ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท (WHA Infonite) เลือก อีโคสตรัคเจอร์ (EcoStruxure) และ Critical Facility Operations จาก Schneider Electric ยกระดับ Data Center เทียร์3…
highlight
- แพลตฟอร์มอีโคสตรัคเจอร์ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ (EcoStruxure for Data center) ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค สนับสนุนการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับท็อปเทียร์ ของดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท ถึง 2 แห่ง เพื่อการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงทั้งสัปดาห์
- อีโคสตรัคเจอร์ (EcoStruxure™) ให้การมองเห็นการทำงานของระบบที่ครบถ้วน ทั้งข้อมูลเชิงลึกเพื่อลดความเสี่ยงและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ถึง 15%
- บุคลากรที่มีประสบการณ์ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ซัพพอร์ตด้วยเครื่องมือดิจิตอล ช่วยลดข้อผิดพลาดของมนุษย์ (human error) และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานได้สูงสุด
WHA Infonite แสดงศักยภาพ Data Center หลังยกระดับ ด้วย EcoStruxure จาก Schneider Electric
จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการเป็นโซลูชั่นพาร์ทเนอร์ที่ดีที่สุด ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป จึงได้เสริมศักยภาพเพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ให้กับธุรกิจดิจิทัล
วันนี้เราจึงรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และแนวทางการดำเนินงานที่ดีที่สุด โดยกระบวนการทั้งหมดสอดคล้องกับการปฏิบัติตามมาตรฐาน เทียร์ 3 (Tier III) และข้อกำหนดมาตรฐานระดับสูงด้วยแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นดิจิทัลนี้ สำหรับเราสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการมีเครื่องมือทางเทคโนโลยีอันทันสมัยไว้คอยให้บริการลูกค้าเพื่อให้พวกเขาสามารถส่งมอบประสบการณ์ระดับเหนือชั้นให้กับลูกค้าต่อไป
เชื่อช่วยอุตสาหกรรมก้าวสู่ New S-curve ได้ด้วยบริการระดับโลก
ไกรทส องค์ชัยศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท จำกัด ธุรกิจในกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท ต้องการยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล
เพื่อสนองรับนโยบายรัฐบาลในด้าน EEC (Eastern Economic Corridor) โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ตามการส่งเสริม และสนับสนุน New S-curve ซึ่งแต่ละอุตสาหกรรมจะเกี่ยวเนื่องกับด้านดิจิทัล ดังเช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมดิจิตอล และอุตสาหกรรมการบิน และโลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ
โดยในทุกวันนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกกำลังก้าวหน้าขึ้นทุกขณะ หากผู้ประกอบการใดไม่ปรับตัวอาจจะทนรับแรงปั่นป่วนจากกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ยาก ซึ่งเป็นที่มาที่ธุรกิจทุกภาคอุตสาหกรรมควรจะต้องวางนโยบาย ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation)
ซึ่งดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท เป็นส่วนหนึ่งของการนำลูกค้าก้าวไปสู่การปฏิวัติการเปลี่ยนแปลง นั่นคือ ทำให้ลูกค้าได้รับบริการ สัญญาณสื่อสารความเร็วสูง ที่เอื้อต่อการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ ไม่ว่าจะเป็น Robotics, AI, IoT, Cloud Computing, Big Data
โดยบริษัทฯมีเป้าหมายภายในปี 2024 จะเป็นผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ครบวงจร (Iaas, PaaS, SaaS) และเป็นผู้นำดาต้าเซ็นเตอร์ด้านเฮลธ์แคร์ของโลก ดังนั้นในการออกแบบ และสร้างดาต้าเซ็นเตอร์จึงจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีระดับโลกที่ดีที่สุดเพื่อรองรับในวันนี้ และอนาคต
ซึ่ง โซลูชั่น อีโคสตรัคเจอร์ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ช่วยให้สามารถควบคุมดูแลกระบวนการทำงานต่าง ๆ ได้อย่างเต็มรูปแบบผ่านโครงสร้างของอีโคสตรัคเจอร์ ในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่การเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ไปจนถึงระดับระบบควบคุมปลายทาง ที่ใช้งานง่าย มีความคล่องตัวและปลอดภัย ด้วยความสามารถในการมอนิเตอร์
และรับการแจ้งเตือนผ่านสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้ในระดับของแอปพลิเคชั่น การวิเคราะห์ และการบริการ ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท ใช้ อีโคสตรัคเจอร์ แอสเสท แอดไวเซอร์ (EcoStruxure Asset Advisor) ซึ่งเป็นบริการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบต่าง ๆ จากข้อมูลที่ได้รับจากเซ็นเซอร์แบบเรียลไทม์
ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์เชิงพยากรณ์และรวมไปถึงการแจ้งเตือนอัจฉริยะส่งตรงถึงอุปกรณ์สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ด้วยข้อมูลเชิงลึกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการของดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริคยังให้บริการ Critical Facility Operations ซึ่งเป็นบริการที่มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล
และดำเนินการ และการแก้ไขปัญหาให้แก่ดาต้าเซ็นเตอร์ของดับบลิวเอชเอ 2 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 4 แห่ง เพื่อให้มีความพร้อมในการให้บริการวันละ 24 ชั่วโมง ตลอดทั้งสัปดาห์ พร้อมรายงานและการรับประกันตามมาตรฐานระดับโลก ซึ่งในภาพรวมสามารถประหยัดการใช้พลังงานได้ถึง 15% และช่วยให้ระบบมีความพร้อมใช้งานแบบ 100%
นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูล (Data center) ของเรายังถือเป็นศุนย์ข้อมูลที่ผ่านมาตรฐาน ISO 27001 ที่มีการตรวจสอบทุก ๆ ปี ที่มีการออกแบบได้ตามมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นส่วนพื้นที่สำรองในกรณีฉุกเฉิน ห้องรักษาความปลอดภัยที่ต้องทำตามระเบียบ ซึ่งมีหลายระดับในการเข้าถึงแต่ล่ะพื้นที่ที่กำหนดให้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องในแต่ล่ะพื้นที่เท่านั้น
รวมไปถึงมีแผนกตรวจสอบ (NOC Room) ที่มีการรายงานผลให้แก่ผู้ใช้บริการแต่ล่ะราย ขณะที่ให้ส่วนพื้นที่วางเซิร์ฟเวอร์ได้ออกแบบตรมมาตฐานแล้วยังมีการใช้ DCIM Temperature ที่เป็น Software Management ที่แสดงผลในรูปแบบ 3D ทำให้มองเห็นภาพทั้งหมดภายในศูนย์ข้อมูล และดำเนินการแก้ไขได้อย่างทันถ่วงที
รวมไปถึงการที่เราได้ออกแบบร่วมกับทาง ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทำให้มีระบบพลังงานสำรองจากหลายแหล่งไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากหน่วยงานรัฐ และพลังงานจากน้ำมัน รวมไปถึงพลังงานจากแผงโซล่าเซลล์ (Solar Cell) ทำให้เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีแหล่งพลังงานเพียงต่ออยู่เสมอ และยังทำให้เราเป็นผู้ให้บริการที่มิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
“การใช้ EcoStruxure จาชไนเดอร์ ทำให้ ดับบลิวเอชเอ สามารถบริหารข้อมูลภายในได้สะดวกมากขึ้น และในอนาคตยังจะสามารถช่วยให้สามารถทำงานผ่านโมบายได้อีกด้วย ซึ่งลูกค้าที่มาใช้บริการจะได้รับความสะดวกในการเข้าใช้บริการ และยังได้รับความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานสากล”
ปัจจุบันตัวอุปกรณ์ทั้งหมดของเราสามารถเชื่อมโยงกับ EcoStruxure ได้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ระบบไฟฟ้าหลัก หรือ ยูพีเอส หรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (IoT) ทำให้ระบบสามารถสลับไปใช้ส่วนสำรองได้ทันที และในอนาคคเราจะมุ่งยกระดับศูนย์ข้อมูลของเราไปส่วน ISO ที่เกี่ยวเนื่องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น
จากความมุ่งมั่น และแนวทางในการดำนินธุรกิจ ร่วมกับผู้ให้บริการเทคโนโลยีสำหรับศูนย์ข้อมูลชั้นนำอย่าง ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทำให้เชื่อว่ารายได้ในปีนี้ เฉพาะ 2 แห่งของเราเอง น่าจะมีรายได้จากการให้บริการไม่น้อยกว่า 20-30 ล้านบาท (ไม่ร่วมกับที่ศูนย์ข้อมูลที่เป็นการร่วมทุน) โดยจากธุรกิจในตัวเมือง และกลุ่มอุตกรรมการผลิตยานยนต์ เป็นต้น
ด้าน โรมาริก เอินส์ท รองประธาน กลุ่มธุรกิจไอทีสำหรับองค์กร ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า อีโคสตรัคเจอร์เป็นทั้งสถาปัตยกรรม และแพลตฟอร์มแบบเปิดมีความสามารถด้าน IoT ช่วยให้ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท ใช้โซลูชั่นของเวนเดอร์รายอื่น ๆ ร่วมกับโซลูชั่นของเราได้ และยังรองรับการใช้งานในอนาคตได้อีกด้วย
ซึ่งช่วยให้พวกเขาเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัลได้เร็วขึ้น ทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลในปัจจุบันนี้
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th