7 แนวโน้ม ซัพพลายเชน (Supply chain) ท่ามกลางยุคดิจิทัลในปี 63

คาดการณ์ 7 แนวโน้มด้านซัพพลายเชน (Supply chain) ท่ามกลางการปฏิวัติสู่ดิจิทัล และการแข่งขันด้านการค้าที่รุนแรงภายในปี 2563…

highlight

  • ภายใน ปี 2563 องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก เล็งจะใช้เทคโนโลยี AI และ ML รวมกับมนุษย์เพื่อเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น โดยจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ได้จากทุกฝ่าย ทุกภูมิภาค และจากทุกระบบซัพพลายเชน เพื่อจะได้เข้าใจความซับซ้อนและความหลากหลายของการค้าโลก

7 แนวโน้ม Supply chain ในปี 2563

ฟาบิโอ ทิวิติ รองประธานบริษัท อินฟอร์ อาเชียน ให้ความเห็นว่า ภายในปี 2563 จะมาถึงนี้ความมุ่งมั่นขององค์กรต่าง ๆ ท่ามกลางนวัตกรรม และการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วอย่างที่ไม่มีใครเคยสัมผัสมาก่อน เรากำลังประสบกับการปฏิวัติสู่ระบบดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ การทำงาน และการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้คน

พลังของข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ  และเรากำลังได้เห็นผลลัพธ์ที่มีคุณค่าโดดเด่น จากการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) ในขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวในการปกป้องโลก และการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ กระบวนการลดการพึ่งพากัและการรวมตัวกันของกลุ่มต่าง ๆ ทั่วโลกยังเป็นเหมือนคลื่นใต้น้ำที่ทำให้แนวทาง และวิธีการปฏิสัมพันธ์กันของประเทศต่าง ๆ และองค์กรต่าง ๆ เปลี่ยนไป

Supply chain

ฟาบิโอ ทิวิติ รองประธานบริษัท อินฟอร์ อาเชียน

แนวโน้ม และประเด็นที่จะได้เห็นเป็นรูปเป็นร่างในปี 2563

ในอนาคตกระแสการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนการทำงานที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จะต้องถูกขจัดออกไป, ปัจจัยทางการเมือง, AI/ML, บรรทัดฐานในอุตสาหกรรม, กำแพงเบอร์ลินดิจิทัล และการย้ายฐานด้านซัพพลายเชน เป็นแนวโน้มด้านซัพพลายเชนในปี 2563

ความยั่งยืนเป็นสิ่งจำเป็น

Supply chain

ความยั่งยืนกำลังจะเป็นสิ่งที่อุตสาหกรรมหลากหลายจำเป็นต้องมี ไม่เพียงแต่เฉพาะผู้ค้าปลีก และบริษัทจำหน่าย/ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงธุรกิจในทุกวงการอีกด้วย ไม่เว้นแม้แต่ในเรื่องของการสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถ กล่าวได้ว่าความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมจะกลายเป็นประเด็นหลักในการหาเสียงเพื่อแข่งขันเลือกตั้งทั่วโลกในปี 2563 

 ตัวอย่างหนึ่งจะเห็นได้จากโครงการสำคัญที่เกิดขึ้นในวันที่ มกราคม 2563 คือ การที่องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization หรือ IMO) จะเริ่มมาตรการ IMO 2020 ที่บังคับให้เรือทุกลำลดการปล่อยกำมะถันหรือก๊าซซัลเฟอร์ในการเดินเรือ จากปัจจุบันที่ 3.5% ให้เหลือเพียง 0.5% เพื่อลดมลพิษทางอากาศให้กับโลก

ซึ่งมาตรการนี้จะส่งผลกระทบที่ชัดเจนต่ออุตสาหกรรมการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในระบบดักจับเขม่าควันและเชื้อเพลิงซัลเฟอร์ต่ำที่แสนแพง และทำให้ผลกำไรลดลง โดยที่ผู้ให้บริการและผู้ขนส่งตั้งรับปรับตัวกันไม่ทัน การแล่นเรือด้วยความเร็วต่ำทำให้ระยะเวลาในการเดินทางนานขึ้

