บีดีไอ (BDI) เปิดโรดแมป 3 ปี โชว์ 4 มิชชันเด่น เร่งสปีดขับเคลื่อนการใช้ข้อมูลด้วย Big Data และ AI เสริมสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลให้เติบโต สู่การยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย…
highlight
- สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ บีดีไอ (BDI) เปิดแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) พ.ศ. 2568-2570 เพื่อวางแนวทางการพัฒนา และใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศสำหรับประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบาย และเชิงธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ รุกเดินหน้าเร่งสปีดเศรษฐกิจดิจทัลกับ 4 มิชชันสำคัญ เพื่อปูรากฐานที่แข็งแกร่งสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยในยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยวางเป้าสร้างมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมจากการบูรณาการการใช้ประโยชน์ด้านข้อมูลขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกว่า 1,000 ล้านบาท และเพิ่มโอกาสการจ้างงานบุคลากรด้านข้อมูลกว่า 10,000 ราย
BDI เปิดโรดแมป 3 ปี เร่งสปีดขับเคลื่อนการใช้ข้อมูลด้วย Big Data และ AI
รศ. ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการ สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ กล่าวว่า บีดีไอ ได้ดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) พ.ศ. 2568-2570 เพื่อวางแนวทางการพัฒนา และใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศไทย
สำหรับประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบาย และเชิงธุรกิจ รวมไปถึงยกระดับการดำเนินชีวิตของประชาชนให้เข้ากับยุคดิจิทัล ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนนำเสนอการพิจารณาแก่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ โดย (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าวประกอบด้วยทั้งสิ้น 4 ยุทธศาสตร์
ได้แก่ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Developing Required Infrastructure for Big Data Utilization), ส่งเสริมการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานเพื่อตอบโจทย์ประเด็นการพัฒนาสำคัญของประเทศ (Promote the utilization of infrastructure to address key development issues of the country),
พัฒนาและใช้ประโยชน์จาก AI ในการบริการ (AI Development and Utilization) และ พัฒนาสร้างขีดความสามารถด้านข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์ (Manpower in Big Data and AI) ทั้งนี้ บีดีไอ พร้อมขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนอย่างครอบคลุม ตามวิสัยทัศน์ของแผนฯ
ตั้งเป้าปี 68 “พัฒนา และขยายผลการใช้งานแพลตฟอร์ม“
สำหรับการดำเนินงานในปี 2568 ยังคงเดินหน้าผลักดันให้เกิดการพัฒนา และขยายผลการใช้งานแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น โครงการแพลตฟอร์มข้อมูลสุขภาพทั่วประเทศ (Health Link) มุ่งเน้นการขยายเครือข่ายเชื่อมโยงระบบข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข
โครงการแพลตฟอร์มบริการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับพื้นที่เมืองอัจฉริยะ (Envi Link) เร่งเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โครงการแพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะด้านท่องเที่ยวแห่งชาติ (Travel Link) ขยายการดำเนินงานระยะที่ 2 ไปยังพื้นที่ท่องเที่ยวหลักเพิ่มขึ้น
โครงการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลเมือง (CDP-Smart Data Analytics Platform) รุกสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลเมืองอัจฉริยะตามลักษณะเฉพาะของพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5 พื้นที่ ได้แก่ น่าน, อุตรดิตถ์, อุบลราชธานี, สงขลา และนครศรีธรรมราช
นอกจากนี้ บีดีไอ ยังมุ่งมั่นเป็นกลไกสำคัญในการสร้างระบบนิเวศด้านข้อมูลของประเทศโดยเฉพาะการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทย สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก้าวสู่การเป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศในระยะยาวต่อไป
พร้อมทั้งเดินหน้าส่งเสริม และสนับสนุนการผลิตบุคลากร ให้สอดรับกับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน และรองรับต่อกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ เพื่อให้เกิดการพัฒนากำลังคนที่มีความรู้ความเข้าใจ และสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปใช้งานได้จริง
จัดทำแผน National Big Data Platform ระยะแรก พร้อมส่งเสริม และสนับสนุนการใช้ Big Data และ AI ในระยะ 3 ปี
รศ. ดร.ธีรณี กล่าวเพิ่มเติมว่า บีดีไอ พร้อมตอบรับนโยบายรัฐ เรื่องการพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ โดยมีแผนจัดทำโครงการแพลตฟอร์มข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศ (National Big Data Platform) ในระยะแรกจะเป็นการศึกษาปัจจัยที่สำคัญเบื้องต้น
ได้แก่ ด้านเทคโนโลยี ปูพื้นฐานสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง การออกแบบโครงสร้างต้นแบบระบบคลาวด์ การศึกษา และทดสอบกลไกการเชื่อมโยงข้อมูล ต้นแบบด้านการรักษาความปลอดภัย และการให้บริการข้อมูล ด้านข้อมูล/ชุดข้อมูล นำเข้าตัวอย่างข้อมูล/ชุดข้อมูล ที่่มาจากโครงการรายอุตสาหกรรม
และต้นแบบการปรับปรุงคุณภาพข้อมูล ด้านการใช้ประโยชน์ข้อมูล จะมีการพัฒนาแดชบอร์ด โมเดลต้นแบบการวิเคราะห์ และโมเดล Machine Learning รวมถึงการจัดกิจกรรม Data Hackathon และการอบรมการใช้ประโยชน์ข้อมูลจากชุดข้อมูลที่จัดเก็บ โดยเป้าหมายของโครงการนี้เพื่อรัฐบาลมีระบบกลางด้านข้อมูลขนาดใหญ่
ที่มีความมั่นคงปลอดภัย และสามารถใช้งานสำหรับการบริหารจัดการภาครัฐ เกิดการบูรณาการข้อมูลขนาดใหญ่ข้ามหน่วยงานที่ทำงานร่วมกันภายใต้หัวข้อปัญหาเดียวกัน ได้โดยสะดวก และปลอดภัย นำไปสู่การต่อยอดการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อการใช้ประโยชน์จากข้อมูลในวงกว้างในอนาคต
และ โครงการ Thai Large Language Model (ThaiLLM) ที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ เพื่อพัฒนาและต่อยอดโมเดลด้วยข้อมูลภาษาไทยจำนวนมหาศาล เพื่อให้โมเดลมีความสามารถในการเข้าใจภาษาไทยได้ดี ปัจจุบัน บีดีไอ และเครือข่ายพันธมิตร
ได้แก่ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIEAT) สมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล
ได้ร่วมมือกันพัฒนา ThaiLLM V.1 โดยระยะแรกจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโมเดลพื้นฐานสำหรับต่อยอด (Foundation Model) และโมเดลเฉพาะทางด้านการแพทย์ ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม AI ที่มีศักยภาพ และเพิ่มประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ และสังคมไทยมากยิ่งขึ้น
“ในระยะ 3 ปี หลังจากนี้ (พ.ศ. 2568-2570) บีดีไอ พร้อมเดินหน้าส่งเสริม และสนับสนุนการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ Big Data และ AI ผ่าน 4 ยุทธศาสตร์สำคัญ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมสร้างคุณค่าทางสังคม ภายใต้วิสัยทัศน์ Data Driven Nation
โดยในปี 2568 ตั้งเป้าสร้างมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมจากการใช้ประโยชน์ด้านข้อมูลขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกว่า 1,000 ล้านบาท และเพิ่มโอกาสการจ้างงานบุคลากรในตลาด Big Data กว่า 10,000 ราย
นอกจากนี้เรายังคงมุ่นมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อวางแผนต่อยอดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในระยะถัดไป เพื่อพาประเทศไทยก้าวสู่การเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งข้อมูลต่อไปอย่างมั่นคง และยั่งยืนในอนาคต” รศ. ดร.ธีรณี กล่าว
ด้าน นพ.ธนกฤต จินตวร First Executive Vice President กล่าวเสริมว่า โครงการแพลตฟอร์มข้อมูลสุขภาพทั่วประเทศ (Health Link) ยังคงมุ่งเน้นไปที่การขยายเครือข่ายการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ โดยในปี 2568 บีดีไอ เน้นการขยายการเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพหน่วยนวัตกรรมที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช.
กว่า 10,000 แห่งให้ครอบคลุมทั้งประเทศ เพื่อสอดรับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว และทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพครอบคลุมหน่วยบริการในประเทศให้ได้มากที่สุดผ่าน “คลาวด์กลางด้านสาธารณสุข” (Central Data Exchange Service)
นอกจากนี้เรายังพัฒนาระบบ Refer Electronics เพื่อรองรับการส่งต่อผู้ป่วย และการเบิกจ่ายให้กับหน่วยบริการเพิ่มความสะดวกในการรับบริการให้ประชาชนไม่ต้องกลับไปขอใบส่งตัว และเพื่อเพิ่มศักยภาพการเบิกจ่ายกับหน่วยกองทุนสุขภาพ และร่วมกับ สปสช. พัฒนาระบบ AI เพิ่มประสิทธิภาพในการบริการ และเบิกจ่าย
ตอนนี้นำร่องการใช้งานในพื้นที่กรุงเทพมหานครและมีแผนขยายต่อทั้งประเทศภายในปี 2568 และเพื่อให้ครอบคลุมการใช้บริการประชาชนเรายังคงเดินหน้าขยายการส่งข้อมูล Personal Health Record ไปยัง PHR App ต่าง ๆ และ Telemedicine ให้มากขึ้น
จากการดำเนินงานดังกล่าวเราคาดว่าจะสนับสนุนการดำเนินการบริการสาธารณสุขของประเทศให้มีประสิทธิภาพและสอดรับนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบัน
ในขณะที่ ดร.สุนทรีย์ ส่งเสริม รองผู้อำนวยการสถาบันฯ กลุ่มงานส่งเสริมธุรกิจ และองค์ความรู้ กล่าวว่า การดำเนินโครงการพัฒนาอุตสาหกรรม และประสานเครือข่ายด้านข้อมูลขนาดใหญ่ ยังคงเร่งขยายการให้ความรู้กับผู้ประกอบการ และพัฒนาความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศให้มีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่มั่นคงยั่งยืน
ด้วยการผลักดันให้ธุรกิจขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพราะข้อมูลจะช่วยกำกับการ เปลี่ยนแปลงให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมกับบริบท ซึ่งการส่งเสริม และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในประเทศ ให้มีทักษะและมีเข้าใจการใช้ประโยชน์จากข้อมูลรวมถึงเทคโนโลยีด้านข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้ปรับตัวได้ทันต่อสถานการณ์ เกิดความเข้มแข็ง และเติบโตได้อย่างอย่างยั่งยืนต่อไป
เดินหน้าเร่งเสริมทักษะพัฒนากำลังคนตั้งแต่ “ระดับผู้ปฏิบัติการ” จนถึง “ระดับผู้บริหารองค์กร“
สุดท้ายนี้ บีดีไอ พร้อมเดินหน้าเร่งเสริมทักษะพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล, วิศวกรรรมข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อตอบรับยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการออกแบบหลักสูตรสำหรับขับเคลื่อนองค์กรด้วย Big Data & AI กว่า 20 หลักสูตร
โดยมีเนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่ระดับผู้ปฏิบัติการ ไปจนถึงระดับผู้บริหารองค์กร เพื่อส่งเสริมศักยภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงเร่งส่งเสริมการเรียนรู้ด้าน Big Data Analytics และ AI แบบออนไลน์
และพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับฝึกทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Practice Platform) ซึ่งจะเปิดกว้างสำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจในการพัฒนาโมเดลด้าน Big Data Analytics และ AI นอกจากนี้ยังได้เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะแห่งอนาคตด้วยตัวเองผ่านการเรียนรู้ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
ในชีวิตประจำวันด้วยหลักสูตรด้าน Data Analytics และ AI สำหรับระดับมัธยมศึกษา โดยเน้นการเรียนการสอน และการประเมินทักษะแบบ Micro-Credentials เพื่อปูรากฐานให้เยาวชนได้เข้าใจถึงประโยชน์ของการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลก
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th