กรุงศรี (Krungsri) เร่งพัฒนาระบบคลาวด์ เพิ่มประสิทธิภาพการย้ายระบบเร็วขึ้นกว่า 50% พร้อมต่อยอดนวัตกรรม Generative AI ด้วย เอดับบลิวเอส (AWS)…
Krungsri เร่งพัฒนาการย้ายระบบบนคลาวด์ ให้เร็วขึ้นกว่า 50% ด้วย AWS Cloud
อะเมซอน เว็บเซอร์วิสเซส (Amazon Web Services) หรือ เอดับบลิวเอส (AWS) เผยว่าธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในระบบเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุม 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สามารถลดระยะเวลาการย้ายระบบสู่คลาวด์ได้มากกว่าครึ่ง ด้วยการประยุกต์ใช้ Generative AI เอเจนต์ การใช้บริการคลาวด์ชั้นนำระดับโลกนี้เป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้าน AI ของธนาคาร ครอบคลุมทั้งการตรวจจับบัญชีม้า
การประเมินมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ และการบริหารจัดการเงินสดสำหรับเครือข่าย ATM กว่า 5,000 เครื่องทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการทางการเงินของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยจากอาชญากรรมทางการเงิน
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการย้ายดาต้าแพลตฟอร์ม ซึ่งประกอบด้วยคลังข้อมูล และโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง จากระบบภายในองค์กร (on-premise) สู่ระบบคลาวด์ได้เร็วขึ้น กรุงศรีได้พัฒนา Generative AI เอเจนต์ (Generative AI Agent) แบบเฉพาะทางผ่าน Amazon Bedrock
โดยเอเจนต์เหล่านี้ทำงานร่วมกับบริการต่าง ๆ ของ เอดับบลิวเอส อาทิ Amazon SageMaker, Lambda และ Amazon EventBridge ซึ่งสามารถแปลงโค้ดโปรแกรมจากระบบภายในองค์กรสู่ระบบคลาวด์ได้โดยอัตโนมัติ ส่งผลให้ลดระยะเวลาในการย้ายระบบลงได้มากกว่า 50% เมื่อเทียบกับการแปลงโค้ดด้วยวิธีการแบบเดิม
ต่อยอดการใช้งานเทคโนโลยี Generative AI
ด้วยความสามารถในการนำ AI เอเจนต์มาใช้ซ้ำได้ ทำให้กรุงศรีสามารถต่อยอดการใช้งานเทคโนโลยี Generative AI ทั้งสำหรับการย้ายระบบในอนาคต และการแปลงข้อมูลรูปแบบอื่น ๆ ส่งผลให้ธนาคารสามารถขยายขีดความสามารถในการดำเนินงาน
เพิ่มความคล่องตัว และผสานการทำงานกับบริการบนระบบคลาวด์แบบเนทีฟ (cloud-native services) อย่างเช่น การย้ายโมเดล (machine learning model) ที่จากแพลตฟอร์มเดิมไปยัง เอดับบลิวเอส “SageMaker” ได้อย่างไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ การพัฒนาสินทรัพย์ด้าน AI ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ อาทิ อัลกอริธึมสำหรับการแปลงระบบ โมเดลที่ผ่านการฝึกฝน และระบบอัตโนมัติต่าง ๆ ยังช่วยให้กรุงศรีสามารถแปลงโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกโครงการ ซึ่งรวมถึงการย้ายโค้ดอื่น ๆ
เช่น สคริปต์หรือกระบวนการ ETL คลังข้อมูล และดาต้ามาร์ทสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ด้าน AI ระยะยาวของธนาคารที่มุ่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแค่การย้ายระบบสู่คลาวด์เท่านั้น
เสริมความพร้อมในการรับมือกับกฎระเบียบใหม่ ๆ
การเร่งพัฒนาระบบคลาวด์ของกรุงศรีช่วยเสริมความพร้อมในการรับมือกับกฎระเบียบใหม่ของไทยที่ประกาศใช้ในปีนี้ เกี่ยวกับการป้องกันการใช้บัญชีม้า (บัญชีที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่น การฟอกเงิน การฉ้อโกง และการโอนเงินผิดกฎหมาย)
ด้วยการใช้ Amazon SageMaker ธนาคารสามารถยกระดับการตรวจจับบัญชีที่มีความเสี่ยง จากเดิมที่ต้องรอข้อมูลจากภายนอก มาเป็นระบบตรวจจับอัตโนมัติเชิงรุกที่มีความแม่นยำสูง และลดการแจ้งเตือนที่ผิดพลาด (false positives)
นอกจากนี้ การใช้ เอดับบลิวเอส ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการข้อมูล การใช้เครื่องมือ และความสามารถในการรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สามารถปกป้องลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งลดผลกระทบต่อผู้ใช้บัญชีที่ถูกกฎหมาย
เล็งใช้ AI อื่น ๆ มาใช้เพิ่มเติม
กรุงศรีกำลังนำระบบ AI อื่น ๆ ของ เอดับบลิวเอส มาใช้เพิ่มเติมในอีกหลาย ๆ ส่วน เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนาระบบประเมินมูลค่าอสังหาริมทรัพย์โดยใช้โมเดลการคาดการณ์จาก Amazon SageMaker สำหรับการทบทวนสินทรัพย์ประจำปี
โดยนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา การใช้โมเดล AI นี้ช่วยลดปริมาณในการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่เพื่อประเมินอสังหาริมทรัพย์ไปได้กว่า 2,000 ครั้ง ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ราวกว่า 5 ล้านบาท และลดระยะเวลาในการประเมินมูลค่าอสังหาฯ จากเดิม 3 วัน เหลือเพียง 15 นาทีต่อเคส
นอกจากนี้ กรุงศรียังใช้ Amazon SageMaker ในการปรับปรุงระบบเติมเงินที่เครื่อง ATM และบริการรถขนเงินทั่วประเทศไทย ด้วยการรวมโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง จากเดิม 6,000 โมเดล เหลือเพียง 3 โมเดล ซึ่งโมเดลเหล่านี้สามารถคาดการณ์และจัดการความต้องการใช้เงินสดได้แม่นยำมากขึ้น
ทำให้เครื่องของกรุงศรี ATM พร้อมให้บริการลูกค้าอยู่เสมอ รวมทั้งสามารถบริหารจัดการการกระจายเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ใช้บริการของกรุงศรีได้มากยิ่งขึ้น

ตุลย์ โรจน์เสรี ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านข้อมูล และการวิเคราะห์ระดับองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรุงศรีไม่เพียงนำระบบขึ้นคลาวด์ แต่เรากำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจด้วยเทคโนโลยี AI ผ่านการใช้ Generative AI และแมชชีนเลิร์นนิงบน เอดับบลิวเอส ซึ่งช่วยให้เราลดระยะเวลาการย้ายระบบขึ้นคลาวด์ได้มากถึงครึ่งหนึ่ง
พร้อมทั้งพัฒนาระบบทั้งหมดให้ทำงานบนคลาวด์อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การตรวจจับการทุจริตมีความแม่นยำมากขึ้น การดำเนินงานรวดเร็วขึ้น และมอบบริการที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า ด้วยความร่วมมือกับ เอดับบลิวเอส เรากำลังสร้างสรรค์อนาคตของการธนาคารผ่านนวัตกรรมที่ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง

ด้าน วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ เอดับบลิวเอส ประเทศไทย กล่าวว่า กรุงศรี กำลังก้าวนำในการให้บริการธนาคารยุคใหม่ ด้วยการนำ AI และเทคโนโลยีคลาวด์มาใช้เพื่อปกป้องลูกค้า และยกระดับบริการทางการเงินให้ชาญฉลาดยิ่งขึ้น การที่กรุงศรีเลือกใช้บริการของ เอดับบลิวเอส
ทั้งด้าน Generative AI , แมชชีนเลิร์นนิง (ML) และระบบคลาวด์ (Cloud) ที่ปรับขนาดการใช้งานได้ตามความต้องการ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการฉ้อโกง ยกระดับการดำเนินงาน และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการธนาคารในประเทศไทย เรารู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมสนับสนุนกรุงศรีในการสร้างอนาคตที่มั่นคง มีประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อลูกค้าของธนาคาร
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th