เอปสัน (Epson) เผยยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ แม้เศรษฐกิจซบเซาส่งผลต่อการลงทุนภาคธุรกิจ ประกาศเล็งธุรกิจเช่าเครื่องจ่ายเท่าที่ใช้…

highlight

  • เอปสัน คาดว่ายอดขายผลิตภัณฑ์พรินเตอร์ทั้งหมดของบริษัทฯ จะปรับตัวลดลง 6% เมื่อเทียบกับปี 2561 แต่ยังคงสามารถยืนตำแหน่งผู้นำตลาดอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ B2B ของไทยได้ทั้งในเชิงมูลค่า และจำนวนยูนิต ด้วยสัดส่วนการตลาด 38% และ 44%
  • ในปีที่ผ่านมา อิงค์เจ็ท พรินเตอร์ความเร็วสูงสำหรับองค์กรธุรกิจ เอปสัน WorkForce คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้เติบโตมากที่สุด เพิ่มขึ้น 79% เนื่องจากสามารถเข้าไปแย่งส่วนแบ่งตลาดจากกลุ่มเครื่องถ่ายเอกสาร รองลงมาคือกลุ่มพรินเตอร์ เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 10% ได้แก่ พรินเตอร์ฉลากอุตสาหกรรม พรินเตอร์หน้ากว้างใช้ภายในองค์กร
  • ปัจจุบัน 3 ใน 4 ของเอสเอ็มอีทั่วภูมิภาคอาเซียนได้นำดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

Epson ย้ำ!! ยังครองผู้นำตลาดอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ เล็งขยายธุรกิจให้เช่าเครื่อง

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการ บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่มีความท้าทายอย่างมากต่อเอปสัน ประเทศไทย เช่นเดียวกับอีกหลายบริษัทไอทีในตลาด เพราะต้องปรับกลยุทธ์รับมือกับสภาพตลาดไอทีในประเทศโดยรวมที่หดตัวลง 5.5%

ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจชะลอตัว เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาทั้งในประเทศและต่างประเทศ บวกกับงบประมาณรายจ่ายรัฐบาลไม่สามารถเบิกจ่ายได้ตามกำหนด ทำให้ส่งผลกระทบต่อโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ แผนการลงทุนและจัดซื้อจัดจ้าง รวมไปถึงแผน การดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนอีกด้วย

ทั้งองค์กรรัฐ และเอกชนจึงมีการลงทุนในสินค้ากลุ่มไอทีลดลง ส่วนภาวะ การระบาด “โควิด-19” นั้น ถึงแม้จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทฯ โดยตรง แต่อาจทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดต่ำลงและส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในภาคธุรกิจโดยรวม

จากสถานการณ์ดังกล่าว เอปสัน ประเทศไทย คาดการณ์ว่ายอดขายผลิตภัณฑ์พรินเตอร์ทั้งหมดของบริษัทฯ จะปรับตัวลดลง 6% เมื่อเทียบกับปี 2561 แต่ยังคงสามารถยืนตำแหน่งผู้นำตลาดอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ B2B ของไทยได้ทั้งในเชิงมูลค่า และจำนวนยูนิต ด้วยสัดส่วนการตลาด 38% และ 44%

Epson

โดยช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปรับกลวิธีในการจำหน่าย โดยเพิ่มความสำคัญกับช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อเข้าถึงองค์กรเอสเอ็มอีทั่วประเทศได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังโฟกัสในตลาด Replacement โดยเฉพาะในองค์กรที่ต้องการเปลี่ยนจากเลเซอร์พรินเตอร์และพรินเตอร์ที่ใช้ตลับหมึกมาใช้อิงค์แท็งค์พรินเตอร์

เพื่อประหยัดต้นทุนการพิมพ์ และค่าไฟ รวมถึงลูกค้าที่ต้องการเพิ่มจำนวนพรินเตอร์เอปสันในองค์กรเป็นหลัก สำหรับยอดขายของอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ประเภทต่าง ๆ ของบริษัทฯ ในปีที่ผ่านมา อิงค์เจ็ท พรินเตอร์ความเร็วสูงสำหรับองค์กรธุรกิจ เอปสัน WorkForce คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้เติบโตมากที่สุด เพิ่มขึ้น 79%

เนื่องจากสามารถเข้าไปแย่งส่วนแบ่งตลาดจากกลุ่มเครื่องถ่ายเอกสาร รองลงมาคือกลุ่มพรินเตอร์ เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 10% ได้แก่ พรินเตอร์ฉลากอุตสาหกรรม พรินเตอร์หน้ากว้างใช้ภายในองค์กร พรินเตอร์เพื่ออุตสาหกรรมสิ่งทอ และพรินเตอร์ป้ายโฆษณา

ขณะที่ในส่วนกลุ่ม เอปสัน EcoTank อิงค์เจ็ทพรินเตอร์รุ่นประหยัดเพื่อองค์กรธุรกิจทุกขนาด และกลุ่มดอทเมทริกซ์พรินเตอร์ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากยอดขาย ณ สิ้นปีงบประมาณนี้ ได้ไม่ต่างจากปีงบประมาณก่อนหน้านั้น

สานต่อความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ Double LEAD

เอปสัน ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 ของการก่อตั้งบริษัทในประเทศไทยในปีนี้ ซึ่งบริษัทฯ มีเป้าหมายในการรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดพรินเตอร์ของประเทศไทย ผ่านกลยุทธ์ Double LEAD ซึ่งประกอบด้วย LEAD ที่ 1 คือการนำเสนอคุณค่า (Value Proposition) 4 ประการ ที่สามารถแก้ไขเพนพอยต์ และตอบโจทย์ความต้องการด้านการพิมพ์งานภายในองค์กร

ให้แก่ธุรกิจต่าง ๆ ได้แก่ Low Total Cost of OwnershipEcofriendly environment, Advanced performance และ Digital transformation ส่วน LEAD ที่ 2 คือกลยุทธ์การดำเนินงาน ผ่าน 4 กระบวนการเพื่อถ่ายทอดคุณค่าที่ได้กล่าวมาไปสู่ธุรกิจของลูกค้า ได้แก่ Launch, Educate, Assist และ Drive

สำหรับคุณค่าทั้ง 4 ประการ ประกอบด้วย Low Total Cost of Ownership หรือต้นทุนการเป็นเจ้าของที่ถูกลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกรายต้องการ เพราะทำให้ต้นทุนการผลิตหรือรายจ่ายในองค์กรถูกลง ยกตัวอย่างเช่น อิงค์เจ็ทพรินเตอร์เอปสันที่ใช้เทคโนโลยีหัวพิมพ์ไมโครปิเอโซรุ่น และหัวพิมพ์รุ่นใหม่ PrecisionCore Line

สามารถพิมพ์งานคุณภาพสูงในความเร็วสูงได้อย่างต่อเนื่อง และไม่มีขั้นตอนหรือชิ้นส่วนอุปกรณ์ในการพิมพ์มากมายเหมือนเลเซอร์พรินเตอร์ จึงช่วยให้ราคาเครื่องและค่าพิมพ์ต่อแผ่นถูกว่า ทั้งยังช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่าการพิมพ์ด้วยเลเซอร์พรินเตอร์ถึง 90% ส่วนการบำรุงรักษาก็ยังทำได้ง่ายและถูกกว่า รวมไปถึงอายุการใช้งานก็ยังนานกว่าอีกด้วย

Epson

ด้าน Ecofriendly environment อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ความเร็วสูงของเอปสันถูกพัฒนาให้ใช้พลังงานที่น้อยลง และเป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมในองค์กร ไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดมลพิษจากฝุ่นผงหมึกในที่ทำงาน เมื่อเทียบกับเลเซอร์พรินเตอร์ที่ใช้โทนเนอร์หมึกในการพิมพ์

นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องที่ไม่ใช้ความร้อนในกระบวน การพิมพ์ (heat free) อาทิ เอปสัน WorkForce Enterprise WFC20590 ซึ่งเป็นอิงค์เจ็ทที่ใช้พลังไฟฟ้า และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าเลเซอร์พรินเตอร์ถึง 85% รวมทั้งยังมีปริมาณของเสียน้อยกว่าเลเซอร์พรินเตอร์ถึง 59% ในส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์พรินเตอร์เชิงพาณิชย์

และอุตสาหกรรมสำหรับการพิมพ์สิ่งทอของเอปสัน ยังสามารถช่วยลดการใช้น้ำในกระบวนการพิมพ์ได้มากถึง 60% อีกทั้งไม่ก่อให้เกิดมลพิษจากสารเคมี และลดการใช้พลังงานไฟฟ้ามากถึง 55% โดยคุณค่าที่ 3 ได้แก่ ประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กรที่ดีขึ้น หรือ Advanced performance เอปสันมีไลน์ผลิตภัณฑ์อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ที่ครบครัน

มีจำนวนรุ่นจำหน่ายในท้องตลาดมากที่สุด สามารถช่วยเพิ่มความเร็วและให้ผลงานพิมพ์คุณภาพสูง รวมไปถึงรองรับการพิมพ์บนวัสดุที่มีความหลากหลายทั้งประเภท ขนาด และความหนา ทำให้บริษัทต่าง ๆ สามารถยกระดับประสิทธิภาพการพิมพ์งานในองค์กรและธุรกิจการพิมพ์สามารถสร้างรายได้จากไลน์ธุรกิจใหม่

ยกตัวอย่างเช่น เอปสัน EcoTank MSeries ที่เป็นอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ขาวดำที่สามารถพิมพ์งานปริมาณมากได้เร็วและมีคุณภาพเทียบเท่ากับเลเซอร์พรินเตอร์ แต่ช่วยประหยัดค่าไฟและต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นได้มากกว่า หรือ เอปสัน SureColor TSeries ที่ได้รับรางวัลด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์จากเวที Red Dot Design

นอกจากจะพิมพ์งานประเภท CAD สำหรับงานก่อสร้างและงานวิศวกรรม รวมถึงงานพิมพ์ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบภายใน งานแผนที่ได้แล้ว ยังสามารถพิมพ์สื่อโฆษณา ประเภทโปสเตอร์ โบรชัวร์ และป้ายโฆษณา

เหมาะกับการใช้ภายในองค์กร หรือ เอปสัน SureColor SSeries ที่รองรับการพิมพ์งานสื่อโฆษณาและยังพิมพ์บนวัสดุอื่น ๆ ได้ เช่น หนังเทียม แคนวาส ฟิล์มใส จึงสามารถนำไปผลิตสินค้าแฟชั่นหรือของที่ระลึกได้

สนับสนุนกระบวนการ Digital Transformation ทางธุรกิจ

Epson

ปัจจุบัน 3 ใน 4 ของเอสเอ็มอี (SME) ทั่วภูมิภาคอาเซียนได้นำดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และเพื่อสอดรับกับกระแสดังกล่าว เอปสันจึงมีอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ประสิทธิภาพสูงออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนกระบวนการ Digital Transformation ทางธุรกิจ

โดยหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้นำพรินเตอร์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมของเอปสันไปใช้เสริมในกระบวนการผลิตมากที่สุด ได้แก่ อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอ ซึ่ง เอปสัน SureColor FSeries ได้ถูกนำเข้าไปใช้ในโรงงานเพื่อเพิ่มไลน์การพิมพ์แบบ printondemand รองรับการผลิตสินค้าตามดีไซน์ และออร์เดอร์ของลูกค้าในจำนวนจำกัด

จึงช่วยลดปริมาณสินค้าในสต็อกและลดค่าใช้จ่ายและปริมาณของเสียจาการผลิตลงได้ อีกทั้งยังเป็นที่นิยมของดีไซเนอร์ เพราะสามารถช่วยสร้างสรรค์ผลงานแฟชั่นในรูปแบบเฉพาะตัว มาตอบรับกระแสนิยมในตลาดขณะนั้น ได้ในราคาต้นทุนที่ต่ำลง สำหรับกลยุทธ์ LEAD เพื่อนำเสนอคุณค่าทั้ง 4 ด้านให้แก่ลูกค้าองค์กรธุรกิจของบริษัทฯ

ประกอบด้วย Launch หรือการออกผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ครอบคลุมการพิมพ์ทุกประเภทงาน ในองค์กรและทุกธุรกิจการพิมพ์ โดยผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่ายและอีคอมเมิร์ซ ต่อมาคือ Educate หรือการให้ความรู้แก่ลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงคุณค่าในด้านต่าง ๆ

ที่เอปสันสามารถมอบให้แก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาระดับความมั่นใจและความคุ้นเคยในเทคโนโลยีของเอปสัน รวมถึงการให้ความรู้ เพื่อเพิ่มความชำนาญแก่ทีมงานของตัวแทนจำหน่ายในการดูแล และซ่อมแซมผลิตภัณฑ์ของเอปสัน Assist หรือการให้ความช่วยเหลือลูกค้า ทั้งในด้านการติดตั้ง และการบำรุงรักษา รวมไปถึงการให้คำแนะนำในการขยายแพลทฟอร์มการพิมพ์

Epson

ภายในองค์กร ผ่านการใช้งานแบบเช่าเครื่อง และคิดค่าบริการแบบรายแผ่น ภายใต้ชื่อ เอปสัน EasyCare 360 สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ใช้เครื่องพิมพ์ เอปสัน WorkForce และบริการเหมาจ่ายแบบรายเดือนภายใต้ชื่อ เอปสัน EasyCare Mono สำหรับกลุ่มลูกค้า เอปสัน EcoTank Mseries ที่สามารถเช่าเครื่องพร้อมหมึกแบบเหมาจ่ายรายเดือน

และสุดท้ายคือ Drive หรือการกระตุ้นลูกค้าเดิม และลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้เกิดความสนใจในการลงทุนกับเอปสันในอนาคต ผ่านโปรโมชั่นและกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ โดยในปี 2563 นี้ จะเป็นปีของการครบรอบ 30 ปีการก่อตั้งเอปสัน ประเทศไทย ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ B2B ของประเทศไทยให้ได้ไว้อีกครั้ง

พร้อมกับขยายฐานลูกค้าให้กว้างออกไปสู่กลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมใหม่ๆ ผ่านกลยุทธ์และคุณค่าของเอปสันที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของลูกค้าได้อย่างชัดเจน ทั้งยังเชื่อว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะกลับมาสู่ภาวะปกติในไม่ช้า รวมถึงการอนุมัติการเบิกจ่ายของงบประมาณรัฐบาล

ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจกลับมาทำงานอีกครั้ง การลงทุนในเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ขององค์กรธุรกิจก็จะเพิ่มมากขึ้น ตลาดไอทีก็จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง

ตลาดต่างประเทศยังทรง ไม่ต่างกับกับไทย

สำหรับสถาการณ์การเติบโตในส่วนของตลาดในต่างประเทศที่เอปสันประเทศไทยดูแล ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา ลาว และปากีสถาน เติบโตโดยเพียงเล็กน้อย เพียง 3-4% เนื่องจากค่าเงินที่ผันผวน และเศรษฐกิจโลก ขณะที่สัดส่วนรายได้ปัจจุบันมาจากตลาดไทย 87% ต่างประเทศ 13% ซึ่งทิศทางการเติบโตไม่แตกต่างกับตลาดในประเทศไทยมากนัก

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.