NTT ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำด้านดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

NTT

เอ็นทีที (NTT) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำด้านการให้บริการ และการบริหารจัดการดาต้าเซ็นเตอร์ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใน IDCMarketScape…

NTT ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำด้านดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เอ็นทีที ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ได้รับการยอมรับด้านความเป็นผู้นำด้านการให้บริการ และบริหารจัดการศูนย์ข้อมูล หรือดาต้าเซ็นเตอร์ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (โดยไม่รวมประเทศญี่ปุ่น) ใน IDC MarketScape ในรายงานได้เน้นย้ำถึง ดาต้าเซ็นเตอร์ ของ เอ็นทีที

ที่มีการให้บริการอย่างกว้างขวาง และครอบคลุมการให้บริการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างทั่วถึง พร้อมกันนี้ยังได้รับการแนะนำอย่างแข็งขันว่าเอ็นทีทีเหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการขยายธุรกิจในเอเชีย รายงานดังกล่าวได้ประเมินผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่ดำเนินการในสี่ประเทศหรือมากกว่านั้น ที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

NTT

โดยไม่รวมประเทศญี่ปุ่น (APeJ) เพื่อให้บริการลูกค้าด้วยดาต้าเซ็นเตอร์ที่รองรับผู้ใช้บริการได้หลากหลายราย (multi-tenant) โดยสามารถเชื่อมต่อข้อมูลของตนที่อยู่ภายนอกมายังดาต้าเซ็นเตอร์ได้ โดยในรายงานดังกล่าวเน้นย้ำถึงโครงสร้างพื้นฐานที่น่าเชื่อถือของเอ็นทีที

ที่ช่วยให้บริษัทข้ามชาติ (multi-national corporations : MNCs) เติบโตทางธุรกิจในประเทศสำคัญๆ นอกเหนือจากการสนับสนุนความพยายามในการทรานสฟอร์มทางดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพแล้วนั้น ระบบนิเวศ (ecosystem) ของพันธมิตร ของ เอ็นทีที

ยังให้ประโยชน์แก่ธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง จากทักษะ และบริการในท้องถิ่นเพื่อตอบสนองความต้องการทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ทั้งนี้ ในรายงานดังกล่าวประเมินผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่ดำเนินการข้ามชาติ

จอห์น ลอมบาร์ด ซีอีโอประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ เอ็นทีที กล่าวว่า เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการยกย่องให้เป็น ผู้นำ ใน IDC MarketScape โดยล่าสุดเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตขึ้นอย่างมาก และเอ็นทีทีจะยังคงนำเสนอกลยุทธ์ที่แตกต่าง ซึ่งมีรากฐานมาจากนวัตกรรมสำหรับธุรกิจที่เลือกเช่าพื้นที่ฝากเครื่องเซิร์ฟเวอร์งานขององค์กรและศูนย์ข้อมูลที่อยู่ใกล้กับลูกค้า

ด้วยการเปิดตัวทั่วโลกในกว่า 20 ประเทศ โดยเอ็นทีทีเพิ่งประกาศว่าจะมีการขยายแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลทั่วโลกพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ในตลาดสำคัญ ๆ ในประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, อินเดีย, อังกฤษ, แอฟริกาใต้, สเปน, ออสเตรีย, สวิสเซอร์แลนด์, เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา

“มันเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะขยายธุรกิจไปทั่วโลกในช่วงที่เกิดโรคระบาดนี้เนื่องจากเราเห็นความจำเป็นที่จะต้องให้การสนับสนุนลูกค้าของเรา ในขณะที่พวกเขาเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคซึ่งนำไปสู่ความต้องการบริการคลาวด์ที่ปลอดภัย ความบันเทิงทางดิจิทัล และเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นใหม่” ลอมบาร์ด กล่าว

NTT

ริวอิจิ มัตสึโอะ รองประธานกรรมการบริหาร แผนก Global Data Center ของ เอ็นทีที กล่าวว่า ด้วยศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีขั้นสูงของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการบริการเต็มกำลัง (full-stack) และเรากำลังทบทวนแผนการขยายดาต้าเซ็นเตอร์ของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด

โดยลูกค้าที่ใช้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ของเอ็นทีที สามารถเข้าถึงโซลูชั่นเทคโนโลยีแบบ fullstack จากทั้งศูนย์ข้อมูล, ระบบเน็ตเวิร์ค, คลาวด์, โครงสร้างพื้นฐานด้านเสียง และวิดีโอ รวมถึงบริการด้านบริหารจัดการ

โดยแพลตฟอร์มของดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลกของเอ็นทีที จะเปิดใช้งานโซลูชั่นแบบ endtoend สำหรับลูกค้าในการสร้างสมดุลของงานไอทีที่สำคัญและในสถานที่สำคัญ ๆ ทั่วโลก

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

Itdayleadger

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.