สำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนเกมมิ่งสุดคุ้ม!! อยู่ล่ะก็ ไม่ควรพลาด TECNO POVA 5 Pro 5G สุดยอดเกมมิ่งโฟนที่มาพร้อมสเปคครบเครื่อง และดีไซน์สุดล้ำแบบไม่ธรรมดาในราคาที่ต้องขยี้ตา!! กันหลาย ๆ รอบเลยทีเดียว แต่มันจะดีอย่างไรนั้นลองมาดูกัน…
ใครที่เคยคิดว่า “เทคโน โมบาย“ (Tecno Mobile) นั้นจะไม่ค่อยมีสมาร์ตโฟนที่น่าสนใจแล้ว วันนี้คงต้องกลับมาคิดใหม่แล้ว (แอดมินก็คนหนึ่ง) เพราะการกลับมาทำตลาดสมาร์ตในรอบใหม่ในประเทศไทยครั้งนี้ของ เทคโน โมบาย เรียกได้ว่ามีทิศทางที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการกลับมาในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการขายเครื่องในราคาถูกเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว
แต่ เทคโน โมบาย กลับมาพร้อมความจริงจังในการส่งมอบเครื่องที่มีคุณภาพ และคุ้มค่ากับเงินที่ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ ต้องจ่ายไปในชนิดที่เรียกว่า “บ้าไปแล้ว!!” เพราะโดยส่วนตัวแล้วแอดมินจับเครื่องที่เป็นเกมมิ่งโฟนราคาย่อมเยาว์มาก็หลายเครื่องซึ่งส่วนใหญ่ก็มีคำในใจประมาณว่า “ก็ดีนะ“, “ก็โอเคแหละ“, “ก็ราคาเท่านี้จะเอาอะไรมากมาย”
แต่ๆๆๆๆๆ (อยากแต่ไปอีก 2-3 ร้อยครั้ง) แต่กับเจ้า TECNO POVA 5 Pro 5G (เทคโน โพว่า 5 โปร 5G) เครื่องนี้ คงต้องต้องบอกเลยว่าฉีดทุกคำในใจของแอดมมินกันเลยทีเดียว โดยหลังจากที่ทางทีม ITday ได้รับเครื่องมาทดสอบแว่บแรกที่รู้สึกเลย คือ…กล่องดีไซน์มาได้แปลกใหม่ มีการ Collabs ร่วมกับทาง Garena Free Fire
แล้วก็ไปสะดุดกับสติกเกอร์ Hi–Res Audio ที่แปะอยู่ซึ่งจุดนี้เริ่มทำให้แอดมินเริ่มสนใจเจ้า “เทคโน โพว่า 5 โปร 5G“ แล้ว และหลังจากที่ได้ทดสอบใช้งานแอดมินขอยกให้ เทคโน โพว่า 5 โปร 5G คือ “The Best Gaming Phone Year 2023“ ไปเลยครับ ซึ่งถ้าทุกคนอยากรู้ว่า เทคโน โพว่า 5 โปร 5G มีดียังไง ทำไมแอดมินถึงเวิ้นเวอ่ร์ขนาดนี้ ลองไปอ่านรีวิวกันดีกว่าว่าทำไมแอดมินถึงยกให้เป็นสุดยอดเกมมิ่งโฟน
Review : TECNO POVA 5 Pro 5G “The Best Gaming Phone of the Year 2023” สุดครบเครื่องในดีไซน์สุดล้ำ!! ในราคาที่อุทาน…
ก่อนอื่นต้องบอกก่อเลยว่าเจ้า “เทคโน โพว่า 5 โปร 5G” รุ่นนี้ไม่ใช่เพิ่งเปิดตัวแต่อย่างใด แต่เปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ที่แล้ว แต่แอดมินติดภารกิจเลยไม่ว่างมารีวิวให้แฟน ๆ ของ ITday ได้อ่านกัน ต้องขออภัยอย่างยิ่งยวด กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ จริง ๆ แล้ว “TECNO POVA 5” นั่นออกมาพร้อมกัน 2 รุ่นด้วยกัน คือ “เทคโน โพว่า 5 โปร 5G” และ “เทคโน โพว่า 5“ แต่รุ่นที่ ITday ได้มานั่นถือเป็นตัวท็อปใน “POVA 5 Series“
ซึ่งถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนเกมมิ่งสเปกดุดันจัดเต็มแบบไม่เกรงใจใคร!! (จริง ๆ ก็คือไม่เกรงใจคู่แข่งนั่นล่ะครับ) แบะถือเป็นเกมมิ่งโฟนเพียงไม่กี่รุ่นที่มีอยู่ในตลาดที่อยู่ในเรทราคาไม่เกิน 7,000 บาท และอาจดีกว่าเกมมิ่งโฟนในราคาหลักหมื่นบางรุ่นเสียด้วยซ้ำ
“เทคโน โพว่า 5 โปร 5G” สามารถส่งมอบประสบการณ์ในการเล่นเกมแบบไหลลื่นเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ทำให้ทุกโมเม้นต์ในการใช่งานสะดุดลงอย่างน่าหัวเสียเวลาต้องแข่งขัน หรือในสถานการณ์ที่ชี้ขาดในเกม ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกับก๊วนแก๊งค์เพื่อนสนิท หรือกับทีมก็ตาม
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง TECNO POVA 5 Pro 5G
- ตัวเครื่อง TECNO POVA 5 Pro 5G (ห่อด้วยพลาสติกสกีนชื่อ และสเปกคร่าว ๆ คลุมตัวเครื่อง)
- เข็มจิ้มถาดซิม
- อะแดปเตอร์แปลงไฟขนาด 68W Ultra Charge
- สาย USB Type–C 2.0
- เคสใส (Clear Case)
- หูฟังพอร์ต 3.5 มม.
- การ์ดรหัสโค้ดพิเศษสำหรับเกม Free Fire
- สติ๊กเกอร์ตัวละคร Kenta (มั้งนะ) ซึ่งมีดาบ Katana Cyber Hunter จากเกม Garena Free Fire
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
- ใบรับประกันสินค้า (12+1 เดือน)
สเปคข้อมูล (Specification) : TECNO POVA 5 Pro 5G
- สี : 3 สี ได้แก่ สีดำ Dark Illusion, สีเงิน Silver Fantasy และ Free Fire Edition (อันนี้น่าจะเป็นสีพิเศษที่มีจำหน่ายเฉพาะบางประเทศครับ)
- ขนาด : 168.5 มิลลิเมตร x 76.5 มิลลิเมตร x 9 มิลลิเมตร (ประมาณ 6.63 นิ้้ว x 3.01 นิ้้ว x 0.35 นิ้้ว)
- น้ำหนัก : 212 กรัม (ประมาณ 7.48 ออนซ์)
- เชื่อมต่อโครข่ายสัญญาณ : GSM, HSPA, LTE, 5G
- หน้าจอ : Full HD+ (1080 x 2460 พิกเซล) IPS LCD ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 580 นิต (nit)+Refresh Rate 240Hz
- หน่วยประมวลผล : Mediatek Dimensity 6080 (6 นาโนเมตร)
- หน่วยความจำภายในเครื่อง : RAM 8GB (รองรับ Extended RAM สูงสุด 8GB), ROM 256GB (รองรับ Dedicated Slot : microSDXC เสริม)
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 ที่ทำงานบน HIOS 13 + CPU Octa-core (2×2.4 GHz Cortex-A76 & 6×2.0 GHz Cortex-A55) และ GPU Mali-G57 MC2
- รองรับการเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Dual-band, Bluetooth, USB Type-C 2.0, NFC, FM radio
- กล้องหลัง : กล้องหลัง AI คู่ กล้องหลัก 50 MP+Dual LED flash มีค่า f/1.6 (wide) และ กล้อง AI (Depth) 0.08MP (Auxiliary Lens) รองรับความสามารถในการบันทึกวีดีโออยู่ที่ความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ระดับ 1440p/30 เฟรมเรตต่อวินาที
- กล้องหน้า : กล้องหน้า 16MP+LED flash มีค่า f/2.0, (wide) รองรับความสามารถในการบันทึกวีดีโออยู่ที่ความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ระดับ 1080p/30 เฟรมเรตต่อวินาที
- รองรับระบบซิม : Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
- เสียง : ลำโพงคู่ DTS 24-bit/192kHz รองรับ Hi-Res Audio, มีช่องหูฟัง (Jack Ear Phone) ขนาด 3.5 มม.
- ระบบความปลอดภัย : ระบบจดจำลายนิ้วมือ Fingerprint (side-mounted), ระบบตรจจับความผิดปกติ Unspecified Sensors, ระบบจดจำ และปลดล็อคด้วยใบหน้า (Face ID), ระบบปลดล็อคตัวเลข 6 หลัก (Pin) และระบบระบายความร้อน (Liquid Cooling)
- ระบบบูสเตอร์ และระบบสนับสนุนการใช้งาน : รองรับระบบ Bypass Charge, รองรับระบบใช้งานหลายแอปฯพร้อมกันสูงสุดถึง 4 หน้าต่าง (Lightning Multi-Window 4.0)
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 68W รองรับการชาร์จ 50% ภายใน 15 นาที (advertised), รองรับการชาร์จย้อนกลับ 10W
- ราคา : 6,990 บาท
การออกแบบ (design)
ด้านการอกแบบดีไซน์ตัวกล่อง (Packaging Design) นั้น (เมื่อหันด้านปลายสามเหลี่ยมเข้าหาตัว) “เทคโน โพว่า 5 โปร 5G“ถูกออกแบบตัวกล่องมาในรูปทรงสามเหลี่ยม ห่อหุ่มซีลพลาสติกกล่องแบบใสมาตัวตัวกล่อง และมีการพิมพ์ลายตัวละคร Kenta จากเกม Garena Free Fire มี logo “TECNO“ อยู่ที่ด้านบนทางขวา
พร้อมมีสติกเกอร์ Hi–Res Audio ที่แปะอยู่ทางด้านบนทางซ้าย ส่วนด้านล่างทางซ้ายมีสติกเกอร์บอกสเปกของตัวเครื่องคร่าว ๆ เพื่อให้รู้ว่าเรา้ได้เครื่องที่มีหนุ่วยความจำรุ่นไหนมาใช่รุ่นที่เลือกเอาไว้ หรือไม่ ส่วนทางฝั่งขวาตัวกล่องมีการพิมพ์ลายตัวเครื่องของรุ่นพร้อม logo Free Fire ที่ด้านมุมบนซ้าย และถัดลงมาเป็นลายพิมพ์
68W Ultra Charge ซึ่งอยู่เหนือรูปพิมพ์ตัวเครื่องเล็กน้อย ขณะที่ด้านฝั่งขวามีการพิมพ์ชื่อรุ่น “POVA 5 Pro 5G“ ยาวมาตัวแต่ด้านบนไปจนถึงด้านล่าง ขณะที่ด้านหลังด้านบนจะมีการแปะสติกเกอร์สีเทาที่ระบุสเปกเครื่องเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นความจูของแบตเตอรี่, พลังในการชาร์จไฟ, ชิปเซ็ต, ขนาดหน้าจอ, อันตรารีเฟรชเรท และความละเอียดของกล้องหลักเอาไว้
ส่วนด้านล่างทางขวาจะมีสกติกเกอร์ลายน้ำของ Free Fire และ QR Code เอาไว้เหนือคำพิมพ์ “Garena. All Rights Reerved.” และทางซ้ายล่างจะเป็นคำพิมพ์ www.tecno–mobile.com/spot.tecno.com ส่วนตรงกลางล่างจะพิมพ์คำว่า “HiOS runs on Android™ OS. Android is a trademark of Google LLC.” ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้า และการยืนยันว่าตัวเครืองนี้ทำงานบนระบบของของกูเกิลเอาไว้
เมื่อฉีกซีลพลาสติกกล่องออกการนำตัวกล่องซึ่งเป็นกระดาษแข็งด้านในนั้นสามารถดันออกได้ทั้งจากด้านบน หรือด้านล่าวก็ได้ โดยตัวกล่องที่เ็นกระดาษแข็งด้านในนั้นก็พิมพ์สีเอาไว้ด้วยเช่นกันเป็นการพิมพ์ลงตัวกระดาษที่มีลวดลายในรูปแบบ 2 สี ได้แก่ สีขาว และสีน้ำเงินกรมเข้ม ซึ่งในส่วนของครึ่งที่เป็นสีขาวจะมีการพิมพ์ลาย “5 Pro 5G” ตัวใหญ่ และ logo “TECNO“ ที่ด้านบนทั้ง ทั้ง 2 ฝั่ง
ขณะในส่วนด้านที่เป็นสีน้ำเงินกรมเข้มจะพิมพ์คำว่า “POVA“ สีขาว ทั้ง 2 ฝั่ง เช่นกัน ส่วนด้านหลังจะเป็นการพิมพ์สีสลับกันกับด้านหน้าครับโดยเป็นสีน้ำเงินกรมเข้มที่ครึ่งบน และสีขาว ที่ครึ่งล่าง และมีเทปกาวแปะเอาไว้ในส่วนที่ต้องเปิดดูตัวเครื่องครับ
แกะกล่องลองใช้งาน (Unpack the box)
ซึ่งสีที่เราได้มารีวิวนี้จะเป็นสีดำ Dark Illusion เปิดตัวกล่องจะพบกับตัวเครื่องนั้นมีหน้าจอที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่จับเต็มมือ โดยตัวเครื่องนั้นมาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.78 นิ้ว ที่สามารถแสดงผลได้แบบ Full HD+ (1080 x 2460 พิกเซล)
และมีอัตราการตอบสนองต่อการกด หรือสัมผัสสั่งการ (Touch Sampling Rate) ที่ 240Hz และการแสดงภาพต่อวินาที (Refresh Rate) อยู่ที่ 120Hz กันเลยที่เดียว ทำให้การแสดงผลเป็นไปอย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะสั่งงาน หรือใช้งานแบบไหนก็ตาม
ขณะที่ในส่วนของตัวเครื่องด้านหลังเมื่อลิกกลับมาดูก็จะพบว่ามีลวดลายดีไซน์ที่ทันสมัยไม่ และมีการติดตั้งระบบการผสมสีไฟ 3 สี Red, Green และ Blue หรือ RGB แบบดีไซน์ลายเล้นไล่ตั้งแต่ขอบซ้านกล้องไปขวาจนไปถึงกลางเครื่องที่สามารถเปลี่ยนสีถึง 9 สี มาให้ด้วย
ทำให้ทั้งเวลาเปิดเครื่อง, เวลาชาร์จ, เวลาเล่นเกม, สายเรียกเข้า, เจ้งเตือนเวลาแบตใกล้หมด, ฟังเพลง หรือการรับข้อความ (แต่จะไม่สามารถกำหนดสีได้เองในแต่ละโหมดครับ) ซึ่งตรงจุดนี้แม้ว่าเราจะคว่ำเครื่องอยู่ (ตราบใดที่ไม่ใส่เคสทึบ) เราก็สามารถรู้ได้ครับว่าตอนนี้สถานะเครื่องคืออะไร โดยใช้สังเกตเอาจากแสงสีที่แสดงออกมาครับ
ด้านประสิทธิภาพในการแสดงผลที่นั้น “เทคโน โพว่า 5 โปร 5G” ก็สามารถเรียกได้ว่าจัดเต็มกันแบบไม่มีกั๊กสเปกกันเลยโดยตัวเครื่องมาพร้อมกับหน้าจอ IPS LCD ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว แบบ Full HD+ (1080 x 2460 พิกเซล) ที่มอบความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 580 นิต (nit) ทำให้สามารถใช้งานได้ดีแม้จะอยู่ในที่ที่มีแสงน้อย
หรือแม้แต่ในที่ที่มีแสงดดจ้าจนเกินไปครับ และยังสามารถมอบประสบการณ์การใช้งานในเรื่องของความบันเทิงได้อย่างไม่มีสะดุดด้วยชิปหน่วยประมวลผลของ Mediatek Dimensity 6080 (6 นาโนเมตร) นอกจากนี้ตัวเครืองยังมาพร้อมกับ UI และธีมตัวเครื่องที่เป็นเกม Free Fire
ตั้งแต่ไอคอน วอลล์เปเปอร์ เสียงเรียกเข้า และการแจ้งเตือนเลย มาด้วยครับ ตรงถือว่าน่าจะโดนใจเหล่าแฟน ๆ เกม Free Fire เป็นอย่างมาก
นอกจากนนี้หากเรายังรู้สึกว่าการตั้งค่าพื้นฐนที่มากับเครื่องนั้นยังไม่ตอบโจทย์การใช้งานเราามารถเข้าไปตั้งค่าต่าง ๆ เองได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่า หรือ ปิด-เปิด ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากครับ
นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีหน่วยความจำภายในเครื่อง (ตัวเครื่องทดสอบ) ด้วย RAM 8GB ซึ่งสามารถรองรับหน่วยความจำจากภายนอก Extended RAM ได้อีก 8GB และ ROM 256GB ขณะที่ความสามารถในการรองรับการใส่ซิมการ์ดนั้นตัวเครื่องสามารถใส่ซิมการ์ด 5G ได้ 2 ซิม โดยเป็นแบบ Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by) ซึ่งเราสามารถกำหนดได้ว่าจะให้ซิมไหนทำงานรับข้อมูล หรือซิมไหนจะเน้นโทร หรือจะเปิดใช้ทั้ง 2 เลยก็ได้ครับ
และมีช่องรองรับ microSDXC เสริมได้ทำให้หมดห่วงไปเลยว่าถ้าใช้งานหนัก ๆ แล้วเคื่องจะมีความจุเพียงพอ หรือไม่ ขณะที่ในส่วนของพลังงานก็มีมาให้เหลือ ๆ ครับ เพราะตัวเครื่องมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh ที่รองรับชาร์จไวแบบ 68W มาให้ด้วย โดยเท่าที่ลองชาร์จใน 15 นาที ก็ได้พลังงานในแบตเตอรี่มาเกือบ 50% ของความจุแบตฯแล้ว
ในส่วนของการใช้งานในด้านการถ่ายภาพ และวิดีโอ นั้น “เทคโน โพว่า 5 โปร 5G” ก็ถือว่าไม่แย่ซักเท่าไร แม้อาจจะพูดไม่ได้ว่าเป็นรุ่นที่ถ่ายภาพ หรือบันทึกภาพดีที่สุด แต่ก็ไม่ขี้เหร่เลยครับพอใช้งานได้ดีพอสมควร เพราะตัวเครื่องนั้นมาพร้อมกับกล้องหลัง AI คู่ โดยมี กล้องหลักมีความละเอียดที่ 50 MP+Dual LED flash
มีค่า f/1.6 (wide) และ กล้อง AI (Depth) 0.08MP (Auxiliary Lens) รองรับความสามารถในการบันทึกวีดีโออยู่ที่ความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ระดับ 1440p/30 เฟรมเรตต่อวินาที รองรับความสามารถในการบันทึกวีดีโออยู่ที่ความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ระดับ 1080p/30 เฟรมเรตต่อวินาที ซึ่งในจุดนี้ในส่วนตัวของฟีเจอร์ที่แถมมาให้ในโหมดการบันทึกวีดีโอเองก็มีรูปแบบสำเร็จรูปมาให้เลือกใช้มากมาย
อาทิ เอฟเฟกต์ประสิทธิภาพ, เอฟเฟกต์การเดินทาง, เอฟเฟกต์วินเทจ, เอฟเฟกต์ครอบครัว, เอฟเฟกต์ถนน, เอฟเฟกต์ซุเปอร์สตาร์, เอฟเฟกต์จังหวะ, เอฟเฟกต์กีฬา, เอฟเฟกต์งานเลี้ยง และเอฟเฟกต์การเคลื่อนไหว และมีฟีเจอร์การถ่ายทั้ง โหมดบิ้วตี้, โหมดถ่ายรูปบุคคล และโหมดถ่ายภาพในที่แสงน้อย มาให้ อีกทั้งยังมีโหมดโทนสีของภาพมาให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โทนป่าไม้, โทนสด, โทนภาพเลื่อน, โทนธรรมชาติ, โทนทารก, โทนสีฟ้า, โทนเปลวไฟ และโทนโมโน
ส่วนกล้องหน้านั้นมาพร้อมกับความละเอียด 16MP+LED flash มีค่า f/2.0 (wide) รองรับความสามารถในการบันทึกวีดีโออยู่ที่ความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ระดับ 1080p/30 เฟรมเรตต่อวินาที เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว ถือว่า “เทคโน โพว่า 5 โปร 5G” สามารถใช้งานในด้านถ่ายภาพ หรือบันทึกภาพทำให้เรื่องของฟังก์ชั่นโดยรวมอยู่ในระดับที่พอใช้ จนถึงเกือบดีเลยครับ
นอกจากนี้ “เทคโน โพว่า 5 โปร 5G“ ยังติดตั้งลำโพงมาให้ 2 ตัว ที่รองรับระบบเสียง DTS และ Hi–Res Audio โดยเป็นลำโพงแบบฝังทั้งด้านบน และด้านท้ายของตัวเครื่องมาให้ ซึ่งตัวคุณภาพเสียงคงต้องบอกว่าดังคมชัดแบบไม่ต้องต่อลำโพงก็ชัดเจนเพียงพอครับ ไม่ว่าเราจะให้ ดูหนัง, ฟังเพลง หรือเล่นเกมส์
คุณภาพเสียงก็ชัดเจนแทบไม่แตกต่างกันครับ ด้านฟังก์ชั่นในการควบคุมนั้นก็เหมือน ๆ กับมือถือรุ่นอื่น ๆ ทั่วไปครับ โดยตัวควบคุมเสียง และปุ่มเพาเวอร์นั้นจะอยู่ เรียงกันที่ด้านขวาของตัวเครื่อง และช่องใส่ซิมแบบ Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by) จะอยู่ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องด้านบนครับ
โดยตัวปุ่มเพาเวอร์ที่ใช้ปิด-เปิดเครื่องนั้นยังมาพร้อมกับระบบจดจำลายนิ้วมือ Fingerprint (side-mounted) ทำให้เราสามารถตั้งค่าความปลอดภัยนอกเหนือการใช้ระบบปลดล็อคตัวเลข 6 หลัก (Pin) หรือ ระบบจดจำ และปลดล็อคด้วยใบหน้า (Face ID) ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าล็อคกันแบบ 3 ชั้น ไม่ให้คนอื่นเข้าให้งานกันได้ง่าย ๆ กันเลยทีเดียว
โดยภาพรวมของดีไชน์เฉพาะในส่วนของตัวเครื่องนั้นจะมีดีไซน์ลวยลายทรงเลขคณิตที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว มีการจัดวางได้อย่างพอดีไม่ว่าจะเป็นตำปหน่งของของกล้องที่มีความสูงจากตัวบอดี้ไม่มาก ขณะที่ด้านข้างก็มีดีไซน์ที่โค้งมนเล็กน้อย ไม่มีคมให้จับแล้วเจ็บมือแต่อย่างใด
และด้านทางท้ายตัวเครื่องก็มีช่องชาร์จไฟแบบ USB Type–C 2.0 มาให้ ซึ่งทำให้สะดวกมากขึ้นเพราะสมาร์ตโฟน Android ส่วนมาก็ใช้ทำให้เราใช้ร่วมกับสายชาร์จอื่นได้ในกรณีที่เราไม่อยากพกสายชาร์จเยอะ ๆ (แต่ถ้าอยากชาร์จเร็วก็อาจจะต้องใช้สาย และอะแดปเตอร์แท้ด้วยนะครับ)
พร้อมกันนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับช่องหูฟังพอร์ตขนาด 3.5 มม. อีกด้วยเพื่อในกรณีที่เราไม่ต้องการใช้ลำโพงเพราะอาจไปรบกวนคนอื่น ๆ เราก็ยังสามารถฟังเสียงคุณภาพจากระบบเสียง DTS และ Hi–Res Audio ได้นั่นเอง ซึ่ง เทคโน โมบาย เองก็ใส่หูฟังมาให้ในกล่องให้ด้วย
โดยที่กล่าวไปทั้งหมดเราอาจจะคิดว่าตัวเครื่องน่าจะมีน้ำหนักมากใช้มั้ยครับ แต่ป่าวเลยตัวเครื่องมีน้ำหนักโดยรวมอยู่แค่ 212 กรัม (ประมาณ 7.48 ออนซ์) เท่านั้นเองครับ เรียกได้ว่าเบาจนแทบไม่รู้สึกว่าลำบากในการพกพาเลย
ข้อสรุปการใช้งานหลังจากทดสอบ (Usage Summary)
จากการทดสอบมาเป็นระยะเวลาหนึ่งคงต้องย้ำว่า “เทคโน โพว่า 5 โปร 5G“ คือเกมมิ่งโฟนแห่งปี 2566 ของแท้ และคุ่มค่าต่อเงินทุกบาท ที่จ่ายไปอย่างแท้จริง เพราะนอกจากตัวเครื่องจะอักสเปกเครื่องมาให้แบบจุก ๆ กันแล้ว ยังมีระบบสนับสนุนการใช้งานที่ช่วยเซฟให้เครื่องสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง และปลอดภัยมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการมีระบบจดจำลายนิ้วมือ Fingerprint (side-mounted) ทำให้เราสามารถตั้งค่าความปลอดภัย และระบบปลดล็อคตัวเลข 6 หลัก (Pin) หรือ ระบบจดจำ และปลดล็อคด้วยใบหน้า (Face ID) แล้ว ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับระบบบูสเตอร์แบบ (Bypass Charge)
หรือ ระบบระบายความร้อน (Liquid Cooling) เข้ามาให้ด้วย ทำให้ผู้ใช้งานหมดกังวลไปได้เลย เนื่องจากตัวระบบจะช่วยกระจายไอร้อน และควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เครื่องเกิดอาการน็อคจนดับจนทำให้ต้องหยุดการใช้งานลง หรือเอาเครื่องไปจ่อแอร์เพื่อให้เย็นลงเหมือนที่สมาร์ทโฟนรุ่นก่อน ๆ เคยเป็นกัน
ด้านประสิทธิภาพในการทำงานก็หมดห่วงเพราะด้วย Mediatek Dimensity 6080 และ RAM 8GB+ROM 256GB (รองรับการเพิ่มหน่วยความจำจากภายนอก) ก็ถือว่าเหลือ ๆ แล้วครับ (ถ้าไม่โหลดเกมหนัก ๆ หรือไฟล์ใหญ่เกินไป) ขณะที่ในส่วนของการแสดงภาพ สี และเสียง
ก็ถือว่าทำออกมาให้ดีจนแทบไม่อยากเชื่อว่านี้คือเกมมิ่งโฟนที่มีราคาไม่ถึง 7,000 บาท อีกทั้งยังมาพร้อมความจุแบตเตอรี่ถึง 5000mAh มำให้ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูวิดีโอ หรือจะสนทนาต่อเนื่องนาน ๆ ก็ทำได้ยาว ๆ แบบไม่ต้องต้องกังวล
และเมื่อพิจารณาถึงความสามารถ 68W Ultra Charge ที่ช่วยให้ชาร์จพลังงานในแบตเตอรี่ 50% ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เข้าไปด้วยแล้วล่ะก็ก็ต้องบอกเลยว่าเล่น หรือใช้งานกันได้ยาว ๆ ต่อเนื่อง โดยไม่ต้องสนใจว่าพลังงานจะหมดจนทำให้เสียอารมย์กันเลยทีเดียว
แต่หาถามว่าจะติตรงไหนก็คงบอกว่ามีไม่กี่เรื่อง เรื่องแรก คือการที่ตัวเครื่องเป็นการออกแบบดีไซน์มาด้วยการเคลือบผิวแบบไม่นำไฟฟ้าแบบเงา ๆ มา ดูเผินก็เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่ส่วนตัวแอดมินค่อนข้างจะหงุดหงิดเนื่องจากมันทำให้ตัวเครื่องเปื้อนได้ง่ายมากครับ หากไม่มั่นเช็ดเราจะได้เห็นตัวเครื่องมีทั้งฝุ่น และรอยนิ้วมือ
รวมถึงคราบมันเต็มไปหมดซึ่งมันบังความสวยที่ออกแบบมา (แต่ถ้าไม่ซีเรียลก็ไม่น่าเป็นอะไรครับ) เรื่องที่สองคือ ในส่วนของการที่ไม่สามารถกำหนดสี RGB ได้เองในแต่ละโหมดครับ ซึ่งตรงจุดนี้น่าเสียดายมากเพราะหากตั้งได้มันจะสุดยอดมาก ๆ ครับ
ข้อดี–ข้อเสีย
ข้อดี
- มาพร้อมกับหน้าจอ IPS LCD ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว แบบ Full HD+ ที่มอบความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 580 นิต
- มาพร้อมขุมพลังจาก Mediatek Dimensity 6080 (6 นาโนเมตร)
- มีหน่วยความจำภายในเครื่อง RAM 8GB+ROM 256GB (รองรับการเพิ่มหน่วยความจำจากภายนอก)
- มีระบบความปลอดภัย 3 แบบ ทั้ง ระบบจดจำลายนิ้วมือ Fingerprint (side-mounted) ระบบปลดล็อคตัวเลข 6 หลัก (Pin) หรือ ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า (Face ID)
- มีระบบระบบบูสเตอร์แบบ (Bypass Charge) และ ระบบระบายความร้อน (Liquid Cooling)
- รองรับระบบเสียง DTS และ Hi-Res Audio
- มีแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ที่รองรับการชาร์จไวแบบ 68W Ultra Charge ที่ช่วยให้ชาร์จพลังงานในแบตเตอรี่ 50% ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ข้อเสีย
- ดีไซน์ที่เคลือบผิวแบบไม่นำไฟฟ้าแบบเงาทำให้ตัวเครื่องเปื้อนได้ง่าย
- ไม่สามารถกำหนดสี RGB ได้เองในแต่ละโหมดได้
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A **** ขอขอบคุณสถานที่ : ร้าน Zenday
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th