เอ็นไอเอ (NIA) พารู้จัก 2 นักพัฒนาโดรนเพื่อการเกษตร ฮีโร่ผู้ปฏิวัติภาวะวิกฤต และส่งตรงความทันสมัยให้เกษตรกรไทย…
NIA พารู้จัก 2 นักพัฒนา “โดรน ” เพื่อการเกษตรผู้ปฏิวัติความทันสมัยให้เกษตรกรไทย
“อากาศยานไร้คนขับ ” หรือ โดรน ( Drone) หนึ่งในเทคโนโลยีสุดล้ำที่ไม่ ได้มีไว้แค่สำหรับถ่ายรูปมุมสูง หรือใช้เฉพาะทางการทหารเท่านั้น เพราะหลายปีที่ผ่านมาเทคโนโลยี อากาศยานไร้คนขับได้รับการพิสู จน์แล้วว่า สามารถเข้ามาช่วยปฏิวัติ การทำงานของหลาย ๆ อุตสาหกรรม
ไม่ว่าจะเป็ นภาคการเกษตร ภาควิศวกรรมสำรวจ และภาคภูมิศาสตร์ และล่าสุดยังถูกพัฒนาขี ดความสามารถเพื่อนำไปใช้กู้ภั ยในเหตุเพลิงไหม้ หรือเหตุการณ์ฉุกเฉิน เพื่ อลดความเสี่ยงให้แก่ผู้ปฏิบัติ หน้าที่
วันนี้สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ เอ็นไอเอ จะพาไปอินไซด์แนวคิด 2 นักพัฒนาเทคโนโลยีอากาศยานไร้ คนขับ ซึ่งหลายคนอาจจะคิดไม่ถึงว่าจริ ง ๆ แล้วโดรนที่เข้าไปช่วยเจ้าหน้ าดับเพลิงในเหตุวินาศภัยนั้น
เริ่มต้นมาจาก โดรนเพื่ อการเกษตร ที่ต้องการจะยกระดับคุ ณภาพชีวิตของเกษตรกร ชาวไร่ ชาวสวน ในพื้นที่ต่างจังหวัด ให้สามารถนำเอาเทคโนโลยีเข้ าไปประยุกต์ใช้ในขั้ นตอนการทำเกษตรกรรม โดยเฉพาะในด้านผลผลิต และความแม่ นยำ และความหวังที่จับมือเกษตรกรวิ่ งสู่ความเป็น “สมาร์ทฟาร์มเมอร์ “ ไปด้วยกัน
ดร.ดี จันทร์ศุภฤกษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งโดรนชุมชน บริษัท นวัตกรรมเพื่อสังคม และเทคโนโลยีเกษตร จำกัด
ดร.ดี จันทร์ศุภฤกษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งโดรนชุมชน บริษัท นวัตกรรมเพื่อสังคม และเทคโนโลยี เกษตร จำกัด กล่าวว่า แนวคิดในการทำโดรนเพื่อชุมชนนั้ น เกิดขึ้นจากที่ตน และทีมต้ องการที่จะยกระดับ และเพิ่มโอกาสให้ชุ มชนในแถบชนบทได้เข้าถึ งเทคโนโลยีในการทำเกษตรกรรม
เนื่องจากทางทีมงานได้มองเห็ นความสำคัญของเกษตรกรในการเป็ นผู้สร้างความมั่งคงทางอาหาร ต่อเนื่องไปสู่ความมั่นคงของมนุ ษย์ และความมั่นคงของประเทศ ดังนั้นจึงได้เริ่มต้ นในการทำแพลตฟอร์มสำหรับการจั ดหาโดรนเข้าไปใช้ ในการทำการเกษตรให้แก่ชุมชน
โดยได้รับการสนับสนุนจาก เอ็นไอเอ ใน โครงการหน่วยขับเคลื่อนนวั ตกรรมเพื่อสังคม (SID) จังหวัดอุบลราชธานี สำหรับโดรนนั้นเป็นอีกหนึ่ งเทคโนโลยีที่จะเข้าไปช่วยให้ การทำเกษตรมีความแม่นยำ ช่วยในด้านการคำนวณปริ มาณสารเคมี หรือปริมาณพันธุ์ข้าวที่จะใช้ต่ อไร่
ซึ่งจะช่วยในเรื่องการเพิ่ มผลผลิต รวมไปถึงช่วยลดความเสี่ ยงจากการสัมผัสสารเคมี ของเกษตรกรได้ดีมากขึ้น เพราะสามารถใช้โดรนฉีดพ่ นสารเคมีได้เลย นอกจากนี้การใช้ โดรนในภาคการเกษตรยังช่วยเพิ่ มความมั่นคงทางด้านแรงงานได้อี กด้วย
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าในปี 2564 นี้ จะมีโดรนเพื่อการเกษตรเพิ่มขึ้ นอีกประมาณ 3 ,000 –4 ,000 ลำ ซึ่งในจำนวนดังกล่าวถือว่าเป็ นสัญญาณที่ดีสำหรั บภาคการเกษตรไทย โดยเฉพาะด้านการผลักดันให้ ภาคเกษตรก้าวสู่ การทำเกษตรกรรมแบบ 4.0 อย่างเต็มตัว
“ในอนาคตเทคโนโลยีอากาศยานไร้ คนขับหรือโดรนจะเริ่มมีความสำคั ญ และมีบทบาทมากกว่าปัจจุบัน โดยเฉพาะการใช้โดรนในระบบขนส่ง / โลจิสติกส์ที่มีน้ำหนักเบา ไม่ว่าจะเป็นกล่องพัสดุ เวชภัณฑ์ยา แต่ยิ่งไปกว่านั้นในอนาคตเชื่ อว่าจะถูกพัฒนาให้แม่นยำ มีความทนทานพอที่จะส่งของหนั กได้ หรือแม้แต่กระทั่งการใช้โดรน
เพื่ อซ่อมแซม บำรุงแผงโซล่าเซลล์ ซึ่งจะทำให้ทราบแน่ชัดมากยิ่งขึ้ นว่าแผงใดบ้างที่เสียหาย ส่งผลให้สามารถซ่อมแซมได้ตรงจุ ด และปลอดภัย สอดรับกับอนาคตที่ประเทศไทยจะหั นมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นด้วย อีกด้านคือการใช้โดรนเพื่อปฏิบั ติหน้าที่แทนมนุษย์ในการกู้ภัย
ตนเห็นว่าจากนี้ต่อไปจะมี ความสำคัญมาก เพราะคุณสมบัติที่รวดเร็ว คล่องตัว และแม่นยำ จะช่วยให้ลดการสูญเสียกำลังคน และช่วยลดความสูญเสียจากการเกิ ดเพลิงไหม้ หรือวินาศภัยในด้านอื่น ๆ ลงได้ด้วยเช่นกัน”
ขณะที่ กฤตธัช สารทรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนวี่ (2018) จำกัด กล่าวว่า ตนเองมีความสนใจเกี่ยวกั บเทคโนโลยีหุ่นยนต์ เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับมาตั้ งแต่สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรี ยนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี จากนั้นจึงตัดสินใจศึกษาต่อที่ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้ าธนบุรี ส่วนจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิ จสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ตน และทีมเห็นว่ าในอนาคตโดรนจะสามารถเข้าไปช่ วยทำให้ระบบการทำงานในภาคส่วนต่ าง ๆ เกิดความคล่องตัว รวดเร็ว มีความแม่นยำ
และยังช่วยลดความสูญเสียได้ มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ หลังจากได้เข้าร่วมโครงการ UAV Startup 2017 ที่จัดขึ้นโดย เอ็นไอเอ และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยี อวกาศ และภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน ) หรือ GISTDA ทางทีมโนวี่โดรนก็ได้มีการต่ อยอด และพัฒนาโดรนสำหรั บเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่อง และถือว่าเป็นจุดเริ่มต้ นในการทำธุรกิจโดรนเพื่ อการเกษตรมาจนถึงปัจจุบัน
“ปัจจุบันโดรนของโนวี่สามารถให้ บริการภาคการเกษตรได้อย่ างครอบคลุมไม่ว่าจะเป็น การพ่นยา พ่นปุ๋ย และที่สำคัญโนวี่โดรนยังช่วยให้ กระบวนการการทำการเกษตรสะดวก และรวดเร็ว ประหยัดการใช้แรงงานคนได้มาก เพราะโดรน 1 ตัว สามารถทำงานได้เร็วกว่ าแรงงานคนมากถึง 10 เท่า
อีกทั้งยังช่วยให้เกษตรกรปลอดภั ยจากการที่ต้องสัมผัสสารเคมี นอกจากนี้ ยังมองว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับจะเข้ าไปมีบทบาทกับภารกิจอื่น ๆ ได้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โดรนในระบบโลจิสติกส์ โดรนเพื่อการขนส่ง แท็กซี่โดรน หรือแม้แต่กระทั่งใช้ โดรนในการกู้ภัยพิบัติต่าง ๆ
เพราะการใช้โดรนหรือหุ่นยนต์ ในการกู้ภัยสามารถช่วยลดความสู ญเสียจากการเข้าไปทำงานในจุดเสี่ ยงอันตราย และอย่างน้อยหากเกิดอันตรายขึ้ นเราก็แค่สูญเสียอุปกรณ์ไป ทั้งนี้ จากประโยชน์อันหลากหลายนี้ ทางทีมจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนา และเพิ่มประสิทธิภาพให้ โดรนสามารถทำงานแทนเจ้าหน้าที่
ที่ต้องแบกรับความเสี่ยงในกิ จกรรมต่าง ๆ และพร้อมที่จะเป็นส่วนสำคั ญในการเติมเต็มภาคสังคมในช่วงที่ เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างเช่ นที่ผ่านมา ด้วยความฉลาด และความสามารถที่หลากหลายนี้เอง
จึงทำให้โดรนถูกวางตัวไว้เป็นอี กหนึ่งเทคโนโลยีที่จะกลายเป็นส่ วนสำคัญให้กับหลาย ๆ ภาคอุตสาหกรรม และเชื่อว่าในอนาคตคนไทยจะได้ เห็นโดรนถูกใช้งานในภารกิจอื่น ๆ อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้นอย่ างแน่นอน
ส่วนขยาย
* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th