DE เปิดประชุม TopEx หารือ 4 ภารกิจ ขับเคลื่อนพัฒนาไทย สู่ Digital Hub

DE

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม หรือ ดีอี (DE) เปิดประชุม TopEx หารือ 4 ภารกิจ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ-สังคมดิจิทัล มุ่งพัฒนาไทย สู่ Digital Hub…

highlight

  • รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมผู้บริหารกระทรวงดีอี (Top Executives) ครั้งที่ 12/2567 โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี, เวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดีอี, ณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ รองปลัดกระทรวงดีอี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัล เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 801 ชั้น 8 อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และผ่านระบบ Video Conference

DE ประชุม TopEx หารือ 4 ภารกิจ ขับเคลื่อนพัฒนาไทย สู่ Digital Hub

DE
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอี)

ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอี) กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงดีอี ดำเนินการขับเคลื่อนการใช้งานระบบ e-Document ในหน่วยงานภาครัฐ

เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกด้านการให้บริการประชาชน ซึ่งปัจจุบันกระทรวงดีอี ได้ดำเนินการบูรณาการการใช้งานระบบ e-Document ร่วมกับหน่วยงานรัฐในหลายภาคส่วนด้วยกัน ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้หน่วยงานต่างๆ ให้ความช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ ให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย

ซึ่งในส่วนของกระทรวงดีอี ขอให้กรมอุตุนิยมวิทยาดูแลเรื่องของการแจ้งเตือนภัย และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดูแลเรื่องของสัญญาณการสื่อสารให้สามารถใช้งานได้ปกติในทุกพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ขอให้เฝ้าระวังเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ที่กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูมรสุม นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการเตรียมความพร้อม

และพัฒนาระบบแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เพื่อใช้เป็นแอปพลิเคชันหลัก (ซุปเปอร์แอปฯ) รองรับการให้บริการต่าง ๆ ที่ภาครัฐจะให้บริการกับประชาชนอย่างครอบคลุม อาทิ การใช้งานด้านสิทธิสวัสดิการต่าง ๆ หรือการใช้งานตามมาตรการเยียวยาในสถานการณ์อุทกภัย หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งนี้ในการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงดีอี มีวาระสำคัญในการร่วมพิจารณา 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่

ความพร้อมการเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล (ADGMIN)

DE

ประเทศไทยจะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล (ASEAN Digital Ministers Meeting: ADGMIN) ครั้งที่ 5 ในช่วงวันที่ 13-17 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน ประกอบด้วยประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ

โดยมีสำนักเลขาธิการอาเซียน ร่วมด้วยติมอร์-เลสเต ในฐานะผู้สังเกตการณ์ เพื่อส่งเสริม และพัฒนาความร่วมมือด้านดิจิทัล การดำเนินการตามแผนแม่บท ASEAN Digital Masterplan 2025 โดยภายในงาน ยังมีการประชุม ADGMIN ร่วมกับคู่เจรจา ได้แก่ จีน, ญี่ปุ่น, สาธารณรัฐเกาหลี, สหรัฐอเมริกา, อินเดีย และสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union: ITU)

เพื่อหารือ และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นที่สำคัญด้านความร่วมมือด้านดิจิทัล การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่เพื่อสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ และสังคมดิจิทัล ภายในการจัดงานดังกล่าวจะมีการลงนามสัญญา MOU ร่วมกัน เพื่อวางแนวทางในการป้องกันการหลอกล่วงทางไซเบอร์ระหว่างประเทศให้เกิดขึ้นด้วย 

“อย่างไรก็ดีการเซ็น MOU ระหว่างประเทศ ในครั้งนี้ เป็นเพียงการวางกรอบแนวทางที่จะทำงานร่วมกัน เพื่อป้องกันภัยการหลอกลวงทางไซเบอร์ในระหว่างประเทศ ให้มีประสิทธฺภาพมากขึ้น ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีมาตราการกดดันหากเกิดปัญหาในด้านความร่วมมือ แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะสร้างความปลอดภัยในแก่ประเทศสมาชิกด้วยกัน”

การเชื่อมโยงระบบข้อมูลสุขภาพ ภายใต้โครงการ “30 บาท รักษาทุกที่” ในพื้นที่ กทม. และทั่วประเทศ

DE

โครงการดังกล่าวจะมี สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI เป็นผู้ดำเนินการในการพัฒนาและขับเคลื่อนแพลตฟอร์มกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระหว่างหน่วยงาน ผ่านแพลตฟอร์ม Health Link เพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของประชาชนที่ใช้บริการในหน่วยบริการของ กทม.

และหน่วยบริการในสังกัด สปสช. ร้านยา และคลินิกชุมชน จำนวน 1,564 แห่ง สอดรับกับนโยบายรัฐบาล “30 บาทรักษาทุกที่” ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ทั้งนี้ การเชื่อมโยงระบบระหว่างหน่วยงานให้บริการสุขภาพดังกล่าว ช่วยให้หน่วยงานให้บริการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของประชาชน

เพื่อเพิ่มความสะดวกในการให้บริการประชาชน เพิ่มความแม่นยำในการตรวจวินิจฉัยรักษาโรคของแพทย์ การจ่ายยารักษาโรคที่ตรงตามใบสั่งยาจากแพทย์ ปัจจุบันหน่วยงานที่สังกัด สปสช. ส่วนใหญ่มีการเชื่อมโยงระบบ Health Link สำเร็จแล้ว

“โดยโครงการการเชื่อมโยงฐานข้อมูลสุขภาพระหว่างหน่วยงานนี้ จะเริ่มดำเนินการในเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานครฯ ก่อน ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มเชื่อมโยงข้อมูลไปแล้ว และกำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การเชื่อมโยงข้อมูลทั่วประเทศนั้นได้อยู่ในระหว่างศึกษาข้อกำหนดทางด้านกฏหมายที่กำลังเร่งเดินหน้าหาข้อสรุปอยู่”

โครงการแพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะด้านท่องเที่ยวแห่งชาติ (National Tourism Intelligent Data Platform : Travel Link)

DE

ด้านโครงการ Travel Link ปัจจุบันทางกระทรวงได้มอบหมายให้ทาง สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI ได้ดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ เชื่อมโยงข้อมูล ตลอดจนวิเคราะห์ข้อมูลด้านการท่องเที่ยว และแสดงผลข้อมูลเชิงลึกในรูปแบบต่าง ๆ

เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้ประโยชน์ข้อมูลในการวางแผนนโยบายด้านการท่องเที่ยวของภาครัฐ และการตัดสินใจทางธุรกิจ และการตลาดด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยมี 4 พื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา, จังหวัดภูเก็ต, จังหวัดพังงา และพื้นที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

พบว่า ความต้องการของภาครัฐ และภาคธุรกิจ ต้องการมากที่สุด คือ พฤติกรรมการเคลื่อนตัวของนักท่องเที่ยวทั้งนี้โครงการ Travel Link ได้ดำเนินวิเคราะห์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจากข้อมูลเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เพื่อเผยแพร่ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการใช้ผลการวิเคราะห์สำหรับงานด้านนโยบาย

ผ่านการแสดงผลในรูปแบบรายงาน (Report) ที่จะทำให้เกิดการใช้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศ โดยปัจจุบันได้มีการนำข้อมูลเสาสัญญาณมือถือในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดพังงา มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลประชากรที่เข้ามาในพื้นที่

ซึ่งทำให้สามารถวิเคราะห์ผลการกระจายตัว การเดินทาง ระยะเวลาการอยู่หรือพำนักในพื้นที่ การท่องเที่ยวเมืองรอง ของนักท่องเที่ยวที่มาจากจังหวัดอื่น ๆ นอกพื้นที่ที่สนใจได้ในระดับรายวัน ก่อนขยายผลไปในระดับชั่วโมง โดยขณะนี้เริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมแล้วใน 2 จังหวัดคือ นครราชสีมา และพังงา

“โดยทางกระทรวงคาดหวังว่าภายในอนาคตจะสามารถนำข้อมูลดังกล่าว ไปช่วยสนับสนุนการทำงานของ กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา เพื่อพัฒนาแนวทางการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวของประเทศ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

เตรียมจัดงาน The Global Forum on the Ethics of Artificial Intelligence in 2025

สำหรับความคืบหน้าในการ The Global Forum on the Ethics of AI in 2025 รัฐบาลไทย โดย กระทรวงดีอี (สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงการต่างประเทศ (กต..)

และ ยูเนสโก (UNESCO) เตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงาน ซึ่งจะจัดขึ้นประมาณเดือนมิถุนายน 2568 โดยในเดือนตุลาคม 2567 นี้จะมีการเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบให้มีการลงนาม Host Country Agreement

โดยงาน The Global Forum on the Ethics of AI in 2025 ประเทศไทย จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “AI Governace in Action” เพื่อต่อยอดแพลตฟอร์ม และข้อเสนอแนะ AI Ethics Recommendation ของยูเนสโก ไปสู่การปฏิบัติ

โดยมุ่งพัฒนาศักยภาพของบุคลากร AI โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งคาดว่าภายในงานจะมีรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จาก 70 ประเทศ กว่า 800 คนเข้าร่วม

DE

“การประชุมผู้บริหารฯ ได้ครั้งนี้ เป็นการติดตามภารกิจการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของกระทรวงดีอี ทั้งในระดับโลก ภูมิภาคอาเซียน และภายในประเทศ เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การพัฒนาทักษะทรัพยากรบุคคลดิจิทัล ด้าน AI การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรม

เพื่อใช้สนับสนุนในภาคธุรกิจเศรษฐกิจดิจิทัล การใช้งาน และการสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานดิจิทัลในชีวิตประจำวันของประชาชน ซึ่งเป็นไปตามการมุ่งมั่นส่งเสริมเศรษฐกิจ และสังคมดิจิทัลของรัฐบาล เพื่อการก้าวสู่การเป็น Digital Hub ของภูมิภาค” รองนายกฯ ประเสริฐ กล่าว

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay