Huawei เร่งเครื่องแผน AI และ 5G หวังสร้างอีโคซิสเต็มสำหรับภาคอุตสาหกรรม

หัวเว่ย (Huawei) เดินหน้าพัฒนากลยุทธ์การประมวลผลคอมพิวเตอร์ และแผนริเริ่มอีโคซิสเต็มสำหรับภาคอุตสาหกรรมผ่านเทคโนโลยี Cloud, AI และ 5G…

Huawei เดินหน้าพัฒนากลยุทธ์สำหรับภาคอุตสาหกรรมผ่านเทคโนโลยี Cloud, AI และ 5G

หัวเว่ย ประกาศในงานประชุมสุดยอด หัวเว่ย Global Analyst Summit ครั้งที่ 17 ถึงการพัฒนากลยุทธ์ด้านการประมวลผลคอมพิวเตอร์ด้วยอีโคซิสเต็มสำหรับภาคอุตสาหกรรม และผลักดันอีโคซิสเต็มที่มาพร้อมกับการใช้เทคโนโลยีประมวลผลคอมพิวเตอร์ และ หัวเว่ย คลาวด์ เพื่อวางรากฐานที่สมบูรณ์ให้กับโลกยุคดิจิทัล

ต่อเนื่องไปในอนาคต หัวเว่ยได้ส่งเสริมอีโคซิสเต็มสำหรับภาคอุตสาหกรรม รวมถึงสร้างสรรค์เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมาก และในปี พ.ศ. 2563 หัวเว่ยจะลงทุนกับอีโคซิสเต็มของเทคโนโลยีประมวลผลคอมพิวเตอร์เป็นมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างนักพัฒนาอีกกว่า 2 ล้านคนทั่วโลก

Huawei
แพทริค จาง รองประธานอาวุโสของหัวเว่ย และผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ และการพัฒนาอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขึ้นกล่าวแนะนำอีโคซิสเต็มสำหรับภาคอุตสาหกรรม

ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และโซลูชัน และการเลือกใช้โมเดลธุรกิจอย่างเหมาะสม หัวเว่ยทุ่มเทอย่างหนักเพื่อสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้พาร์ทเนอร์สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันต่าง ๆ และเข้าถึงข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ทางธุรกิจได้อย่างเต็มรูปแบบ ศูนย์นวัตกรรมอีโคซิสเต็มหลายแห่งของหัวเว่ย

ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกันโดยพาร์ทเนอร์ในแวดวงอุตสาหกรรม จะเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคที่ช่วยกระตุ้นการบ่มเพาะเทคโนโลยีประมวลผลของทั้งอุตสาหกรรม อันได้แก่ การแสดงตัวอย่างการใช้งานที่ประสบความสำเร็จ, การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมให้เกิดขึ้นจริง, การสร้างและพัฒนาโซลูชันของอุตสาหกรรม

การพัฒนาความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีประมวลผลคอมพิวเตอร์, การพัฒนาองค์กรที่มีนวัตกรรมสร้างสรรค์ และการคิดค้นแอปพลิเคชันใหม่ๆ โดยในช่วงหลายปีมานี้ อีโคซิสเต็มของอุตสาหกรรมคลาวด์และเทคโนโลยีประมวลผลของหัวเว่ยเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งจากความร่วมมือในระดับโลก

เช่น หัวเว่ย คลาวด์ มีพาร์ทเนอร์ด้านที่ปรึกษามากกว่า 10,000 ราย อีกทั้งพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีสำหรับ หัวเว่ย คลาวด์ และรายชื่อผู้พัฒนาระบบ (ISV) ด้านเทคโนโลยีประมวลผลก็มีมากกว่า 3,500 ราย นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมอีโคซิสเต็มมากกว่า 37 แห่งทั่วโลก

มีการเปิดตัวแอปพลิเคชันคลาวด์และโซลูชันที่ได้รับการรับรองโดยหัวเว่ยมากกว่า 5,000 รายการ ซึ่งทั้งหมดนี้ให้บริการโดยพาร์ทเนอร์ด้าน หัวเว่ย คลาวด์ และเทคโนโลยีประมวลผลคอมพิวเตอร์ของเรา

โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีคลาวด์ (Cloud), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยี 5G ถือเป็นกลไกใหม่ของเศรษฐกิจระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีคลาวด์ที่เป็นกุญแจปลดปล่อยศักยภาพ AI และขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

นวัตกรรมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ หัวเว่ย คลาวด์ กลายเป็นตัวเลือกอันดับแรกสำหรับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน และการปฏิรูปที่ชาญฉลาดของทั้งภาครัฐและกลุ่มธุรกิจองค์กร และนำมาซึ่งความสำเร็จทางธุรกิจที่มีร่วมกันของลูกค้า และพาร์ทเนอร์ 

หัวเว่ย มุ่งมั่นให้บริการการประมวลผลคอมพิวเตอร์ที่มีความหลากหลาย ครบถ้วนสมบูรณ์ และมีราคาที่เหมาะสมเพื่อการแพร่หลายของคลาวด์และความชาญฉลาดที่ครอบคลุม

จากรายงาน พลังการประมวลผลคอมพิวเตอร์ที่แพร่หลาย : หลักสำคัญของสังคมอัจฉริยะ (Ubiquitous Computing Power: the Cornerstone of Intelligent Society) ที่ หัวเว่ย ได้เปิดตัวนั้น ระบุว่าพลังการประมวลผลคอมพิวเตอร์ด้วยสัดส่วนต่อหัวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก

ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมการผลิตแบบเดิม การลงทุน 1 ดอลลาร์สหรัฐในการประมวลผลคอมพิวเตอร์สามารถเพิ่มมูลค่าของผลผลิตได้ถึง10 ดอลลาร์สหรัฐ

สานต่อโครงการที่ประสบคามสำเร็จเพื่อวางรากฐานให้ภาคอุตสาหกรรม

Huawei
เอ็ดเวิร์ด เติ้ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดกลุ่มธุรกิจคลาวด์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของหัวเว่ย ชี้แจงความคืบหน้าด้านการตลาดของบริการคลาวด์และคอมพิวติ้ง

นับตั้งแต่การเปิดตัวกลยุทธ์โดยรวมด้านการประมวลผลคอมพิวเตอร์ในปี พ.ศ. 2562 หัวเว่ยประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างรวดเร็วของคลาวด์การประมวลผลคอมพิวเตอร์ และโครงสร้างพื้นฐานทางข้อมูล 

คลาวด์ (Cloud)  

หัวเว่ย ได้ใช้ประโยชน์จากการผสานพลังของเทคโนโลยีคลาวด์, AI และ 5G เพื่อให้บริการคลาวด์แก่สาธารณะได้อย่างมีเสถียรภาพ น่าเชื่อถือ และยั่งยืน รวมถึงการให้บริการโซลูชัคลาวด์แบบไฮบริด (hybrid) ที่ปฏิบัติการด้วยเทคโนโลยี fullstack ที่ทันสมัย 

จนถึงปัจจุบันนี้ หัวเว่ย คลาวด์ ได้เปิดตัวบริการคลาวด์กว่า 210 รายการใน 23 หมวดหมู่ และโซลูชันทั้งแบบรองรับเฉพาะอุตสาหกรรมและแบบที่ครอบคลุมการใช้งานทั่วไปกว่า 190 ชนิด นอกจากนี้ หัวเว่ย คลาวด์ ยังให้บริการในพื้นที่บริการ (Availability Zones – AZs) 45 แห่ง

โดยร่วมกับกลุ่มพาร์ทเนอร์ใน 23 ภูมิภาค เมื่อไม่กี่ปีมานี้ หัวเว่ย คลาวด์ ยังสามารถรักษาการเติบโตด้านการให้บริการได้อย่างมั่นคง ซึ่งช่วยเสริมสร้างการพัฒนาที่รวดเร็วอีกด้วย 

สำหรับการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT (Infrastructure-as-a-Service – IaaS) หัวเว่ย คลาวด์ ครองหนึ่งในสามอันดับสูงสุดของประเทศจีนและอันดับ 6 ในระดับโลกเมื่อปี พ.ศ.2562 ถือเป็นการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดในกลุ่มผู้ให้บริการด้วยกัน

และในเดือนมีนาคมปี พ.ศ. 2563 ผลิตภัณฑ์ ModelArts Pro ซึ่งเป็นครั้งแรกของการพัฒนาแอพพลิเคชัน AI สำหรับกลุ่มธุรกิจองค์กร ได้เริ่มปฏิบัติการบน หัวเว่ย คลาวด์ เพื่อเร่งพัฒนาอุตสาหกรรม AI อย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาสู่ความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หัวเว่ยได้เปิดตัวกลยุทธ์สำหรับภาครัฐและกลุ่มธุรกิจองค์กร พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ซีรีย์ หัวเว่ย คลาวด์ Stack ที่ตั้งเป้าหมายเป็นตัวเลือกลำดับแรกสำหรับการอัปเกรดแบบอัจฉริยะของภาครัฐและธุรกิจองค์กร

จากการปฎิบัติการด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบชิงเทียน (QingTian Architecture) ผลิตภัณฑ์ หัวเว่ย คลาวด์, หัวเว่ย คลาวด์ Stack และ หัวเว่ย คลาวด์ Edge ร่วมใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบ fullstack สำหรับการยกระดับความสามารถในการปฏิบัติงาน

นอกจากนี้สถาปัตยกรรมแบบชิงเทียนที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการปฏิบัติการในทุกสถานการณ์นั้น ยังสนับสนุนการประสานงานของอุปกรณ์ CLOUD Edge การสร้างประสบการณ์และอีโคซิสเต็มแบบองค์รวมที่จะกระตุ้นการปฏิวัติอย่างชาญฉลาดของภาครัฐและกลุ่มลูกค้าธุรกิจองค์กรในยุคดิจิทัล 

การประมวลผลคอมพิวเตอร์

หัวเว่ยมุ่งมั่นปลดปล่อยขุมพลังด้านการประมวลผลคอมพิวเตอร์โดยอาศัยพื้นฐานจากผลิตภัณฑ์ x86, Kunpeng, GPU และ Ascend และสำหรับการประมวลผลคอมพิวเตอร์โดยทั่วไป หัวเว่ยได้พัฒนาสายผลิตภัณฑ์จำนวนมาก

เช่น อุปกรณ์ที่ได้รับการผสมผสาน (integrated equipment), แผงวงจรหลัก (motherboard) และการ์ดต่าง นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเร่งการประมวลผลคอมพิวเตอร์แบบ AI หัวเว่ยยังได้เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ Atlas series อันทรงพลัง

และด้วยสายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย การส่งมอบสินค้าอุปกรณ์ประมวลผลคอมพิวเตอร์ของหัวเว่ยจึงเติบโตกว่า 8% ในปี พ.ศ.2562 เมื่อเทียบปีต่อปี 

โครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล

หัวเว่ย ให้ความสำคัญกับการพัฒนา OceanStor ซึ่งเป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลที่ปฏิบัติการด้วยอัลกอริธึมและสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่ นอกจากนี้ หัวเว่ย ยังได้ร่วมงานกับกลุ่มพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมด้าน บิ๊กดาต้า (Big Data) และฐานข้อมูลต่าง (database) 

เพื่อการสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลแบบผสมผสาน มีความอัจฉริยะและเปิดกว้าง เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าที่สุดตลอดวงจรการใช้งาน ในปัจจุบันระบบการจัดเก็บข้อมูลของหัวเว่ยรองรับลูกค้ากว่า 12,000 คนทั่วโลก

และยังมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (compound average growth rate – CAGR) ของรายได้ทั่วโลกกว่า 39% โดยในปี พ.ศ.2562 ส่วนแบ่งตลาดของหัวเว่ยด้านการจัดเก็บ (storage) ทั้งแบบ allflash แล mass เพิ่มมากขึ้นกว่า 50% 

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.