทดลองใช้งานวันที่ 1 พ.ค.68 นี้

DE-fence
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอี)

ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอี) กล่าวว่า จากสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566-31 มีนาคม 2568

ซึ่งพบว่า มีการรับแจ้งความออนไลน์คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จำนวนทั้งสิ้น 5.19 แสนคดี หรือคิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 5.07 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นความเสียหายรุนแรงที่เกิดขึ้นกับประชาชน และปัจจุบันยังคงเกิดการหลอกลวง

โดย “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” อยู่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการที่มิจฉาชีพได้พัฒนาการก่อเหตุโดยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการหลอกลวงผ่านการโทรศัพท์ และส่ง SMS ถึงผู้เสียหาย

ซึ่งทาง ดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวเองก็เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว และได้เริ่มวางโครงการในพัฒนาแพลตฟอร์มกันการหลอกลวงมาตั้งแต่ปี 67 ที่ผ่านมา ร่วมถึงได้มีการพูดคุยประชุมร่วมกันกับหน่วนงานที่เกี่ยวข้องทั้งจากภาครัฐ และภาคเอกชน จนวันนี้เราสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มกันลวงที่เป็นของรัฐที่สามารถให้ประชาชนใช้งานได้ฟรี

ในชื่อ “DE-fence” (ดี-เฟ้นส) หรือ “แพลตฟอร์มกันลวง” ซึ่งจะเป็นแอปพลิเคชั่นแพลตฟอร์มที่ใช้ในการแจ้งเตือนประชาชน ช่วยในการคัดกรองสายเรียกเข้า และข้อความสั้น ของคนร้าย รวมถึงช่วยยืนยันเบอร์โทรจากหน่วยงานสำคัญ เช่น ตำรวจ หรือ สถาบันการเงิน เป็นต้น

โดยคาดหวังว่า “แพลตฟอร์มกันลวง” จะเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการใช้งานป้องกันปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ใช้การโทร และ ส่ง SMS หลอกลวง ควบคู่กับการใช้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568

และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ผ่านรูปแบบมาตรการลงทะเบียนผู้ให้บริการส่ง SMS แนบลิงก์ใหม่ทั้งระบบ และต้องมีการลงทะเบียนทุก ๆ ปี เพื่อให้สามารถระบุว่า ผู้ให้บริการ และ ผู้ส่ง SMS คือใคร รวมทั้งการลงทะเบียนการส่ง SMS แนบลิงก์

ซึ่งจะต้องระบุรายละเอียดของข้อความ และลิงก์ โดยทางผู้ให้บริการเครือข่ายจะต้องร่วมมือในการ ตรวจสอบลิงก์ ก่อนที่จะส่ง SMS ไปยังผู้ใช้บริการ (End user) นอกจากนี้ยังรวมการใช้การคัดกรองแยกหมายเลขโทรศัพท์ “Blacklist” และ “Whitelist” ออกจากกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

DE-fence

“โดย “ดี-เฟ้นส” หรือ แพลตฟอร์มกันลวง นี้ เป็นก้าวแรกของเป้าหมายในการช่วยสร้างความมั่นคง และปลอดภัยทางออนไลน์ที่ทางกระทรวงดีอี จะมอบให้แก่ประชาชน และเชื่อว่าในอนาคต พ.ร.ก. ทั้ง 2 ฉบับ จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ศูนย์ AOC แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เนื่องจะไม่ใช่ขอบเขตอำนาจที่กำกัดแบบเดิมที่ทำได้เพียงแค่ขอความร่วมมือกับหน่วยงานเอกชน ซึ่งที่ผ่านมามักจะมีข้ออ้างในการไม่ส่งข้อมูลที่ได้ร้องขอไปมาให้ โดยนับจากนี้จะเป็นการเพิ่มอำนาจบังคับให้ส่งข้อมูลที่ร้องขอไป ร่วมถึงความรับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับประชาชนด้วย และอาจพิจารณาเข้าไปนแอปฯ “ทางรัฐฯ” อีกด้วย” ประเสริฐ กล่าวเสริม

DE-fence

ด้าน เวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (สดช.) หรือ บีดีอี (BDE) กล่าวว่า จุดเด่น ของ “ดี-เฟ้นส” คือ การเชื่อมต่อฐานข้อมูลระหว่างผู้ประกอบการโทรคมนาคม เพื่อให้ได้ข้อมูลเลขหมายที่เป็นปัจจุบันมากที่สุด

รวมถึงการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของ ตร., ปปง., ศูนย์ AOC 1441 และ กระทรวงดีอี เพื่อใช้ในการเตือนประชาชน ทำให้ประชาชนทราบข้อมูลของผู้โทรเข้าว่า เป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ และมีระดับความเสี่ยงของเบอร์โทรอยู่ระดับใด

เพื่อให้ประชาชนสามารถตัดสินใตได้อย่างมีประสิทธฺภาพ ก่อนรับสาย หรืออ่านข้อความ SMS รวมถึงสามารถตรวจหาความผิดปกติของ Link ที่แนบมากับ SMS ได้ เมื่อผู้รับต้องการตรวจสอบ อีกทั้งระบบยังรองรับการใช้งานที่สะดวกสบายมากขึ้น โดยเมื่อตรวจพบ สายลวง หรือ SMS หลอก ก็สามารถทำการแจ้งความออนไลน์

และการแจ้งอายัดบัญชีคนร้าย ผ่านโทรสายด่วน AOC 1441 ได้ในทันที ไม่ต้องยุ่งยากในการดำเนินการอย่างเช่นในอดีต (ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่าง และดีกว่าบริการจากเอกชนจากต่างชาติที่ให้บริการอยู่ในไทย) ซึ่งระบบการยืนยันตัวตนของผู้ใช้งาน เพื่อส่งข้อมูลให้กับเจ้าหน่าที่ตำรวจ

โดยตัวระบบจะมีการทำงานแบบ Real time เพื่อเป็นข้อมูลให้กับ ตร. และ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ในการวิเคราะห์และวางแผนในการปราบปราม และป้องกันการหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และดำเนินการปราบปรามการกระทำผิดของมิจฉาชีพได้ทันที

หลักการในการแบ่งสายโทรเข้า และ SMS ใน “ดีเฟ้นส

  • Blacklist หรือ สีดำ ซึ่งเป็นหมายเลขการติดต่อจากคนร้ายที่ได้รับการยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้บริการเลือก Block หรือ ปิดกั้นแบบอัตโนมัติ
  • Greylist หรือ กลุ่มต้องสงสัย เป็นการติดต่อจากหมายเลขที่ต้องสงสัย อาทิ การติดต่อจากอินเตอร์เน็ต การติดต่อจากต่างประเทศ หรือ หน่วยงานเกี่ยวข้อง หรือ ประชาชนทั่วไปแจ้งว่าเป็นเบอร์ต้องสงสัย โดยระบบจะแจ้งเตือนให้ผู้ใช้บริการได้รู้ถึงระดับความเสี่ยงของสายโทรเข้า หรือ SMS ดังกล่าว
  • Whitelist หรือ สีขาว เป็นหมายเลขหน่วยงานที่ลงทะเบียนถูกต้อง และได้รับการยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเป็นหมายเลขของหน่วยงานรัฐ หมายเลขโทร 3-4 หลัก เช่น 1111

DE-fence

ปัจจุบันแฟลตฟอร์ม “ดี-เฟ้นส” ในระยะเเรก “เบต้า เวอร์ชั่น” (ฺBeta Version) ที่เน้นการป้องกันการใช้ชื่อหน่วยงานรัฐในการหลอกลง ซึ่งคนร้ายมักใช้ในการหลอกลวงประชาชนก่อน เพราะมักสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนได้มาก แต่ในระยะต่อไปจะขยาย ให้ครอบคลุมหน่วยงาน และบริษัทมากขึ้น

เพื่อขยายการป้องกัน และแจ้งเตือนให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้มากขึ้น โดยขณะนี้ “ดี-เฟ้นส” อยู่ระหว่างการทดสอบความปลอดภัย และสามารถรองรับผู้ใช้จำนวนมาก เนื่องจากประเมินว่าจะมีผู้ใช้ประจำ (active users) กว่า 1 ล้านคน ทั้งนี้แฟลตฟอร์ม “ดี-เฟ้นส” ทำงานมาตรฐานการคุ้มข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

DE-fence
สืบศักดิ์ สืบภักดี เลขาธิการ สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

สืบศักดิ์ สืบภักดี เลขาธิการ สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาการที่ติดปัญหาในการตรวจสอบเนื่องจากกฏหมายยังไม่เอื้อให้ภาคเอกชนสามารถดำเนินการร่วมกับหน่วยงานรัฐได้ แต่เมื่อ พรก. ทั้ง 2 ฉบับ มีผลบังคับใช้แล้วในปัจจุบัน

ทางเอกชนก็สามารถช่วยตรวจสอบการหลอกลวงทั้งในรูปแบบการโทร และการส่งข้อความได้ ร่วมถึงยังช่วยให้ประชาชนสามารถแจ้งความ และส่งเรื่องไปยังศูนย์ AOC 1441 ได้ในทันที เพราะเป็นการบูรณาการข้อมูลโดยการเชื่อมโยงข้อมูลของรัฐ และเอกชน เข้าหากันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในอีกแง่มุมก็ยังสามารถช่วยป้องกันการกลั่นแกล้ง หรือการกดรีพอร์ต ที่ไม่สมเหตุสมผลลงได้ ร่วมถึงช่วยให้ข้อมูลของการลงทะเบียนซิมเป็นไปอย่างถูกต้อง แม้ว่าจะเป็นการนำเบอร์โทรเก่าที่ปิดเบอร์ไปแล้วมาจำหน่ายใหม่ก็จะไม่มีการโทรผิดอีก ร่วมไปถึงยังช่วยป้องกันซิมม้า หรือบัญชีม้า ได้อีกด้วย

ในเฟสต่อไปอาจจะมีการพัฒนาให้ “ดี-เฟ้นส”สามารถทำงานในรูปแบบ “โทเคน” ที่มี ไอดี (ID) ที่ประชาชนผู้เสียหายสามารถติดตามความคืบหน้าของคดีได้ว่าอยู่ในขั้นตอนไหนของกระบวนการดำเนินการ แต่ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวอาจจะยังมีข้อกฏหมายที่จะต้องศึกษาเพิ่มเติม แต่ก็อยู่ในเป้าหมายที่จะเดินหน้าไป

DE-fence

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay