Acer เปิดตัวโน้ตบุ๊ก Swift รุ่นใหม่พร้อมกัน 2 ซีรีย์ ชูตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

เอเซอร์ (Acer) เปิดตัว Swift X โน้ตบุ๊กสำหรับครีเอเตอร์ มาพร้อม NVIDIA GeForce RTX 50 Series Laptop และ Copilot+ PC รุ่นใหม่ และ Swift Edge AI โน้ตบุ๊กบางเบาพรีเมียม และ Swift Go AI ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์…

Acer เปิดตัวโน้ตบุ๊ก Swift รุ่นใหม่พร้อมกัน 2 ซีรีย์ ชูตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

เอเซอร์ เปิดตัว โน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ Swift X 14 AI และ Swift X 14 ที่ออกแบบมาสำหรับมืออาชีพ และครีเอเตอร์คอนเทนต์ พร้อมฟีเจอร์ AI ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการสร้างสรรค์งาน โดย Swift X 14 AI ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen™ AI 300 Series ช่วยให้การเรนเดอร์ และการแสดงผลแบบเรียลไทม์

พร้อมฟีเจอร์ AI สุดล้ำ เช่น Recall, Click to Do, และ Image Creator เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ขณะที่ Swift X 14 มาพร้อม Intel^® Core™ Ultra Processors (ซีรีส์ 2) สำหรับการสร้างสรรค์ที่รวดเร็ว และแบตเตอรี่พร้อมใช้งานได้ตลอดวัน

ซึ่งทั้ง 2 รุ่น มาพร้อม NVIDIA^® GeForce RTX™ 5070 และหน้าจอ OLED 3K ที่ได้รับการรับรองจาก Calman ให้สีสันคมชัด และแม่นยำตั้งแต่เริ่มใช้งาน โดยนอกเหนือไปจากทั้ง 2 รุ่นข้างต้น เอเซอร์ ยังได้เปิดตัว Swift Series รุ่นใหม่ที่บางและเบา รองรับ Copilot+ PC

ได้แก่ Swift Edge 14 AI และ Swift Go AI Series ที่มาพร้อมโปรเซสเซอร์ Intel^® Core™ Ultra 200V Series รุ่นล่าสุด และ NPU ในตัว ดีไซน์พรีเมียม พกพาสะดวก พร้อมเทคโนโลยีและฟีเจอร์ที่เหมาะสำหรับงานสร้างสรรค์และการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงหน้าจอ OLED ที่ให้สีและรายละเอียดภาพที่แม่นยำ

โดย Swift Copilot+ PCs รุ่นใหม่ มาพร้อม NPUs ที่รองรับเวิร์กโหลดสูงถึง 40 TOPS และฟีเจอร์ AI พิเศษ เช่น Recall, Click to Do, Windows Search ใหม่, Cocreator, Live Captions และ Windows Studio Effects นอกจากนี้ยังมีปุ่ม Copilot ให้ใช้งาน Copilot ใน Windows 11 ด้วยการสัมผัสเพียงครั้งเดียว อีกด้วย

Swift X 14 AI และ Swift X 14 : กราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce RTX™ 5070 สำหรับโน้ตบุ๊ก พร้อมหน้าจอ OLED คุณภาพสูง

1 ของ 3

Swift X 14 AI และ Swift X 14 เหมาะสำหรับครีเอเตอร์มืออาชีพ เช่น กราฟฟิกดีไซเนอร์ นักตัดต่อ และช่างภาพ ด้วยโปรเซสเซอร์ประสิทธิภาพสูงจาก AMD Ryzen™ AI 9 หรือ Intel Core Ultra 9 หน่วยความจำ LPDDR5X สูงสุด 32 GB และพื้นที่จัดเก็บ PCIe Gen 4 สูงสุด 2 TB รองรับงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูง และการทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างลื่นไหล

ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce RTX 5070 ที่ขับเคลื่อนด้วยสถาปัตยกรรม NVIDIA Blackwell รองรับ AI เพื่อเร่งการทำงานในสตรีมมิ่ง, ตัดต่อวิดีโอ และเรนเดอร์ 3 มิติ พร้อมการรับรองจาก NVIDIA Studio และติดตั้ง NVIDIA Studio Drivers มาให้ล่วงหน้า

นอกจากนี้ยังรองรับเทคโนโลยี NVIDIA DLSS 4 และ NVIDIA NIM Microservices สำหรับการพัฒนา AI อย่างเต็มประสิทธิภาพ และทั้ง 2 รุ่น ยังมาพร้อมหน้าจอ OLED 3K ขนาด 14.5 นิ้ว สีสันแม่นยำ รองรับ DCI-P3 เหมาะสำหรับงานแอนิเมชัน ภาพถ่าย และวิดีโอ พร้อมกระจกไร้ขอบ

