เบสท์ เอ็กซ์เพรส (BEST Express) ประกาศทุ่มงบกว่า 300 ลบ. ยันพร้อมลุยให้บริการขนส่งในไทยเต็มสูบ หลังทิศทาง อี-คอมเมิร์ซ (E-Commerce) โต เตรียมปูพรมลุยขยายเฟรนไชส์ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุก เขต จังหวัด และทั่วประเทศภายในปี 63…
highlight
- เบสท์ เอ็กซ์เพรส ประกาศทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังเดินหน้าทุ่มงบลงทุน 300 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ ในครึ่งปีหลัง เตรียมพร้อมลงแข่งสู่ความเป็นผู้นำด้านระบบขนส่งโลจิสติกส์ในไทย หลังปลดล็อคจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสเชื้อโควิด-19 และธุรกิจปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงในยุควิถีชีวิตใหม่ (New Normal) รสมถึงอานิสงส์การเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซดันโลจิสติกส์พุ่ง พร้อมเตรียมปูพรมลุยขยายเฟรนไชส์ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุก เขต จังหวัด และทั่วประเทศ
BEST Express ทุ่มงบกว่า 300 ลบ. ยันพร้อมลุยให้บริการขนส่งในไทยครึ่งปีหลัง
เจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการ เบสท์ ประเทศไทย บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของตลาดธุรกิจขนส่งพัสดุ (Parcel Delivery) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2560-2562)
โดยมีการขยายตัวเฉลี่ย 40% ต่อปี (40% CAGR) ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซ (E-commerce) ของไทย ที่เติบโตเฉลี่ยโดยประมาณ 18% ต่อปี (18% CAGR) (อ้างอิงตามผลประเมินจาก Euromonitor และ dbd.co.th ครั้งล่าสุด)
ทั้งนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด19 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาส่งผลให้รูปแบบการดำเนินชีวิตของคนในยุคนี้เปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีชีวิตแบบปกติใหม่ (New Normal) โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคจาก “ออฟไลน์“ สู่ “ออนไลน์” มากขึ้น
สำหรับกลุ่มผู้ให้บริการทางด้านการขนส่งพัสดุหลายรายเริ่มเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนการค้าขายออนไลน์มากขึ้น อีกทั้งยังส่งให้มูลค่าตลาดธุรกิจอี-คอมเมิร์ซมีการเติบโตยิ่งขึ้นไป สำหรับ เบสท์ เอ็กซ์เพรส หนึ่งในแบรนด์ ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วนทั่วไทย ไปไหน ไปกัน (Everywhere, with you)
ภายใต้การดำเนินการของ เบสท์ อิงซ (BEST Inc.) ประเทศไทย และควบคุมโดย BEST Inc. (เบสท์ อิงซ) บริษัทแม่ ผู้นำด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครวงจรยักษ์ใหญ่ จากประเทศจีน
มีความพร้อมที่จะร่วมผลักดัน และสนับสนุนกลุ่มผู้ค้าออนไลน์ด้วยบริการ “BEST Express Free Door to Door service–บริการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้าน ฟรี ตั้งแต่ชิ้นแรก ไม่จำกัดจำนวนชิ้น“ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกสบายกับผู้ค้าออนไลน์ในประเทศไทย
ไม่หวั่น!! โควิด-19 เพราะมีมาตรการรับมือ และมีประสบการณ์ในดำเนินธุรกิจในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส
สำหรับภาพรวมของ เบสท์ เอ็กซ์เพรส ในครึ่งปีแรก ซึ่งอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 นับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายของภาคธุรกิจทุกกลุ่มที่ต้องมีการปรับตัว และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ถึงแม้ว่าธุรกิจขนส่งจะได้รับอานิงส์จากการเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซ
แต่หัวใจสำคัญคือ การให้บริการที่เน้นเรื่องความปลอดภัยสำหรับลูกค้าทุกคน ซึ่งพนักงานและเจ้าหน้าที่จัดส่งพัสดุจะสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ทางบริษัทฯ จัดเตรียมให้บุคลากรทุกคน เพื่อใช้ในการป้องกัน ส่วนในจุดให้บริการได้จัดเตรียมเจลล้างมือและตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าพื้นที่ทุกครั้ง ทางด้านศูนย์กระจายสินค้า
ทำการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในศูนย์กระจายสินค้า ตลอดจนพัสดุที่ถูกส่งมาจากพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศทุกชิ้น รวมถึงเครื่องสายพานที่ใช้สำหรับลำเลียงพัสดุ ด้วยศักยภาพความพร้อม และความเป็นมืออาชีพด้านการให้บริการเรามุ่งมั่น และทำงานอย่างเต็มที่ในการให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ เบสท์ เอ็กซ์เพรส มุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาการให้บริการพร้อมประกาศงบลงทุนราว 300 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายของธุรกิจ เบสท์ เอ็กซ์เพรส ในครึ่งปีหลัง และการเตรียมความพร้อมลงแข่งก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านระบบขนส่งโลจิสติกส์ในประเทศไทย
โดยเชื่อมั่นหลังปลดล็อคจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดไวรัสเชื้อโควิด-19 ธุรกิจปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงในยุค วิถีชีวิตใหม่ (New Normal)
โทนี่ เจิ้ง ผู้จัดการทั่วไป เบสท์ เอ็กซ์เพรส บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ด้านการให้บริการ เบสท์ เอ็กซ์เพรส ชูจุดเด่นความเป็น “ผู้ให้บริการการบูรณาการด้านซัพพลายเชนแบบครบวงจร“ (One Stop Integrated Supply Chain Services)
ด้วยการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตร และการจัดการกระบวนการทั้งภายใน และระหว่างองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งสร้างคุณค่าไปยังลูกค้าให้มากที่สุด ในต้นทุนต่ำที่สุดและรวดเร็วที่สุด
นอกจากนี้ยังมีบริการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้าน ฟรี!! ตั้งแต่ชิ้นแรก ไม่จำกัดจำนวนชิ้น เจ้าแรกของประเทศไทย พร้อมด้วยบริการ COD (Cash on deliver) เก็บเงินปลายทาง โอนไว ภายใน 1 วัน (เฉพาะธนาคารกสิกรไทย และ 2-3 วัน ธนาคารอื่น ๆ)
โดยใช้เทคโนโลยีมาเสริมความสะดวกสบายให้กับลูกค้าครั้งนี้ด้วย ระบบระบบแจ้งเตือนสถานะพัสดุอัตโนมัติ (Automatic Tracking System) ผ่าน BEST Application และ Line Official Account : @BESTEXPRESSTH
ขณะที่ในส่วนของการรับมือในการแพร่ระบาทของไวรัสที่เกิดขึ้นในประประเทศไทย นั้น ทาง เบสท์ เอ็กซ์เพรส มีความมั่นใจอย่างมาที่ส่งมอบบริการด้วยความปลอดภัยตั้งแต่ต้นทาง จนถึงมือผู้รับ ว่าปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19 เนื่องจากมีมาตรการในการควบคุมในทุกขั้นตอน อีกทั้งเรายังมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ต้องรับมือ
กับไวรัสโรคซาร์ส (SARS-CoV) ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ต่อพนักงาน ทั้งความเข้าใจที่ถูกต้อง หรือการจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการทำงานของพนักงานของ เบสท์ เอ็กซ์เพรส ในทุกส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ดึง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของตลาดไทย
ณัฏฐรัก ดิลกพิทยะรัชต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส เบสท์ ประเทศไทย บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในส่วนการทำการตลาดของ เบสท์ เอ็กซ์เพรส ในแต่ละปีใช้งบการตลาดคิดเป็น 10% ของรายได้ทั้งหมด
โดยมีทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ สืบเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด19 ที่ผ่านมา ทำให้ เบสท์ เอ็กซ์เพรส มองเห็นช่องทางการทำการตลาดมากขึ้น นอกจากการทำการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักแล้ว เบสท์ เอ็กซ์เพรส ยังมุ่งเน้นการทำการตลาดในเชิง CSR มากขึ้น
โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือ เพื่อสังคมเป็นสำคัญ สำหรับกิจกรรมการตลาดครึ่งปีหลัง เบสท์ เอ็กซ์เพรส มุ่งเน้นกิจกรรมการตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตปกติใหม่ (New Normal) ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปหลังสถานการณ์โควิด-19
นอกจากนี้ เบสท์ เอ็กซ์เพรส ได้แต่งตั้ง “ณเดชน์ คูกิมิยะ“ ดาราชายเบอร์หนึ่งของไทย มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยนำ “น้องกวางเบสท์” หรือ Dear (De ตี้ –Ar เอ๋อ) เป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของแบรนด์คู่กับพรีเซ็นเตอร์คนปัจจุบัน โดยปลายเดือนกรกฎาคมนี้จะมีการจัดงานอีเว้นท์เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในแบบ “BEST ROAD NEW LIFE“
งานอีเว้นท์วิถีใหม่ในแบบ เบสท์ เอ็กซ์เพรส ที่พร้อมยกความยิ่งใหญ่นำสายพานลำเลียงพัสดุติดตั้ง ณ ใจกลางกรุง ลานเซ็นทรัลเวิลด์ โซน B และ C พร้อมด้วยกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย
ปัจจุบัน เบสท์ เอ็กซ์เพรส มีแฟรนไชส์อยู่ทั่วประเทศมากกว่า 500 สาขา ทั้งในรูปแบบแฟรนไชส์หลัก (First Station) แฟรนไชส์รอง (Second Station) ช้อป (Shop) และจุดรับพัสดุ (Drop Point) โดยคาดการณ์ว่าในปี 2563
ตั้งเป้าขยายสาขา และ Ware House เพิ่มเพื่อรองรับการให้บริการทั้งในไทย และประเทศใน Southeast Asia
เจสัน เชียน กล่าวเสริมว่า ในอนาคต เบสท์ เอ็กซ์เพรส ตั้งเป้าจะเพิ่มแฟรนไชส์ทั้ง 4 ประเภท อีกกว่า 800 สาขา และภายใน 2 ปี (2565) จะเพิ่มแฟรนไชส์ทั้ง 4 ประเภท ให้ครอบคลุมทั่วไทยมากถึง 2,000 สาขา เพื่อการให้บริการอย่างทั่วถึงสู่การบริการเป็นเลิศสำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2563 แบ่งเป็นแผนระยะสั้น
โดย เบสท์ เอ็กซ์เพรส ขยายฐานการตลาดลงพื้นที่ท้องถิ่น (Local Market) เพื่อให้แฟรนไชส์ในแต่ละจังหวัดได้เข้าถึงการทำการตลาดท้องถิ่นของตนเองมากขึ้น และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าท้องถิ่นทั่วไป พร้อมกันนี้เรายังได้เตรียมที่จะเพิ่มจำนวนของศูนย์เก็บสินค้าเพิ่มเป็น 10 แห่ง ภายในสิ้นปี 2563 นี้ เพื่อให้การกระจายสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว
พร้อมกันนี้เรานังเตรียมที่จะปรับรูปแบบวัฒนธรรมองค์กรให้มีความเป็นไทยเพื่อเข้าถึงใจพนักงานท้องถิ่นในแต่ละจังหวัด รวมทั้งขยายศูนย์กระจายสินค้าเพื่อเป็นศูนย์กลางของธุรกิจห่วงโซ่อุปทาน (HUB Supply Chain) ในการรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนแผนระยะยาว
พร้อมทั้งเตรียมผนึกรวมเครือข่ายของ เบสท์ เอ็กซ์เพรส ทั้งในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรวมเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้ “BEST Global“ พร้อมเน้นการขยายแฟรนไชส์ท้องถิ่นเพิ่มขึ้น เนื่องจากแฟรนไชส์ คือ กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีที่จะมีการเติบโตขยายสาขาเพิ่มขึ้น
และสามารถยืนด้วยความสำเร็จตัวเองได้ พร้อมก้าวสู่ความสำเร็จไปด้วยกัน ทั้งนี้ เบสท์ เอ็กซ์เพรส มุ่งมั่นในการสนับสนุนคู่ค้าพันธมิตรธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และแฟรนไชน์ท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนให้ธุรกิจแต่ละรายมีลูกค้าสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th