และเป็นตัวบังคับให้ระบบนิเวศทั้งระบบต้องจัดโครงสร้างใหม่เพื่อให้เป็นไปตามแผนการผลิตและการส่งมอบสินค้าให้ถึงมือลูกค้า ภายใต้กฎข้อบังคับของมาตรการใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

ขจัดการขนส่งที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้

Supply chain

ด้วยเป้าของธุรกิจที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน และมีประสิทธิภาพ เมื่อใดที่มีการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เปล่า ก็จะกลายเป็นประเด็นร้อนต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้า ในแง่การขนส่งนั้น ความสูญเปล่าหมายถึงการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น ปล่อยคาร์บอนออกสู่บรรยากาศมากขึ้น และผู้ขับขี่ยานพาหนะใช้เวลานานหลายชั่วโมงไปโดยเปล่าประโยชน์

การขนส่งที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ กลายเป็นตัวถ่วงการขยายตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม เพราะธุรกิจต่าง ๆ ต้องจ่ายเงินมากขึ้นในการขนส่งสินค้า บริษัทขนส่งจะคำนึงถึงการขนส่งที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ส่วนนี้ด้วย และจะคำนวณค่าใช้จ่ายเพิ่มลงไปในค่าบริการ นั่นหมายถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนส่งไปจนถึงผู้บริโภคปลายทาง รวมถึงผู้ที่อยู่ในห่วงโซ่ไม่ว่าจะด้านใด ล้วนต้องจ่ายค่าใช้จ่ายให้กับการขนส่งที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้นั้นในท้ายที่สุด

 การเมือง และการค้าที่พัวพันกันมากขึ้น

Supply chain

การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าต่าง ๆ ในปี 2562 ถูกมองว่าเป็นเรื่องกวนใจ แต่สำหรับปี 2563 นโยบายประเภทนี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นจริงใหม่ ๆ ที่เราต้องเผชิญ ความผันผวนทางการเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศคาดว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้น อัตราภาษีและกฎระเบียบทางการค้าจะกลายเป็นเรื่องหลักในการกำหนดการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจ

และทุกคนตั้งแต่หัวหน้าที่ดูแลด้านซัพพลายเชน ตลอดไปจนถึงผู้จัดการโลจิสติกส์จะต้องติดตามความเปลี่ยนแปลงทางการค้าที่เกิดขึ้นตลอดเวลาเพื่อจะได้ไม่พลาดในการทำธุรกิจ ความไม่แน่นอนจะยังคงเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ เพราะความเป็นชาตินิยม และความขัดแย้งทางการค้าจะยังคงก่อให้เกิดความไม่ลงรอยอีกมากมาย

และในปี 2563 เราจะได้เห็นการรายงานข่าวการเมืองที่เมื่อก่อนแยกจากข่าวทางธุรกิจ วันนี้ข่าวทั้งสองแบบในหลาย ๆ ประเด็นจะไม่แยกจากกันอีกต่อไป 

ความเฉลียวฉลาด และสติปัญญาของมนุษย์เป็นต้นแบบให้กับ AI

 

Supply chain

จิตใจมนุษย์กับ AI จะเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น นักวิจัยได้มีการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับจิตใจมนุษย์รวมไปถึงทารก เพื่อความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เป้าหมายคือเพื่อยกระดับรูปแบบของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning หรือ ML) ให้ทำงานได้ราบรื่น อยากรู้อยากเห็น หยั่งรู้และเข้าใจได้มากขึ้น

โปรแกรม ML ในปัจจุบันต้องอาศัยการป้อนข้อมูลภาพหลายพันภาพเพื่อสอนให้เครื่องเหล่านั้นจดจำว่าวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตธรรมดา ๆ เช่นแมวมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ถึงกระนั้นก็ตาม ข้อผิดพลาดก็ยังคงเกิดขึ้นได้หาก ML ได้รับภาพที่ไม่ชัดเจนพอ ในทางกลับกัน ทารกจะเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ที่หลากหลายว่าแมวมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร

ซึ่งอาจจะเกิดจากการได้เห็นภาพหรือรูปวาดในหนังสือ นอกจากนี้ เด็กยังเรียนรู้ผ่านการทดลองและความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองอีกด้วย ดังนั้น เพื่อให้ ML สามารถลอกเลียนประสบการณ์แบบนี้ได้ จึงมีการพัฒนาการให้รางวัลกับ ML บางระบบที่สามารถเลียนแบบความช่างสงสัยในลักษณะนี้ได้

โดยจะต้องมีความถูกต้องแม่นยำด้วย การวิจัยในเรื่องของการเชื่อมโยงสมองมนุษย์ไปสู่ AI จะเพิ่มและเริ่มแสดงผลที่ชัดเจนมากขึ้นอย่างแน่นอนหากมีการพัฒนาต่อด้วยการเสริมคุณลักษณะของมนุษย์เข้าไปในเครื่องจักร ซึ่งการที่ซัพพลายเชนกำลังจะใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น แพลตฟอร์ม ML และ AI จะเรียนรู้ด้วยการเฝ้าดูพฤติกรรมของมนุษย์ และสัญญาณต่าง ๆ จากข้อมูลที่ได้จาก

ทุกฝ่าย ทุกภูมิภาค และจากทุกระบบซัพพลายเชน เพื่อจะได้เข้าใจความซับซ้อนและความหลากหลายของการค้าโลก กระบวนการการทำงานบางอย่างอาจย้ายไปอยู่ในสถานะที่ถอยห่างออกไป ในขณะที่กระบวนการที่ซับซ้อนอื่น ๆ ที่ต้องการการทำงานร่วมกันหลายฝ่ายและหลายเครือข่ายนั้น ML และ AI จะต้องการการเรียนรู้จากมนุษย์เป็นอย่างมาก 

ซัพพลายเชนให้บริการอยู่ในพื้นที่

Supply chain

ในปี 2562 เราได้เห็นการย้ายฐานงานด้านซัพพลายเชนในบางพื้นที่ เช่นในประเทศจีน ด้วยสาเหตุจากปัญหาด้านภาษี และความขัดแย้งทางการค้า ในปี 2563 จะเกิดสิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนไปเป็นเศรษฐกิจที่ยั่งยืนด้วยตนเอง โดยที่ซัพพลายเชนต้องพึ่งพาทรัพยากรภายในประเทศ และคู่ค้าที่มี ซึ่งเรื่องนี้จะเกิดในสหรัฐอเมริกา จีน และในประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วอื่น ๆ

เป็นส่วนใหญ่ ภาคการผลิตจะอยู่ในลักษณะ ผลิตในประเทศ และส่งมอบในประเทศ มากขึ้น ผู้บริโภคก็มีแนวโน้มที่จะใช้แบรนด์ภายในประเทศมากขึ้นเช่นกัน ในประเทศจีน ผู้บริโภคหันไปใช้แบรนด์เสื้อผ้า อุปกรณ์ไฮเทค โทรศัพท์ และรถยนต์ของจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ แทนที่จะเป็นแบรนด์จากตะวันตก

สำหรับสหรัฐอเมริกา บริษัทต่าง ๆ กำลังรับมือกับความตึงเครียดที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวกับจีน โดยต้องปรับเปลี่ยนเครือข่ายซัพพลายจากจีนไปเป็นประเทศอื่น ๆ และสร้างเครือข่ายใหม่ ๆ ที่อยู่ใกล้กับสหรัฐฯ มากขึ้น 

กำแพงเบอร์ลินดิจิทัล

Supply chain

คริสตาลินา จอร์จิว่า ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้กล่าวไว้ว่า แม้จะมีการเติบโตทางการค้าเพิ่มขึ้นในปี 2563 แต่ความไม่ลงรอยกันในปัจจุบันอาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลไปอีกนาน ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเชนที่อยู่ในภาวะวิกฤต ภาคการค้าที่ต่างคนต่างทำ และ กำแพงเบอร์ลินดิจิทัล ที่บีบคั้นให้ประเทศต่าง ๆ

ต้องเลือกใช้ระบบทางเทคโนโลยี “กำแพงเบอร์ลินดิจิทัล” เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นถึงอุปสรรคต่าง ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นและผลกระทบจากเทคโนโลยีที่มีต่อการค้า ทั้งนี้การหดตัวของงานด้านซัพพลายเชน และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่ได้ฝังแน่นอยู่ในวงการการค้า ทำให้ความเคลื่อนไหวบางประการที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอาจส่งผลระยะยาวกับระบบซัพพลายเชน

บวกกับการตั้งกำแพงกีดกันโดยฝ่ายต่าง ๆ และพื้นที่ตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งนี้ความคล่องตัวและความยืดหยุ่นที่มีอยู่ทั่วโลก และการเน้นความสำคัญกับการขยายตัวของโลกาภิวัตน์ที่มีมาเป็นเวลาหลายปี จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ณ จุดนี้ ความสามารถในการปรับตัวและความยืดหยุ่นยังคงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ความสามารถในการให้บริการ

และให้การสนับสนุนซัพพลายเออร์ที่อยู่นอกเขตของฮับที่ให้บริการปกติ ได้อย่างรวดเร็วจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นขึ้นมาทันทีเมื่อเกิดการติดขัดด้านดิจิทัล นอกจากนี้การจัดการกับความเสี่ยงต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น วัตถุดิบและปัจจัยการผลิตที่อาจขาดแคลนหรือมีราคาแพงขึ้นมาแบบทันทีทันใด ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่มีผลต่อการแข่งขัน

บรรทัดฐานทางอุตสาหกรรมเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่

Supply chain

แบรนด์สินค้าสุดหรู หลุยส์ วิตตอง ประกาศแผนการเปิดโรงงานขนาด 100,000 ตารางฟุต ในรัฐเท็กซัสเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา  การประกาศนี้เป็นตัวอย่างล่าสุดของการเปลี่ยนแปลงแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดของอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าคุณภาพสูง การผลิตกระเป๋าคุณภาพสูงนั้นขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบันมีโรงงานผลิต ใน 24 แห่งที่เปิดทำการนอกประเทศฝรั่งเศส 

ในเดือนพฤศจิกายน กลุ่มบริษัทเมิร์ส์กที่ดำเนินการเกี่ยวกับโลจิสติกส์ และพลังงานประกาศการดึงเงินลงทุนจากการเดินเรือทะเล ไปใช้กับบริการทางบกแทน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการริเริ่มเพื่อผลักดันการเติบโตของบริษั

แซ้น สเกา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า เราจำเป็นต้องเติบโตด้วยการเข้าซื้อที่ดินเพื่อทำคลังสินค้า และให้บริการด้านศุลกากร เราลงทุนไปแล้วประมาณ พันล้านเหรียญสหรัฐในซัพพลายเชนด้านที่ดิน และจะลงทุนเพิ่มอีกหลายร้อยล้านเหรียญในปีหน้า” 

เป็นที่คาดว่าในปี 2563 จะมีการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานมากขึ้น เนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ พากันแสวงหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อคิดค้น และให้บริการลูกค้าท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางการค้าที่ตึงเครียด 

ก้าวต่อไป

Supply chain

เมื่อเข้าสู่ปี 2563 สิ่งที่สำคัญมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนสำหรับธุรกิจต่าง ๆ คือการต้องเชื่อมโยงกับพันธมิตรในต่างประเทศอย่างทั่วถึง การทำงานร่วมกัน การรับรู้สถานะ และได้รับข้อมูลที่เชื่อมโยงกันระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตในอนาคตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและอัดแน่นไปด้วยความกดดันนานัปการ

บริษัทที่เตรียมการเชื่อมประสานซัพพลายเชนของตนให้เป็นเครือข่ายเดียวกัน จะมีความคล่องตัว และความเร็วในการดำเนินงาน สามารถรับรู้ และตอบสนองเชิงรุกต่อความต้องการของลูกค้า สิ่งนี้จะเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญในปี 2563 และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือจะส่งผลให้บริษัทก้าวขึ้นมาโดดเด่นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตน

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

 

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.