Alipay+ ร่วมกับ ททท. เผยผลสำรวจพบนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นในช่วงตรุษจีน

Alipay+

อาลีเพย์ พลัส (Alipay+) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยผลสำรวจพบนักท่องเที่ยวใช้จ่ายแบบไร้เงินสดในไทยเพิ่มขึ้นในช่วงตรุษจีน…

highlight

  • ข้อมูลจาก ททท. เผยว่า มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยช่วงเทศกาลตรุษจีนมากกว่า 1 ล้านคน โดยในจํานวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน 211,349 คน
  • จากข้อมูลของ ททท. พบว่าค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 15% จากปี 2562 ขณะที่ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ในเอเชียเพิ่มขึ้น 14%
  • จากข้อมูลของ อาลีเพย์ พลัส ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 4 ของโลกของนักท่องเที่ยวจีน และเป็นอันดับ ของนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย โดยประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของนักท่องเที่ยวชาวจีน
  • อาลีเพย์ พลัส เผยว่ายอดใช้จ่ายโดยรวมของนักท่องเที่ยวชาวจีนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่า 4.5 เท่าจากปี 2566
  • อาลีเพย์ พลัส ได้เปิดให้บริการอีวอลเล็ทระหว่างประเทศ และแอปพลิเคชันธนาคารที่สามารถใช้จ่ายในไทยได้ 13 รายการ โดยมีร้านค้าที่รองรับกว่า 250,000 แห่ง ทำให้ประสบการณ์การเดินทางราบรื่นยิ่งขึ้น

Alipay+ ร่วมกับ ททท. เผยผลสำรวจพบนักท่องเที่ยวมาใช้จ่ายในไทยเพิ่มขึ้นในช่วงตรุษจีน

ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ อาลีเพย์ พลัส แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กลับมาปกติเป็นครั้งแรกหลังการแพร่ระบาด โดยเฉพาะในส่วนของการท่องเที่ยว cross-border ที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย

ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ข้อมูลจาก ททท. แสดงให้เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจํานวน 1,008,899 คน ซึ่งในจํานวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน 211,349 คน ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 15% จากปี 2019 

ในขณะที่ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ ในเอเชียเพิ่มขึ้น 14% โดยหมวดหมู่ที่มีการใช้จ่ายสูงสุด ได้แก่ การช้อปปิ้ง, อาหาร และเครื่องดื่ม, นวด และสปา, สถานที่ท่องเที่ยว และสถานบันเทิงยามค่ำคืน ส่วนเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, ชลบุรี, เชียงใหม่ และกระบี่

Alipay+

ฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จํานวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมาสูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า “ประเทศไทย” ยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลก

ในขณะที่เราเข้าสู่ปีใหม่พร้อมฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงแรกของปี เป้าหมายของเราคือไม่เพียงแต่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการทําให้พวกเขาได้ท่องเที่ยวสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยการทํางานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตร เช่น อาลีเพย์ พลัส

นอกจากเราจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีน และเอเชียได้มากขึ้นแล้ว เรายังสามารถช่วยให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้มีประสบการณ์ดิจิทัลที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตให้กับธุรกิจท้องถิ่นของเรา

ททท. มองหาโอกาสในการเสริมสร้างความร่วมมือกับ อาลีเพย์ พลัส เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกในปี 2567 และปีต่อ ๆ ไป

ขยายอีโคซิสเต็มของ อาลีเพย์ พลัส ในไทยเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว

Alipay+

ภายใต้ความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง ททท. และ อาลีเพย์ พลัส ได้ร่วมกันเปิดตัวการตลาดแบบ co-marketing เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีน และเอเชียให้เดินทางมายังประเทศไทย พร้อมทั้งมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งและการเดินทางที่คุ้มค่ายิ่งขึ้นให้กับนักท่องเที่ยวเหล่านี้

รวมถึงการส่งเสริมความเชื่อมั่น และความปลอดภัย การโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวหลัก เมืองสําคัญ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วประเทศไทย ตลอดจนการแนะนําแคมเปญ และโปรโมชั่นพิเศษสําหรับนักท่องเที่ยว

ในช่วงเทศกาลตรุษจีน 2567 ข้อมูลจาก อาลีเพย์ พลัส ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับ 4 จากนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยมียอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 4.5 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2566 

นอกจากนี้ประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของนักท่องเที่ยวจีน ด้วยการสนับสนุนของ อาลีเพย์ พลัส ทำให้ อีวอลเล็ทระหว่างประเทศ และแอปพลิเคชั่นธนาคาร 13 รายการสามารถใช้งานในประเทศไทยได้แล้ว 

โดย 9 ราย เป็นผู้ให้บริการรายใหม่ ได้แก่ MyPB ของ Public Bank Berhad (มาเลเซีย), Naver Pay และ Toss Pay (เกาหลีใต้), Changi Pay และ OCBC Digital (สิงคโปร์), GCash (ฟิลิปปินส์), Hipay (มองโกเลีย), MPay (เขตบริหารพิเศษมาเก๊าของจีน) และ Tinaba (อิตาลี)

โดย อาลีเพย์ (จีนแผ่นดินใหญ่) รองรับการใช้จ่ายในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2558 ขณะที่ อาลีเพย์ HK (เขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีน), Kakao Pay (เกาหลีใต้) และ Touch ‘n Go eWallet (มาเลเซีย) รองรับการใช้จ่ายในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2566

ประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกยอดนิยมอันดับ 3 ในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย และการเพิ่มจำนวนอีวอลเล็ทเหล่านี้ก่อนฤดูกาลท่องเที่ยวได้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งสร้างโอกาสเติบโตให้กับธุรกิจท้องถิ่นด้วย

Alipay+

อาลีเพย์ พลัส ยังคงขยายการรองรับจํานวนร้านค้าอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีการให้บริการในร้านค้ามากกว่า 250,000 แห่งในประเทศไทย นอกเหนือจากร้านค้าปลีก และ F&B แล้ว ยังมีร้านค้าใหม่อื่น ๆ ที่ครอบคลุมรูปแบบการใช้จ่ายที่หลากหลายของนักท่องเที่ยว

เช่น ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น, ห้างบิ๊กซี, สถานที่ท่องเที่ยว เช่น พระบรมมหาราชวัง ร้านขายของที่ระลึก และสถานบริการสุขภาพและสปา เช่น Let’s Relax และ Health Land และประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางด้านการชอปปิ้งที่สําคัญสําหรับนักท่องเที่ยว

โดยร้านค้ายอดนิยมรวมถึง คิงเพาเวอร์ ห้างสรรพสินค้าในเครือสยามพิวรรธน์ และ ห้างเครือเซ็นทรัล นอกจากนี้ การขยายตัวของร้านค้าพันธมิตร อาลีเพย์ พลัส ในประเทศไทยล่าสุด ยังทําให้การเดินทางในชีวิตประจําวันสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และ Big C Supermarket ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านค้ายอดนิยมด้วยเช่นกัน

สิทธิพงษ์ กิตติประภาพงศ์, ผู้จัดการทั่วไปฝ่าย Global Merchant Partnership ประจำประเทศไทย Ant International กล่าวว่า ความร่วมมือใกล้ชิดอย่างต่อเนื่องของเรากับ ททท. ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนและเอเชียให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น

พร้อมทั้งมอบความสะดวกสบายให้แก่นักท่องเที่ยวในการจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าได้ทั่วประเทศ ปัจจุบันประสบการณ์ดิจิทัลแบบไร้รอยต่อถือเป็นเรื่องธรรมดาสําหรับนักท่องเที่ยว และด้วยการรองรับแอปชําระเงินที่เป็นพันธมิตร อาลีเพย์ พลัส ที่มากขึ้นในประเทศไทย

ส่งผลให้การทำธุรกรรมโดยใช้อีวอลเล็ทในประเทศของนักท่องเที่ยวมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น เป้าหมายของเราคือการขยายเครือข่ายร้านค้าที่รองรับ อาลีเพย์ พลัส เพื่อให้ธุรกิจท้องถิ่นได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปีต่อ ๆ ไป

เรามองหาโอกาสที่จะเสริมสร้างความร่วมมือกับ ททท. และร้านค้าในท้องถิ่นอย่างจริงจัง ทั้งในเรื่องของการให้ความรู้ การโปรโมทร้านค้า และการรับชําระเงินระหว่างประเทศ

การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง จุดหมายปลายทางที่หลากหลาย และสถานการณ์การเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากจีนที่ใช้ อาลีเพย์

Alipay+

ด้วยโซลูชันเทคโนโลยีการชําระเงินข้ามพรมแดนบนมือถือของ อาลีเพย์ พลัส นักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถจ่ายค่าสินค้า อาหาร และเครื่องดื่ม การพักผ่อนหย่อนใจ และความบันเทิง ที่ร้านค้ามากกว่า 8 ล้านแห่ง ในกว่า 70 ประเทศ และภูมิภาคทั่วโลกด้วยการใช้แอป อาลีเพย์ ที่คุ้นเคย

โดยไม่ต้องแลกเงิน หรือพกเงินสด อาลีเพย์ ยังมีบริการคืนภาษีทันทีภายในแอป ตลอดจนอัตราแลกเปลี่ยนเงินที่โปร่งใส และแข่งขันได้ ซึ่ง ประเทศไทย เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเก๊า มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และแคนาดา เป็น 10 อันดับแรกของจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจีน

ใช้จ่ายผ่าน อาลีเพย์ มากที่สุด โดย ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ มียอดใช้จ่ายรวมกันเพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับปี 2562 และเพิ่มขึ้นถึง 580% เมื่อเทียบกับปี 2566 ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้นําด้านปริมาณการใช้จ่ายโดยรวมสูงที่สุด ในขณะที่มาเลเซียมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด

ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และสังคมอันใกล้ชิดระหว่างเขตบริหารพิเศษฮ่องกง มาเก๊า และจีนแผ่นดินใหญ่ นโยบายยกเว้นวีซ่าในประเทศหลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศไทย และการฟื้นตัวของเที่ยวบินระหว่างประเทศ เป็นปัจจัยสําคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของการท่องเที่ยวข้ามพรมแดน

ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเอเชียยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง จุดหมายปลายทางที่อยู่ไกลออกไปในยุโรป, ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (ANZ), ตะวันออกกลาง และอเมริกาเหนือ ก็เริ่มได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจีนเช่นกัน แคมเปญระดับโลกดำเนินไปอย่างเต็มรูปแบบผ่านเครือข่ายผู้ค้า อาลีเพย์ พลัส

ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีน ในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ระหว่างวันที่ 9 ถึง 12 กุมภาพันธ์ จำนวนธุรกรรมที่ทำโดยผู้ใช้ อาลีเพย์ ในต่างประเทศ แซงหน้าปี 2562 ถึง 7% ขณะที่ยอดใช้จ่ายของผู้บริโภคฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ 82% ของยอดใช้จ่ายในปี 2562 หรือเพิ่มขึ้นถึง 2.4 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2566

นอกจากการเดินทางที่ขยายขอบเขตมากขึ้น นักท่องเที่ยวจีนยังขยายความสนใจจากกิจกรรมเดิม ๆ เช่น การช้อปปิ้งและเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวหลัก ๆ ไปสู่ประสบการณ์ท้องถิ่นที่มีส่วนร่วม และมีเอกลักษณ์มากขึ้น ในสัปดาห์วันหยุดตรุษจีนทั่วโลก นักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายไปกับอาหาร และเครื่องดื่มมากกว่าปี 2562 ถึง 70% โดยขยายจากจุดหมายยอดนิยมในเมืองไปสู่สถานที่ท้องถิ่นที่น่าสนใจ

การส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างประเทศผ่านอีวอลเล็ทพันธมิตรของ อาลีเพย์ พลัส และแอปพลิเคชันธนาคาร

Alipay+

เทศกาลตรุษจีนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในคอมมูนิตี้ชาวเอเชีย ด้วยความร่วมมือใหม่ในปี 2566 และจำนวนการเดินทางที่เพิ่มขึ้น การใช้จ่ายข้ามพรมแดนโดยรวมบนอีวอลเล็ทชั้นนําของประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก อาลีเพย์ พลัส เพิ่มขึ้นถึง 252% จากปีก่อน ธุรกรรมเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 304% โดย ประเทศไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเก๊า และสิงคโปร์

เป็น 5 อันดับแรก ของจุดหมายปลายทางยอดนิยมของผู้ใช้งาน อาลีเพย์ พลัส นอกเหนือจากนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ ในจีนแผ่นดินใหญ่ บัญชี อาลีเพย์ ที่เชื่อมกับอีวอลเล็ท และบัตรต่างประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด ช่วงเทศกาลตรุษจีน 2567 นักท่องเที่ยวต่างชาติในจีนใช้จ่ายผ่านบัญชี อาลีเพย์ ที่เชื่อมโยงกับบัตร

ต่างประเทศที่ร้านค้าในจีนมากขึ้นถึง 500% เมื่อเทียบกับปี 2566 ร้านอาหารจีน สถานที่ท่องเที่ยว และระบบขนส่งมวลชน เป็นแหล่งที่มีการใช้งานสูงสุดในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศจีนและร่วมงานเทศกาล ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 อาลีเพย์ พลัส รองรับอีวอลเล็ท และแอปการชําระเงินชั้นนํา 10 ราย

ในเอเชีย รวมถึง TrueMoney เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยบริการจากผู้ค้าในเครือข่าย Alipay กว่า 80 ล้านแห่งทั่วประเทศจีน โดย Visa, Mastercard, JCB, Discover®, และ Diners Club International® ยังขยายความร่วมมือกับ อาลีเพย์ สําหรับนักท่องเที่ยวที่เชื่อมต่อบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตระหว่างประเทศของพวกเขากับกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ อาลีเพย์

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay