Meta จับมือ ภาครัฐ เร่งเตรียมพร้อมมาตรการรับมือปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์

Meta

เมตา (Meta) บูรณาการความร่วมมือกับพันธมิตร ย้ำมาตรการรับมือปัญหาภัยการหลอกลวงทางลวงออนไลน์ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้คนไทย…

Meta จับมือ ภาครัฐ เร่งเตรียมพร้อมมาตรการรับมือปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์

Meta

เฟซบุ๊ก ประเทศไทย (Facebook TH) จาก มตา (Meta) จัดบรรยายให้ความรู้สื่อมวลชน และร่วมพูดคุยกับหน่วนงานภาครัฐในหัวข้อ รู้เท่าทันภัยลวงออนไลน์ รวมถึงแบ่งปันนโยบาย และแนวทางล่าสุดในการสร้างความปลอดภัยให้กับธุรกิจ และผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม

โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญเสริมทักษะด้านดิจิทัลผ่านแคมเปญ #StayingSafeOnline ภายใต้โครงการ We Think Digital Thailand ในงานดังกล่าว มตา ได้แชร์แนวทางในการทำงานหลากหลายด้านเพื่อคุ้มครองธุรกิจ และทำให้ประสบการณ์ออนไลน์ของคนไทยมีความปลอดภัย

รวมถึงการนำนโยบายเกี่ยวกัการป้องกันปัญหาการหลอกลวงบนแพลตฟอร์ม (fraud and deception) มาใช้อย่างเคร่งครัด การมอบเครื่องมือ และฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มการระวังรักษาความปลอดภัยบนแพลตฟอร์ม อีกทั้งมีการใช้การตรวจสอบเนื้อหาผ่านบุคลากรผู้ตรวจสอบเนื้อหา และเทคโนโลยี

อย่างเช่น machine learning เข้ามาใช้เพื่อตรวจจับเนื้อหาหรือบัญชีที่อาจมีการละเมิดกฎ และนโยบายต่าง ๆ ของ มตา

Meta
อิง ศิริกุลบดี (ซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำ Facebook ประเทศไทยจาก Meta และ เฮเซเลีย มาร์กาเรต้า (ขวา) ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะด้านนโยบายเศรษฐกิจจาก Meta ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เฮเซเลีย มาร์กาเรต้า ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะด้านนโยบายเศรษฐกิจจาก มตา ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ปัญหาภัยลวงบนโลกออนไลน์ (scam) นับเป็นประเด็นที่มีความท้าทายสูงซึ่งบ่อยครั้งมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายที่มีการใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน มีเงินทุนสนับสนุนอย่างเป็นระบบ

และทำเป็นรูปแบบกระบวนการ ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่แพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากเหล่าสแกมเมอร์มักมีการดำเนินการจากหลากหลายแหล่ง ในพื้นที่สาธารณะออนไลน์ต่าง ๆ และปฏิบัติการนอกแพลตฟอร์ม หรือออฟไลน์ด้วย เราจึงต้องมีการพัฒนา และปรับปรุงเทคนิคต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

เพื่อรับมือกับพฤติกรรมบนโลกออนไลน์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มตา ไม่อนุญาตให้มีการหลอกลวงบนแพลตฟอร์ม และเรามุ่งมั่นในการรักษาความปลอดภัยในการให้บริการ รวมถึงการมอบเครื่องมือ และโซลูชั่นต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ปลอดภัยจากปัญหาบัญชีปลอม และพฤติกรรมที่ไม่ประสงค์ดีต่าง ๆ

การตรวจจับ และป้องกันสแกมบนแพลตฟอร์มของ เมตา

Meta

มตา มีความมุ่งมั่นในการลบเนื้อหาที่มีวัตถุประสงค์ในการหลอกลวง จงใจให้ข้อมูลที่ผิด หรือยิ่งไปกว่านั้น ฉ้อโกงหรือแสวงหาผลประโยชน์จากผู้อื่นในทางที่ผิด ด้วยการหลอกลวงเพื่อให้ได้เงิน หรือทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการฉ้อโกง และการหลอกลวง (Fraud and Deception policy) ของแพลตฟอร์ม

โดยยังรวมถึงเนื้อหาที่ทำงานประสานกัน หรือโปรโมทกิจกรรมเหล่านี้โดยใช้บริการของ มตา หากแพลตฟอร์มพบว่าบัญชีใดบัญชีหนึ่งมีแนวโน้มเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการหลอกลวง เจ้าของบัญชีดังกล่าวจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ใช้งานบัญชีปลอมหรือนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเองที่ไม่เป็นความจริง

