Thailand Post จับมือ Lao Post ตั้งเป้าก้าวสู่ผู้นำสินค้าเส้นทาง “เวียงจันทน์-คุนหมิง”

Thailand Post

ไปรษณีย์ไทย (Thailand Post) จับมือ รัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาว (Entreprise des Postes Lao : ปนล) ปั้นแผนเชื่อมพื้นที่ก้าวสู่ผู้นำสินค้าเส้นทางผ่านรถไฟเร็วสูง “เวียงจันทน์-คุนหมิง” พร้อมประเดิมนำสินค้าลาวขึ้น thailandpostmart.com เจาะกำลังซื้อท้องถิ่น…

highlight

  • ไปรษณีย์ไทย เชื่อมศักยภาพขนส่ง “ไทย-ลาว” เตรียมเดินหน้าปั้นแผนเชื่อมพื้นที่ อีสานสู่จีน ผ่านรถไฟเร็ว “เวียงจันทน์-คุนหมิง” เจาะกำลังซื้อท้องถิ่น เพื่อขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีน และยังได้ยกระดับค้าปลีก- อีคอมเมิร์ซ เช่น การนำสินค้าท้องถิ่นของ สปป.ลาว มาจำหน่ายบนเว็บไซต์ thailandpostmart.com การนำอาหารทะเลสด/แห้งมาจำหน่ายด้วยบริการฟิ้วซ์ โพสต์ บริการการเงินรูปแบบใหม่ เช่น eWallet และบริการจ่ายเงินปลายทาง (COD) ระหว่างประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของการค้าระหว่างประเทศ
  • เตรียมแผนในการดำเนินงานของปี 2566 เพื่อให้ ไปรษณีย์ไทย ก้าวสู่ “ผู้ให้บริการไปรษณีย์ และโลจิสติก์ครบวงจร-ยั่งยืนตามมาตราฐานสากลด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล” ผ่านเทคโนโลยีสุดล้ำ 4 โซลูชั่น ได้แก่ 1.โซลูชัน Global Cross Border Service, โซลูชันด้านการขนส่งด้วยดาต้า, โซลูชันด้านการขนส่งที่สร้างความพึงพอใจในระดับสูงสุดด้วยมาตรการ “Zero Complain” และ โซลูชันเสริมแกร่งเครือข่าย “พันธมิตรธุรกิจไปรษณีย์ไทย” พร้อมเป้าหมายในปี 2566 คือการอยู่เคียงข้างคนไทยในฐานะ “หน่วยงานการสื่อสาร และขนส่งของชาติ”

Thailand Post จับมือ Lao Post ตั้งเป้าก้าวสู่ผู้นำสินค้าเส้นทาง “เวียงจันทน์คุนหมิง

Thailand Post
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริการขนส่งข้ามพรมแดนเป็นหนึ่งในธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับไปรษณีย์ไทยและผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในกลุ่มค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ ซึ่งหนึ่งในปลายทางที่มีโอกาสในการสร้างรายได้ในปัจจุบัน-อนาคต

ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เนื่องจากให้ความนิยมสำหรับการเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตจากไทย อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง มีการเปิดรับการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงการเปิดพื้นที่เพื่อรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจหลายประเภท

ทั้งนี้ เพื่ออาศัยประโยชน์จาก สปป.ลาวให้มากยิ่งขึ้น ล่าสุดไปรษณีย์ไทยจึงได้เดินหน้าสร้างความร่วมมือทางด้านขนส่งกับรัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาว (Entreprise des Postes Lao : ปนล) เพื่อกระตุ้นให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศมีความคึกคัก

รวมถึงขยายตลาดสินค้าประเภทต่าง ๆ ไปสู่หัวเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเพิ่มศักยภาพของทั้ง 2 หน่วยงานด้วยแนวทางที่สำคัญ ดังนี้