และได้มาตรฐาน VESA DisplayHDR™ TrueBlack 500 เทคโนโลยี Light Sensing ที่ช่วยปรับแสง และอุณหภูมิสีอัตโนมัติ และกระจก Corning^® Gorilla™ Glass ป้องกันรอยนิ้วมือ พร้อมตัวเลือกหน้าจอสัมผัสใช้งานง่าย

โดย Swift X รุ่นใหม่ ออกแบบมาสำหรับนักสร้างสรรค์ มีทัชแพดใหญ่ตอบสนองดี รองรับปากกา MPP 2.5 ใช้งานสะดวก สำหรับการวาด และออกแบบ ตัวเครื่องบางและกางราบได้ ช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีระบายความร้อนของด้วยพัดลม TwinAir stereo ring 2 ตัว

และท่อความร้อนทองแดงคู่ และแป้นพิมพ์ที่มีช่องระบายอากาศช่วยระบายความร้อนได้ดี รักษาอุณหภูมิให้เหมาะสม เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่เสถียรตลอดเวลา

พร้อมทุกการเชื่อมต่อ และการออกแบบอย่างยั่งยืน

1 ของ 3

Swift X 14 และ Swift X 14 AI รุ่นใหม่มาพร้อมกล้องเว็บแคม 1080p FHD IR รองรับการเข้าสู่ระบบด้วยการจดจำใบหน้าผ่าน Windows Hello และเทคโนโลยี User Sensing ที่สามารถล็อกหน้าจออัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ลุกออกจากเครื่อง และเปิดเครื่องเมื่อกลับมาใช้งาน

อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ PurifiedVoice™ 2.0 พร้อมไมโครโฟน 3 ตัว ช่วยลดเสียงรบกวนในการประชุมออนไลน์ให้เสียงชัดเจน นอกจากนี้ยังรองรับ Wi-Fi 6E และมีพอร์ตเชื่อมต่อหลากหลาย เพื่อใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยโน้ตบุ๊ก Swift รุ่นใหม่นี้

ยังคงสานต่อภารกิจด้านความยั่งยืนของ เอเซอร์ ผ่านโครงการ Earthion โดยใช้พลาสติกรีไซเคิลหลังการบริโภค (PCR) ในการผลิตตัวเครื่อง บรรจุภัณฑ์ทำจากวัสดุรีไซเคิล 100% และผ่านการรับรองมาตรฐาน EPEAT Gold อีกด้วย

Swift Edge 14 AI : ดีไซน์บางเฉียบ น้ำหนักไม่ถึง 1 กก. มาพร้อมจอ 3K OLED แบบเต็มขอบ

1 ของ 2

Swift Edge 14 AI (SFE14-51/T) Copilot+ PC มาในดีไซน์ที่บางเบาโดยมีน้ำหนักเพียง 0.99 กก. แต่ทรงพลังด้วยประสิทธิภาพ AI มาพร้อมจอ OLED 3K ขนาด 14 นิ้ว รองรับสี 100% DCI-P3 และ VESA DisplayHDR™ True Black 600

นอกจากนี้ ยังเป็นโน้ตบุ๊กเครื่องแรกที่ใช้การเคลือบ Corning® Gorilla™ Matte Pro ช่วยลดแสงสะท้อน 95% ใช้งานกลางแจ้งได้ดีขึ้น พร้อมเพิ่มคอนทราสต์ และสีสันคมชัด โดย Edge 14 AI ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ Intel^® Core™ Ultra 9 288V และ NPU 

พร้อม Intel^® Arc™ GPU ช่วยให้ทำงานต่าง ๆ เช่น ประมวลผลภาพ และลดเสียงรบกวนได้เร็วและราบรื่น ฟีเจอร์ชาญฉลาด เช่น ตัวอ่านลายนิ้วมือและทัชแพดที่แสดงสถานะการใช้งาน AI ทำให้ใช้งานได้ง่าย มาพร้อมหน่วยความจำสูงสุด 32 GB และพื้นที่จัดเก็บ 1 TB 

รองรับการใช้งานได้ยาวนานถึง 21 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และ Edge 14 AI มาพร้อมดีไซน์บางเฉียบ ทำจากแมกนีเซียม-อะลูมิเนียมอัลลอยเกรดสูง ทนทานกว่าอะลูมิเนียมทั่วไป ดีไซน์ลวดลายลูกศรคู่และคีย์บอร์ด “soft-touch” ป้องกันรังสี UV ให้ความรู้สึกคล้ายกำมะหยี่

ขณะพิมพ์ พร้อมคุณสมบัติป้องกันรอยเปื้อนและทนต่อการสึกหรอ รองรับการเชื่อมต่อด้วย Thunderbolt 4 และ USB Type-A 2 พอร์ต ผ่านมาตรฐาน Military Grade (MIL-STD 810H) เหมาะสำหรับการใช้งานทุกสถานที่

Swift Go 16 AI และ Swift Go 14 AI : ประสิทธิภาพ และการควบคุมมัลติมีเดียเพื่อการทำงานและความบันเทิง

1 ของ 2

Swift Go 16 AI (SFG16-74/T) และ Swift Go 14 AI (SFG14-75/T) ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra 7 258V, กราฟิก Intel Arc, หน่วยความจำ LPDDR5X สูงสุด 32 GB และพื้นที่จัดเก็บสูงสุด 2 TB PCIe Gen 4 SSD มอบประสิทธิภาพสูงทั้งงานสร้างสรรค์ และความบันเทิง 

นอกจากนี้ Swift Go AI รุ่นใหม่ ยังมาพร้อม Multi-Control Touchpad ที่อัปเกรดใหม่ ให้ผู้ใช้ควบคุมฟังก์ชั่นต่าง ๆ เพื่อความบันเทิง และการประชุม เช่น เล่น/หยุด, ปรับเสียง, แชร์หน้าจอ ได้สะดวกจากทัชแพด และฟีเจอร์ “MyKey” ที่เปิดแอปหลายรายการได้เพียงคลิกเดียว

และทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมหน้าจอ OLED ให้สีสันสดใส และคมชัด โดย Swift Go 16 AI มีหน้าจอ 16 นิ้ว ความละเอียด WUXGA+ (2048×1280) และ Swift Go 14 AI ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด WUXGA (1920×1200) และได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR™ TrueBlack 500 และ Eyesafe 2.0

ด้านตัวเครื่องมาในดีไซน์บางเพียง 15.9 มม. (0.60 นิ้ว) Swift Go AI จึงเหมาะสำหรับนักเรียน ครอบครัว และผู้ใช้งานยุคไฮบริดที่ต้องการอุปกรณ์ที่พกพาสะดวก ใช้งานได้อย่างลงตัวทั้งที่บ้าน โรงเรียน และที่ทำงาน

การสื่อสารคมชัด พร้อมดีไซน์ยั่งยืนใส่ใจสิ่งแวดล้อม

โน้ตบุ๊ก Swift AI รุ่นใหม่มาพร้อมกล้องเว็บแคม 1080p FHD IR รองรับ Windows Hello สำหรับการเข้าสู่ระบบด้วยการจดจำใบหน้า และเทคโนโลยี User Sensing ที่ล็อกหน้าจออัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ลุกออก พร้อมเปิดหน้าจอเมื่อกลับมา เสียงคมชัดด้วย PurifiedVoice™ 2.0

และไมโครโฟน 3 ตัว ช่วยลดเสียงรบกวนในการประชุมออนไลน์ นอกจากนี้ยังมี “Assist” แอปค้นหาข้อมูลจากเอกสารในเครื่อง ระบบเชื่อมต่อครบครัน รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, HDMI 2.1, USB Type-C และระบบเสียง DTS : X Ultra เพื่อประสบการณ์เสียงที่สมจริง

เอเซอร์ “Swift Series” รุ่นใหม่นี้ยังคงสานต่อโครงการ Earthion ของ เอเซอร์ และความมุ่งมั่นในการดำเนินงานที่ยั่งยืน โดยใช้พลาสติกรีไซเคิลหลังการบริโภคในอุปกรณ์ จัดส่งด้วยบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล 100% และได้รับการขึ้นทะเบียน EPEAT Gold 1

ราคา และกำหนดการวางจำหน่าย

• Swift X 14 AI (SFX14-61G) จะวางจำหน่ายในภูมิภาค EMEA ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,799 EUR
• Swift X 14 (SFX14-73G) จะวางจำหน่ายในภูมิภาค EMEA ในเดือนกรกฎาคม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,799 EUR

• Swift Edge 14 AI (SFE14-51/T) วางจำหน่ายในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) ในเดือนมิถุนายน ราคาเริ่มต้นที่ 1,599 EUR., และออสเตรเลียในไตรมาสที่ 2 ราคาเริ่มต้นที่ 3,999 AUD.

• Swift Go 16 AI (SFG16-74) วางจำหน่ายในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) ในเดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 1,299 EUR., และออสเตรเลียในไตรมาสที่ 3 ราคาเริ่มต้นที่ 1,999 AUD. 

• Swift Go 14 AI (SFG14-75) วางจำหน่ายในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) ในเดือนกรกฎาคม ราคาเริ่มต้นที่ 1,199 EUR., และออสเตรเลียในไตรมาสที่ 3 ราคาเริ่มต้นที่ 1,799 AUD.

*ข้อมูลจำเพาะ ราคา และความพร้อมในการจัดจำหน่ายที่แน่นอนจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความพร้อมในการจัดจำหน่าย ข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ และราคาในตลาดเฉพาะ โปรดติดต่อสำนักงาน เอเซอร์ ใกล้บ้านท่านผ่านทาง www.acer.com

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th