หากเจ้าของบัญชีไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ตามที่กำหนด หรือหากบุคลากรผู้ตรวจสอบของเราพบว่ามีการละเมิดกฎและนโยบายต่าง ๆ ของเรา บัญชีดังกล่าวก็จะถูกลบ นอกจากนี้ มตา ยังจะเดินหน้าดำเนินการและลงโทษกับผู้กระทำความผิดดังกล่าว ตามความรุนแรงของการละเมิดกฎ และนโยบายต่าง ๆ

ซึ่งรวมถึงการบังคับใช้กฎหมายผ่านการทำงานร่วมกับรัฐบาล และหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมายด้วย นอกจากนี้ มตา ยังใช้เทคนิคการดำเนินงานที่หลากหลายเพื่อตรวจจับปัญหาภัยลวงออนไลน์บนแพลตฟอร์มของ มตา ประกอบด้วย

  • ใช้เทคโนโลยี machine learning เพื่อตรวจสอบเนื้อหาและบัญชีที่ละเมิดนโยบายของ เมตา
  • ลดการเข้าถึงเนื้อหาที่อาจเป็นเนื้อหาที่เข้าข่ายเป็นภัยลวง
  • ตรวจสอบเข้มข้นบัญชีที่มีความเป็นไปได้ที่จะมีการละเมิดกฎต่าง ๆ
  • จัดตั้งช่องทางการรายงานเนื้อหาภัยลวงโดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ และหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย
  • ตรวจสอบเพื่อลบบัญชีปลอมออกจากแพลตฟอร์มเป็นประจำ

ตามที่ได้กล่าวสรุปไว้ในรายงานการบังคับใช้มาตรฐานชุมชนประจำไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2566 มตา ได้เดินหน้าลบบัญชีปลอมออกกว่า 676 ล้านบัญชีทั่วโลก บน Facebook โดย 98.8% ถูกตรวจพบและลบออกไปผ่านการดำเนินงานเชิงรุกด้วยเทคโนโลยี AI ก่อนที่จะมีการรายงานเข้ามาจากผู้ใช้

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา มตา ยังได้ดำเนินการลบเนื้อหาที่เป็นภัยหลอกลวงเป็นจำนวน 1.1 พันล้านชิ้น โดย 95.3% เป็นเนื้อหาที่ถูกตรวจจับผ่านการดำเนินงานเชิงรุก สำหรับประเทศไทยเองก็ปัญหาบัญชีปลอมเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบัน มตา ยังไม่สามารถป้องกันได้ 100เนื่องจากเหล่าแฮกเกอร์ และนักหลอกลวง

ต่างก็มีการพัฒนายุทธวืธี และเครื่องมือ ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่ง มตา เอง จึ่งพยายามอย่างยิ่งที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มให้ผู้ใช้งานสามารถสามารถแจ้งการหลอกลวง ด้วยการใช้เทคโนโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง โดย เทคโนโลยีปัญญาประดิษย์ หรือ เอไอ (AI) เพื่อตรวจสอบบัญชีปลอม และตั้งทีมที่พร้อมรับเรื่องจากผู้ใช้งานแบบ 24x7 

มาตรฐานการโฆษณา ของ มตา

Meta

การป้องกันไม่ให้โฆษณาบนแพลตฟอร์มของเราถูกใช้งานเพื่อสนับสนุนพฤติกรรมการหลอกลวงเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้พัฒนามาตรฐานการโฆษณา เพื่อเป็นแนวทางที่ระบุว่าโฆษณาแบบใดได้รับอนุญาตบนแพลตฟอร์มในเครือของ มตา

โดยนโยบายของเราไม่อนุญาตโฆษณาที่มีเนื้อหาหลอกลวง หรือสร้างความเข้าใจผิด รวมถึงสแกม และหากเราตรวจจับโฆษณาที่ละเมิดมาตรฐานการโฆษณาของเรา เราจะดำเนินการไม่อนุมัติโฆษณาดังกล่าวในทันที

ในปัจจุบัน เราได้ใช้กระบวนการดำเนินงานที่หลากหลายเพื่อตรวจจับ และตรวจสอบโฆษณา บัญชี และผู้ดูแลที่อาจละเมิดนโยบายของเรา เรามีการดำเนินงานเชิงลึกที่มากกว่าการตรวจสอบโฆษณาแต่ละชิ้น โดยเรายังตรวจสอบ และสำรวจพฤติกรรมของนักโฆษณา

และอาจจำกัดการใช้งานของนักโฆษณาที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการโฆษณาของเรา และเรายังคงมองหาวิธีการในการขยายกระบวนการดำเนินงาน และเครื่องมือของเราอย่างต่อเนื่อง รวมถึงวิธีการที่ช่วยให้ผู้คนสามารถรายงานโฆษณามาที่เราได้อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นเฮเซเลีย กล่าว

นอกจากนี้ โฆษกของ มตา ยังได้แชร์เคล็ดลับในการป้องกันตนเองจากกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย และโฆษณาที่ปลอมตัวเป็นผู้อื่น เช่น การตรวจสอบตัวสะกดของเนื้อหาโฆษณา หรือตรวจสอบว่าโฆษณาชิ้นนั้นเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ที่แท้จริงของแบรนด์หรือธุรกิจที่คุณกำลังมีส่วนร่วมอยู่ด้วย หรือไม่

แคมเปญ #StayingSafeOnline และความร่วมมือกับพันธมิตรระดับท้องถิ่น

Meta
ดร. เวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)

ดร. เวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอี) ได้ร่วมแชร์ข้อมูลเพิ่มเติมว่า  ปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะการหลอกลวงทางด้านการเงิน และการลงทุนนับเป็นปัญหาที่ดีอีให้ความสำคัญ และมุ่งเน้นการทำงานในเชิงรุก เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น

และยังเป็นการสร้างความเชื่อมันในการลงทุน รวมถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ดีอี ได้มีการทำงานร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ โดยเฉพาะหน่วยงานที่บังคับกฎหมาย หน่วยงานภาคเอกชน และบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เช่น มตา เพื่อช่วยกำจัดมิจฉาชีพบนโลกออนไลน์ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Meta
พ.ต.อ.เจษฎา บุรินทร์สุชาติ ผู้กำกับการ กลุ่มงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์จากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ด้าน พ.ต.อ.เจษฎา บุรินทร์สุชาติ ผู้กำกับการ กลุ่มงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์จากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า ปัญหาภัยหลอกลวงบนโลกออนไลน์ นับเป็นปัญหาสังคมที่ขยายวงกว้างออกไปในทุกพื้นที่บนโลกออนไลน์

อาชญากรรมไซเบอร์ และปัญหาเรื่องสแกมเมอร์เป็นหนึ่งในปัญหาเร่งด่วนที่ บช.สอท. ให้ความสำคัญ และทำงานอย่างเต็มที่ เราอยากให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังอยู่เสมอเมื่อมีปฏิสัมพันธ์หรือทำธุรกรรมบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ใช้แพลตฟอร์มหรือช่องทางไหน

เพราะว่าอาชญากรไซเบอร์ในปัจจุบันมีการพัฒนากลลวง เพื่อการหลอกล่อที่ซับซ้อน และอำพรางได้แนบเนียนมากขึ้นโดยปัจจุบันทางตำรวจไซเบอร์ได้เปิดสายด่วน 1441 เพื่อขอความช่วยเหลือหรือปรึกษาปัญหาอาชญกรรมทางเทคโนโลยี รวมถึงแจ้งเบาะแสได้ 

ไม่อ่อนข้อต่อภัยหลอกลวง และมุ่งมั่นในการดำเนินการเพื่อลบการกระทำที่ผิดกฎหมายออกจากแพลตฟอร์มในทันที

Meta

อิง ศิริกุลบดี ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำ Facebook ประเทศไทยจาก มตา กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มตา ได้ร่วมทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตรหลายภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกระทรวงดีอีเอส สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และหน่วยงานภาครัฐ

ต่าง ๆ รวมถึงนักวิชาการและภาคประชาสังคม โดยเรามีการพูดคุย และมีกรอบความร่วมมือในหลาย ๆ เรื่องรวมถึงการรับมือปัญหาภัยหลอกลวงบนโลกออนไลน์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มของ มตา และแอป Facebook นั้น เรามีการทำงานใกล้ชิดกับกระทรวงดีอีเอส และมีการจัดการเนื้อหาที่เป็นปัญหาอย่างรวดเร็ว