Thailand Post

ด้านความร่วมมือเส้นทางขนส่ง ได้เร่งหารือถึงความเป็นไปได้ในการขนส่งทางราง และทางภาคพื้นในเส้นทางลาว-คุนหมิง เพื่อรองรับการขนส่งข้ามแดนที่รวดเร็ว เช่น สินค้าทางการเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค จากไทยผ่านลาวไปถึงจีน และต้นทางจีนผ่านลาวมายังไทย โดยเป็นการหารือแบบพหุภาคีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากไทย สปป.ลาว,

เวียดนาม และจีน ซึ่งหากในอนาคตสามารถใช้การขนส่งทางรถไฟได้จะทำให้การขนส่งทั้ง 3 ประเทศมีความสะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อไปยังปลายทางยุโรป ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาระวางขนส่งอากาศซึ่งมีจำกัดและอัตราค่าขนส่งค่อนข้างสูงได้อีกด้วย

นอกจากนี้ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ดีขึ้น ได้มีการเปิดพรมแดนระหว่างไทยและ สปป.ลาว ทำให้สามารถเปิดให้บริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศทางภาคพื้นได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น บริการไปรษณียภัณฑ์ บริการพัสดุไปรษณีย์

โดยทั้ง 2 ประเทศจะแลกเปลี่ยนถุงไปรษณีย์ ณ บริเวณด่านตรวจ คนเข้าเมืองสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 แลกกัน 2 วัน / สัปดาห์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถ ทำการค้าได้สะดวกสบายกว่าเดิม

Thailand Post

ด้านการขายสินค้าอีคอมเมิร์ซ ด้วยการนำสินค้าท้องถิ่นของ สปป.ลาว มาจำหน่ายบนเว็บไซต์ thailandpostmart.com ของไปรษณีย์ไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างคัดเลือกสินค้า เช่น งานคราฟท์ กาแฟ สินค้าหัตถกรรมจากไม้ ผ้าทอมือ ฯลฯ

โดยจะเน้นกลุ่มสินค้าที่มีเรื่องราวหรือความน่าสนใจทั้งในเชิงการผลิต แหล่งที่มา อัตลักษณ์ของสินค้า รวมถึงการทำการตลาด-ขนส่งให้กับสินค้าไทยที่ต้องการขยายไปสู่ สปป.ลาว การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในด้านตลาดตราไปรษณียากร และสิ่งสะสม

นอกจากนี้ ยังจะมีการนำอาหารทะเลสด/ แห้งที่เป็นที่ต้องการของชาว สปป.ลาว มาจำหน่ายผ่านช่องทางไปรษณีย์ด้วยบริการฟิ้วซ์ โพสต์ ซึ่งสามารถส่งอาหารทะเลให้ได้ทั้งแบบรถห้องเย็น และบรรจุภัณฑ์ที่ควบคุมอุณหภูมิ โดยจะมีการพิจารณาเรื่องพื้นที่ที่สามารถรับไปจัดจำหน่ายต่อเพื่อให้สามารถรักษาคุณภาพอาหารได้

บริการการเงิน ทั้ง 2 หน่วยงานได้เตรียมพัฒนาบริการการเงินในรูปแบบใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตของการค้าระหว่างประเทศ และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เช่น การจ่ายเงินผ่านแอปลิเคชัน หรือ eWallet และบริการจ่ายเงินปลายทาง (COD) ระหว่างประเทศ

ซึ่งจะทำให้สะดวกต่อการค้าขายกับผู้ประกอบธุรกิจ ผู้ซื้อ และส่งเสริมให้เศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตได้เร็วขึ้นกับทั้ง 2 ประเทศ

Thailand Post

การเพิ่มรูปแบบบริการขนส่ง ปัจจุบัน สปป.ลาว และไทยมีการให้บริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ได้แก่ บริการไปรษณียภัณฑ์ บริการ EMS World บริการพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศทั้งทางอากาศ และทางภาคพื้น และล่าสุดได้เปิดบริการ ePacket การส่งสิ่งของที่เป็นซองหรือกล่องน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัมในราคาประหยัด

เพื่อรองรับลูกค้าทั้งที่เป็นรายย่อย และ SMEs ให้เกิดความคุ้มทุนในด้าน ค่าขนส่ง รวมถึงยังศึกษาบริการ ePacket Plus ซึ่งเป็นบริการเสริมเพื่อรับประกันความเสียหาย และสร้างความเชื่อมั่นในบริการให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น

Thailand Post

นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังได้ลงนามความร่วมมือกับรัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาวซึ่งจะร่วมกันพัฒนาบุคลากรทั้ง 2 ชาติให้มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีและการขนส่ง การแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สำคัญในด้านการตลาด องค์ความรู้ การปรับปรุงเครือข่ายเพื่อยกระดับการค้าอีคอมเมิร์ซ

รวมถึงในมิติที่สำคัญอย่างการสำรวจรูปแบบการขนส่งที่มีศักยภาพและคุ้มค่า ทั้งทางถนน ทางรถไฟ น่านน้ำ เพื่อนำทุกเส้นทางมาเชื่อมต่อกับรูปแบบการขนส่งให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

Thailand Post

“ปัจจัยการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เติบโตขึ้น โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่นอกจากการค้าขายภายในประเทศจะเติบโตแล้ว การค้าขายระหว่างประเทศก็เติบโตเช่นเดียวกัน โดยไปรษณีย์ไทยมีบริการที่รองรับรูปแบบการขนส่งไปยังปลายทางต่างประเทศ รวมทั้งปลายทางสปป.ลาว ที่หลากหลาย

ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งบริการ EMS World ePacket ไปรษณียภัณฑ์ พัสดุไปรษณีย์ และการขนส่งทางบกผ่านพรมแดน และมั่นใจว่า สปป.ลาวจะเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั้งในเชิงการค้า เส้นทางที่สำคัญในการขนส่งสิ่งของไปสู่เมืองต่าง ๆ ในสปป.ลาว

รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงอย่างเวียดนาม และจีน อีกทั้งการเปิดรับเทคโนโลยีทางด้านระบบไปรษณีย์ใหม่ ๆ ของสปป.ลาว ยังจะช่วยทำให้รูปแบบ และบริการขนส่งมีความครอบคลุม และได้รับประโยชน์ทั้งห่วงโซ่อุปทาน” ดร.ดนันท์ กล่าว

Thailand Post

สร้างโอกาสการเติบโตให้ผู้ประกอบการ “ไทยลาว” ด้วยการขนส่งเส้นทางเศรษฐกิจ และบริการด้านการเงินที่ครบวงจร

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือกันในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ทั้ง ปัจจุบัน-อนาคต เนื่องจากสปป.ลาว เนื่องจากนิยมสินค้าของไทย อีกทั้งยังมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องเมื่อเกิดการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์

ซึ่งถือเป้นการเปิดพื้นที่ของบริการขนส่งข้ามพรมแดนที่สร้างรายได้ให้กับไปรษณีย์ไทย และผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะในกลุ่มค้าปลีก และอีคอมเมิร์ซ ที่มีการเติบโตสูงโดยใน thailandpostmart.com ปัจจุบันมีร้านค้ามากกว่า 1.7 หมื่นร้านค้าแล้ว  ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกมากเนื่องเมื่อช่วง พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

Thailand Post

ไปรษณีย์ไทยเองก็ได้ร่วมมือ SME D Bank เปิดตัว สินเชื่อ COD ไปรษณีย์ไทย เพื่อช่วยพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เสริมสภาพคล่องด้านการเงินมากขึ้น แม้ว่าบริการนี้จะยังไม่ร่วมถึงความร่วมมือในครั้งนี้ เพราะเรายังไม่คุยกับทาง SME D Bank แต่ถึงอย่างนั้นทาง รัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาว (Entreprise des Postes Lao : ปนล) เองก็มีแหล่งเงินทุนสนับสนุนอยู่แล้ว

ซึ่งสินค้าจาก สปป.ลาว นั้นจะเริ่มขึ้นไปอยู่ใน thailandpostmart.com ช่วงไตรมาสที่ 2 โดยปัจจุบันอยู่ในการคัดเลือกสินค้าที่เหมาะสมอยู่ ความร่วมมือในครั้งนี้ยังถือเป็นการเสริมบริการของไปรษณีย์ไทยในด้านการเงินที่ตอบโจทย์ พีน้องชาวลาวที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยอีกด้วย

เพราะช่วยให้สามารถฝากเงินผ่านไปรษณีย์ไทย ไปยัง รัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาว (Entreprise des Postes Lao : ปนล) โดยไม่ต้องผ่านผู้ให้บริการเอกชนที่มีค่าบริการที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้การเพิ่มรูปแบบบริการขนส่งทางรางระหว่างทั้ง 2 ประเทศนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนส่งทางอากาศที่ค่อนข้างสูง

Thailand Post

แต่จะทำให้ต้นทุนการขนส่งลดลงกว่า 20% เมื่อใช้วีิธีการขน่งผ่านราง และยังถือเป็นโอกาสในการเติบโตให้ธุรกิจในประเทศต่าง ๆ ที่อยู่บนเส้นทาง เวียงจันทน์คุนหมิง อีกด้วย โดยเราเชื่อเมื่อความรวมมือในครั้งนี้ผ่านประสบความสำเร็จจะสร้างการเติบโตของบริการการขนส่งไม่น้อยกว่า 5% ภายในสิ้นปี 2566

เตรียมส่ง 4 โซลูชั่นพลิกโฉมบริการให้คนคนไทยภายในปี 66

Thailand Post

​”ธุรกิจโลจิสติกส์ยังคงเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มค้าปลีก และอีคอมเมิร์ซ และเพื่อเป็นการยกระดับการขนส่ง และโจจิสติกส์ในปี 2566 ให้สามารถเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจทุกระดับ รวมถึงทั่วโลกได้มากขึ้น” ดร.ดนันท์ กล่าว

นอกเหนือ่จากความร่วมมือระหว่าง ไทยลาว แล้ว ไปรษณีย์ไทย ยังได้เตรียมแผนในการดำเนินงานของปี 2566 เพื่อให้ ไปรษณีย์ไทย ก้าวสู่ ผู้ให้บริการไปรษณีย์ และโลจิสติก์ครบวงจรยั่งยืนตามมาตราฐานสากลด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านเทคโนโลยีสุดล้ำ 4 โซลูชั่น ได้แก่

1.โซลูชัน Global Cross Border Service จะเป็นบริการขนส่ง และโลจิสติกส์แบบครบวงจร ที่มุ่งเชื่อมโยงธุรกิจไทยไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก และมีบริการคลังสินค้าค้าพร้อมจัดส่ง (Fulfillment) ระหว่างประเทศบนพื้นที่เขตปลอดอากรกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

พัฒนาโครงการคลังสินค้าบริการระหว่างประเทศ (Bonded Warehouse) บริการอื่น ๆ เช่น EMS World ePacket ระหว่างประเทศ การลดขั้นตอนที่ผู้ประกอบการไม่ต้องดำเนินการด้วยตนเอง เช่น พิธีทางศุลกากร พร้อมทั้งการดึงพันธมิตรระดับโลก

เช่น อีเบย์ อะเมซอน มาเป็นช่องทางค้าขายให้กับอีคอมเมิร์ซไทย รวมถึงใช้ประโยชน์จากเครือข่ายทั้งทางภาคพื้น ระบบราง เรือ และอากาศ เชื่อมต่อกับทุกกลุ่มธุรกิจ

Thailand Post

2.โซลูชันด้านการขนส่งด้วยดาต้า ผ่านการนำข้อมูลที่ไหลเวียนทั้งหมดในองค์กรมาใช้สร้างและเสริมศักยภาพของบริการ ซึ่งจะมีปรากฏการณ์ที่สำคัญ เช่น การพัฒนาระบบจัดการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร (Prompt Post) บริการประทับรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Timestamp)

บริการพิสูจน์ และยืนยันตัวตน (KYC) การใช้พื้นที่คลังไปรษณีย์ที่มีอยู่ทั่วประเทศเปิดเป็นพื้นที่ให้บริการ Fulfillment ระดับจังหวัด ระบบหลังบ้านที่ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าที่รวดเร็วและมีมาตรฐาน การเป็นตัวแทนขายสินค้าให้กับธุรกิจค้าปลีก / รับชำระค่าบริการต่าง ๆ ถึงหน้าบ้าน

รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาระบบ CRM และ Big Data เพื่อรวบรวมข้อมูลของลูกค้าในทุกมิติและนำมาวิเคราะห์ จัดกลุ่ม และนำเสนอสินค้า/บริการความต้องการลูกค้าแต่ละกลุ่ม การขยาย ทีมขาย ทีมขน และทีมแคร์ เพื่อดูแลให้คำปรึกษาตั้งแต่เรื่องการใช้ระบบขนส่งที่เหมาะสม ราคา การออกแบบบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการทำการตลาดบนแพลตฟอร์มของไปรษณีย์ไทย

Thailand Post

3. โซลูชันด้านการขนส่งที่สร้างความพึงพอใจในระดับสูงสุดด้วยมาตรการZero Complain ลดข้อร้องเรียนต่าง ๆ เช่น พัสดุสูญหาย คอมเม้นท์บนโซเชียลมีเดียให้เป็นศูนย์และเพิ่มศักยภาพในส่วนที่มีความได้เปรียบให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งกว่าเดิม เช่น เครือข่ายที่ครอบคลุมมากกว่า 20,000 แห่ง

ทั้งจาก เครือข่ายประเภทตัวแทน จุด EMS Point ผู้ให้บริการขนส่งรายใหญ่ในตลาด ซึ่งจะทำให้การฝากส่งสิ่งของมีความสะดวกทุกพื้นที่ การนำจ่ายที่มีความรวดเร็ว แม่นยำด้วยระบบ Cross Navigate Networking ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จะดูแลพัสดุทุกชิ้นให้เดินทางไปถึงปลายทางด้วยความปลอดภัย

Thailand Post

4.โซลูชันเสริมแกร่งเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจไปรษณีย์ไทย ซึ่งเป็นการนำจุดแข็งที่มีขององค์กรเข้าไปสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรพันธมิตรในรูปแบบเศรษฐกิจแบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็น FUZE POST ที่จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ JWD และ FLASH ให้บริการขนส่งควบคุมอุณหภูมิ กลุ่มที่อยู่อาศัยที่ร่วมมือกับ AP

พร้อมเชื่อมต่อระบบของไปรษณีย์ไทย เรียก และนัดหมายให้เข้าไปรับพัสดุ และพร้อมต่อยอดไปเครืออสังหาริมทรัพย์อื่น การเชื่อมโยง Rider Services กับผู้ให้บริการ Robinhood และในอนาคตกับรายอื่น ๆเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ และขยายช่องทางการส่งสินค้าของไปรษณีย์ไทย

และร่วมไปถึงความร่วมมือแพลตฟอร์ม Telemedicine ในการจัดส่งยารักษาโรค สถาบันการเงินกับการมอบสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง รวมถึงยังมีแผนดำเนินธุรกิจในอีกหลายสาขา เพื่อให้ทุกอุตสาหกรรมใช้ประโยชน์จากไปรษณีย์ไทยได้อย่างเต็มที่

​ดร.ดนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สัดส่วนรายได้องค์กรในปัจจุบันแบ่งเป็น กลุ่มบริการขนส่งและ โลจิสติกส์ 47.62% กลุ่มไปรษณียภัณฑ์ 31.26% กลุ่มบริการระหว่างประเทศ 15.94% กลุ่มธุรกิจการเงิน 1.78% กลุ่มธุรกิจค้าปลีก 2.78% และกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ 0.66% และนอกเหนือจากการสร้างรายได้จากกลุ่มดังกล่าวแล้ว

ไปรษณีย์ยังมีแผนในการแสวงหารายได้จากน่านน้ำใหม่ทางธุรกิจ ซึ่งเป็น New SCurve ขององค์กร ทั้งการเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจไปรษณียภัณฑ์เดิม เช่น แสตมป์ NFT, บริการจัดส่งสื่อโฆษณาทางไปรษณีย์ หรือ Advertising Mail ที่สามารถจัดส่งสิ่งพิมพ์โฆษณา หรือสินค้าตัวอย่าง

ให้แก่ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ในรูปแบบ Direct Mail บริการ e-Timestamp ประทับรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ โดยปัจจุบันมีลูกค้า เช่น หน่วยงานภาครัฐ โรงพยาบาล สถานศึกษา เป็นต้น

ขณะที่ใน กลุ่มขนส่งค้าปลีก เช่น กล่อง On Demand ที่สามารถออกแบบและผลิตได้ตามความต้องการของประเภทธุรกิจ วางจำหน่าย-โฆษณาสินค้าตามไปรษณีย์ต่าง ๆ การขยายพื้นที่บริการ FUZE POST เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ กลุ่มธุรกิจระหว่างประเทศ

เช่น คลังสินค้าบริการระหว่างประเทศ (Bonded Warehouse) สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และผู้ใช้บริการทั่วไป กลุ่มธุรกิจการเงิน อาทิ บริการประกันภัยออนไลน์ การให้สินเชื่อร่วมกับสถาบันการเงิน การทำธุรกรรมการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับเติมเงิน ชำระเงิน โอนเงินระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังมุ่งพลิกโฉมภาพใหญ่ทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยดิจิทัล และเทคโนโลยี ผ่านการเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีสำคัญคือ โครงการ Digital Post ID เปลี่ยนระบบการระบุตำแหน่งที่อยู่บนกล่องซองจากแบบเดิมให้เป็นที่อยู่ดิจิทัล ในรูปแบบ QR Code โดยทุกภาคส่วนจะได้รับการรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย

อีกทั้งมุ่งเป็นขนส่งรายแรกที่จะ นำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในระบบงานไปรษณีย์ และระบบนำจ่าย จำนวนกว่า 600 คัน ทดแทนรถเดิม ที่หมดอายุใช้งานในปี 2566 สอดรับกับความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมโลก

Thailand Post
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด

“ขนส่ง และโลจิสติกส์เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ผู้ให้บริการทุกรายจำเป็นต้องปรับตัว และพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากที่สุด โดยเป้าหมายในปี 2566 ของไปรษณีย์ไทยคือการอยู่เคียงข้างคนไทยในฐานะ หน่วยงานการสื่อสาร และขนส่งของชาติ เน้นการทำงานเชิงรุก เข้าหาลูกค้า

พัฒนาบริการให้ตรงกับความต้องการของทุกภาคส่วน พร้อมดูแลคนไทยเพื่อให้ทุกคนไว้วางใจและนึกถึงไปรษณีย์ไทยทุกครั้งที่ต้องการใช้บริการ นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่จะเพิ่มผลิตภาพและคุณภาพของ ทุกกระบวนการทำงาน การสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการเข้าถึงกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น

การพัฒนาบริการใหม่จากฐานทรัพยากรที่มีอยู่ และสุดท้ายคือการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาสนับสนุนให้เกิดความสะดวก เพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น” ดร.ดนันท์ กล่าวสรุป

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay