Pacharakrit Property เล็งลุยบทบาท “Funding” เพื่อหนุนธุรกิจใหม่ๆ

พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ (Pacharakrit Property) ใส่ใจความยั่งยืนเดินหน้าจัดกิจกรรม “ปล่อยปูม้า สู่ท้องทะเลไทย” พร้อมเผยเป้าหมายก้าวสู่บทบาทแหล่งเงินทุนระดมทุนใหม่สำหรับผู้ประกอบการ…

Pacharakrit Property เล็งลุยบทบาท “Funding” เพื่อหนุนธุรกิจใหม่ๆ

พชรกฤษฏิ์ ชื่นชม ประธานบริหาร บริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ ธุรกิจการให้บริการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ และได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการ และ นักลงทุนแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่องกัน ทำให้บริษัทฯ มีการเติบโตมาตลอด

แต่ พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ มองถึงความท้าทายนอกเหนือไปจากการเป็นแหล่งเงินทุนช่วยต่อยอด และสร้างการเติบโตของธุรกิจ ให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้เพียงเท่านั้น แต่เราต้องการเป็นบริษัทฯ ที่ช่วยเหลือ และสนับสนุนทั้งในกลุ่มของ สินเชื่ออสังหาฯ กลุ่มเอสเอ็มอี หรือ สตาร์ทอัพ ให้มีสภาพคล่องที่ดีขึ้น

และเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ในกลางปี 67 ที่ผ่านมา พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ ได้จับมือกับ บริษัทธุรกิจลิสซิ่งรายใหญ่ ก่อตั้งแบรนด์ธุรกิจใหม่ ขึ้นมา ภายใต้ชื่อ บริษัท เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้ง จำกัด (S.P.Property Holding)

และ บริษัท เอส.พี.ลิสซิ่ง แอนด์ การันตี กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (S.P.Leasing & Guarantee Group Holding) เพื่อช่วยเหลือนักลงทุนด้วยการนำหลักทรัพย์ อาทิ เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมมายื่นขอรับสินเชื่อ หรือเครื่องมือการแพทย์ เพื่อนำเงินทุนไปใช้เป็นทุน เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน

เพื่อดำเนินปรับเปลี่ยนธุรกิจ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง นอกเหนือไปจากแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ที่ปัจจุบันยื่นกู้ได้ยากขึ้น ซึ่งการดำเนินงานด้วยแนวทางใหม่ ๆ ภายใต้แนวคิด “ความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว”

ทำให้เราพบว่ายังมีโอกาสอีกมากมายที่ พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จะสามารถเข้าไปช่วยให้ลงทุนได้เช่นโครงการพัฒนาเพิ่มมุูลค่าให้แก่ที่ดินที่จังหวัดเชียงรายให้เป็นอาคารที่พักพูลวิลล่า (Pool Villa) แบบเดียวกับ “ศรีพันวา” ที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งแนวทางดังกล่าวทำให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว

โดยจากแนวทางที่ได้ดำเนินการมาทำให้ พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ พบว่าตลาดของแหล่งเงินทุนยังมีโอกาสอีกมากโดยเฉพาะในกลุ่มนวัตกรรมใหม่ ที่ต้องการแหล่งเงินทุน เราจึงศึกษา และเล็ง รุกไปยังตลาดของ “แหล่งการเงินเพื่อการลงทุน” (Investment Banking)

หรือ บริษัทฯการเงินที่ทำหน้าที่สนับสนุนกิจการในการระดมทุน (funding) ที่พร้อมให้คำปรึกษา การจัดหาเงินทุน และแนวทางการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อทำให้ธุรกิจนั้น ๆ เดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ ยังได้เดินหน้าร่วมมือกับ บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC)

เพื่อเข้าไปดูสินทรัพย์ หรือธุรกิจที่ยังมีศักยภาพ แต่ถูกขายทอดตลาดแล้ว และเข้าไปช่วยพลิกฟื้นพื่อทำให้สามารถกลับมาเป็นสินทรัพย์ที่มูลค่า และมีโอกาสในการเติบโตได้อีกครั้ง ซึ่งภายในปี 2568 ที่จะถึงนี้จะเป็นปีที่ทาง พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างขององค์กรให้มีความทันสมัย และรองรับการโดด

เข้าลุยในธุรกิจใหม่ ๆ ได้อย่างแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ขณะที่ในส่วนของ 2 ธุกิจใหม่ที่ได้เริ่มไปในช่วงกลางปีที่ผ่านมาปัจจุบันเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยในธุรกิจของ “เอส.พี.ลิสซิ่ง แอนด์ การันตี” ได้เริ่มมีการคุยโปรเจ็กต์ร่วมกันกับผู้ให้บริการเดลิเวอรี่เจ้าดังที่เป็นเป็นบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสิงคโปร์ซึ่งให้บริการในไทย

ในการเพิ่มแหล่งเงินทุนสินเชื่อให้พาร์ทเนอร์คนขับที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้รถ EV เพื่อประหยัดต้นทุนค่าน้ำมัน ในการให้บริการลง โดย พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จะเป็นแหล่งเงินทุน และแบรนด์จะเป็นผู้บริหารจัดการในการชำระค่างวดให้เรา

ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหวา่งพูดคุยในส่วนของรายละเอียด หากลุล่วงก็จะได้เห็นในงาน Motor Expo โดยหลังจากเริ่มเปิดให้บริการสินเชื่อมาตั้งแต่ สิงหาคม ที่ผ่านมาปัจจุบัน “เอส.พี.ลิสซิ่ง แอนด์ การันตี” ได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท แล้ว ซึ่งเกินกว่าที่คาดไว้

ขณะที่ในส่วนของ “เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้” ณ ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาที่ดิน ซึ่งจะยังไม่มีตัวเลขของการรับรู้รายได้ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ เช่น โครงการพักพูลวิลล่า (Pool Villa) ที่เชียงราย เป็นต้น ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดจากที่เรามี Wyndham (วินแดม) แฟรนไชส์ธุรกิจโรงแรมระดับโลก

ที่เสนอเข้ามาร่วมเป็นพาทเนอร์ในการดำเนินงานร่วมกัน ปัจจุบันได้ได้มีแบรนด์ใหญ่ของไทย เข้ามายื่นข้อเสนอเพิ่ม ทำให้ตอนนี้จึงทำให้เรากำลังอยู่ศึกษาข้อเสนอจากทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ ทั้งนี้ก็เพื่อให้โครงการออกมาในรูปแบบที่ดีที่สุด

แต่นอกจากโครงการข้างต้น ที่กล่าวไป “เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้” ได้พูดคุยกลุ่มเครือโรงแรม เพื่อพัฒนาคอนโดเก่าให้พลิกฟื้นกลับมาเป็นในรูปแบบของโรงแรม ซึ่งปัจจุบันเล็งที่จะพัฒนาพื้นที่นึงในกรุงเทพฯ ให้กลายเป็น “Crowne Plaza” ใจกลางเมือง

ซึ่งจากการที่ทางธนาคารพาณิชย์ไม่สามารถปล่อยสินเชื่อได้เกินกว่าการเติบโตของผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) ทำให้โอกาสของ พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ และบริษํทฯ ในเครือ เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากเป็นเเหล่งเงินทุนที่จะสามารถช่วยผลักดันธุรกิจให้ไม่หยุดชะงักลงได้

โดยในช่วงที่ผ่านมา พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ และบริษํทฯ ในเครือ สามารถสร้างรายได้อย่างน้อย 800-1,000 ล้านบาท โดยประมาณ ซึ่งหากมองถึงโอกาสที่น่าสนใจก็น่าจะเป็นในส่วนของการพัฒนาอลังหาในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ อาทิ พัทยา, ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองที่นักลงทุนต่างชาติจาก จีน และรัสเซีย ให้ความสนใจ

และจากที่ พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ ตั้งใจก้าวสู่บทบาทของการเป็น Investment Banking ในปี 68 จะทำให้เรากลายเป็นผู้ที่อยู่เครื่องข้างธุรกิจที่ไม่ใช่เพียงแค่เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับอสังหาเท่านั้น แต่จะเป็นบริษัทฯ ที่เติบโตเคียงคู่กับธุรกิจหลากหลาย และสร้างกำไรจากการลงทุนมากขึ้น

เล็งรื้อบริการ แอปฯ “พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้” ใหม่

สำหรับในส่วนของแผนการพัฒนา แอพลิเคชั่น เข้าถึงเงินทุน ถูกกฎหมาย เดิมที่วางเอาไว้ว่าหลังจากเปลี่ยนผู้พัฒนาแล้วจะปล่อยให้เริ่มใช้ในช่วงปลายปี 67 นี้ ก็อาจจะเลื่อนไปในช่วงปี 68 แทน เนื่องจากเป้าหมาย และบทบาทใหม่ที่ พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ วางเอาไว้ว่าจะไม่ใช่เพียงเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับธุรกิจอสังหา

แต่จะให้ครอบคลุมบริการใหม่ ๆ ที่ พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ ตั้งใจจะเป็น โดยเราตั้งความหวังเอาไว้จะปรับฟังก์ชั่นภายในแอปให้เป็นมากกว่าช่องทางในการติดต่อ แต่จะเป็นสื่อกลางในพูดคุยสื่อสารปรึกษา และขอสินเชื่อทางการลงทุนที่ครบวงจร

โดยที่ยังยึดเอาหลักการความตั้งใจเดิมคือผู้ใช้งานจะต้องสามารถ ยื่นขอเงินทุน สามารถยื่นเอกสาร และส่งเอกสาร รวมถึงติดตามสถานการณ์อนุมัติ ได้อย่างสะดวก

เติบโตควบคู่กับการใส่ใจความยั่งยืน

จากปัญหาทรัพยากรทางทะเล ที่กำลังตกอยู่ในภาวะความเสี่ยงจากหลากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น ทางด้านบริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ตระหนักดีว่า ปัญหาเหล่านี้ ไม่เพียงจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยในวงกว้างเท่านั้น ทว่า ยังส่งผลกระทบไปถึง ความยั่งยืนในประเด็นเรื่องของอาหารในอนาคต

ตลอดจนยังส่งผลกระทบต่อปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมาก จึงได้จัดกิจกรรม “ปล่อยปูม้า สู่ท้องทะเลไทย” เพื่อหวังจะส่งต่อโอกาสความยั่งยืนด้านอาหาร และ เศรษฐกิจ ให้กับลูกหลานในอนาคต ณ อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ศูนย์การเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ ค่ายพระรามหก อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

พลตำรวจโท ประพันธ์ จันทร์เอม ผู้อำนวยการอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร กล่าวว่า อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ทรงมีพระราชดำริ ในการฟื้นฟูพื้นที่ภายในค่ายพระรามหก ให้คืนกลับสู่ธรรมชาติอันสมบูรณ์อีกครั้ง ขณะที่กิจกรรมการปล่อยปูม้า ถือเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม

เพราะทุกวันนี้ เราจับสัตว์น้ำมาเป็นอาหารอยู่เรื่อยๆ ซึ่งหากเราเอาแต่จับเขามาบริโภค โดยไม่ได้คำนึงถึงการเติบโต และจำนวนของสัตว์ทะเล เหล่านั้น ก็ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสัตว์ทะเลได้ โดยเฉพาะ ปูม้า และปูทะเล ที่ได้รับความนิยมนำมาบริโภค

ซึ่งหากเราไม่ช่วยกันอนุรักษ์ และ เพิ่มจำนวนสัตว์ทะเล ก็อาจทำให้ ปูม้า สูญพันธุ์ไปจากท้องทะเลของประเทศไทยอย่างแน่นอน

ด้าน พชรกฤษฏิ์ ชื่นชม ประธานบริหาร บริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า การจัดกิจกรรม “ปล่อยปู คืนสู่ท้องทะเล” เป็นหนึ่งในนโยบายของทางบริษัท นอกเหนือจากไปจากการเป็นแห่งเงินทุนในการช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ

เพราะเราเล็งเห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรทางทะเล ที่นำไปสู่ความมั่นคงทางด้านอาหาร และเศรษฐกิจของประเทศไทย การปล่อยปูม้า เป็นเสมือนการส่งมอบโอกาส ให้สัตว์ทะเล ได้มีโอกาสเติบโต และแพร่ขยายพันธุ์ เพิ่มจำนวนปูม้าให้มากขึ้น ซึ่ง ปูม้า ถือเป็นหนึ่งในสัตว์เศรษฐกิจสำคัญ

โดยกิจกรรมครั้งนี้ ไม่เพียงช่วยสร้างความยั่งยืนทางด้านอาหารให้กับประชาชน ได้มีอาหารกินอย่างอุดมสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งกิจกรรมที่ทาง พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ หวังว่า จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยการส่งต่อ และส่งมอบโอกาสดี ๆ โดยเฉพาะการสร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้กับประชาชนไปพร้อมกัน

1 of 2

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th