ที่ทางกระทรวงได้แจ้งข้อมูลเข้ามา รวมถึงการสร้างการตระหนักรู้ และแคมเปญการให้ความรู้ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้คนสามารถรู้เท่าทันกลลวง และรู้วิธีการรายงานเนื้อหาเข้ามาได้ นอกจากนั้น เรายังมีการตรวจหา และไล่ลบบัญชีที่มีการตรวจพบว่าเป็นเนื้อหาที่เป็นอันตราย หลอกลวง หรือละเมิดกฎอยู่เป็นประจำ

และด้วยเทคโนโลยี machine learning และ AI ก็ทำให้เราสามารถตรวจพบเนื้อหาเหล่านั้นก่อนที่ผู้ใช้อื่น ๆ จะได้เห็นด้วย นอจากนี้ในปุจจุบัน มตา กำลังอยู่ในช่วงเร่งศึกษา (ร่าง) พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. …. หรือ พ.ร.ฎ.แพลตฟอร์มดิจิทัลฯ

ซึ่งกำหนดให้การทำธุรกิจออนไลน์เป็นธุรกิจที่ต้องแจ้งให้ทราบ หรือต้องขึ้นทะเบียน หรือต้องมีใบอนุญาต ในกรณีที่มีความจำเป็นด้านการรักษาความมั่นคงทางการเงิน เพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ หรือเพื่อป้องกันความเสียหายต่อสาธารณชน โดย มตา กำลัง หาจุดสมดุล ระหว่างความปลอดภัยของผู้ใช้งานกับความสะดวกในการดำเนินธุรกิจและสิทธิเสรีภาพ ข้อมูลส่วนบุคคล

อีกส่วนหนึ่งของการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของ มตา ในการปกป้องชาวไทยให้ปลอดภัยจากภัยลวงบนโลกออนไลน์ คือแคมเปญ #StayingSafeOnline ภายใต้ โครงการ We Think Digital Thailand โดยเป็นโครงการหลักในการเสริมทักษะดิจิทัลของ มตา ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการให้ความรู้แก่ชาวไทย

เกี่ยวกับวิธีสังเกตพฤติกรรมของผู้ประสงค์ร้าย และป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากสแกมอีคอมเมิร์ซ สแกมความปลอดภัย และการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง รวมถึงภัยบนโลกออนไลน์อื่น ๆ โดยภายใต้แคมเปญดังกล่าว ได้มีการเปิดตัวหลักสูตรการเรียนรู้ และวิดีโอเพื่อให้ความรู้ที่ให้บริการเป็นภาษาไทยอย่างหลากหลาย

และยังมีการร่วมพัฒนาแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ร่วมกับหลากหลายองค์กร ทั้งจากภาครัฐ และภาคประชาสังคม ได้แก่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โคแฟค ประเทศไทย

และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยแคมเปญดังกล่าวได้เข้าถึงชาวไทยเป็นจำนวนกว่า 30 ล้านคน แล้วในปัจจุบัน ตั้งแต่มีการเปิดตัวในปี พ.ศ. 2564 นอกจากนี้ แคมเปญ #StayingSafeOnline ยังกำลังจะเปิดตัวการดำเนินงานเฟสใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยจะให้ความสำคัญกับเคล็ดลับในการระมัดระวัง และรู้เท่าทันสแกมเมอร์ที่มีอยู่หลากหลายประเภท

Meta

“ในสัปดาห์นี้ เรากำลังจะเปิดตัวซีรีส์วิดีโอเพื่อให้ความรู้ที่มีชื่อว่า ถอดรหัสสแกม (Decode Scam) ผ่านเพจ มตา ประเทศไทย บน Facebook เพื่อสอนให้ผู้คนรู้จักกับภัยลวงบนโลกออนไลน์ที่มีหลากหลายประเภท พร้อมให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์

ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เรายังมีแผนที่จะเปิดตัวเฟสต่อไปของแคมเปญ #StayingSafeOnline ซึ่งเราจะยังคงร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศ และร่วมสร้างสรรค์ชุดเนื้อหาเอ็ดดูเทนเมนต์เพื่อการเรียนรู้ใหม่ ๆ ร่วมกับครีเอเตอร์ชาวไทย เกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าวในหลากหลายรูปแบบเนื้อหา

ตั้งแต่วิดีโอสั้น ภาพประกอบที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ไปจนถึงมีมเพื่อให้ความรู้ต่าง ๆ เพื่อให้คำแนะนำ และเคล็ดลับแก่ชาวไทยเกี่ยวกับวิธีการป้องกันตนเองจากเหล่าสแกมเมอร์ ในรูปแบบการเรียนรู้ที่เข้าถึงง่ายมากขึ้น” อิงกล่าว

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay