เดลล์ (Dell) เผย อุตสาหกรรมก้าวสู่ยุคของข้อมูล และควอนตัม คอมพิวติ้ง ปี 2021 ชี้โลกจะเข้าสู่ระบบนิเวศของเซมิคอนดักเตอร์ในเชิงของโครงสร้าง…
Dell เผย มุมมองอุตสาหกรรมที่จะก้าวสู่ยุคของข้อมูล และควอนตัม คอมพิวติ้ง ในปี 2021
“คำจำกัดความที่มีมาทั้
งหมดของการประมวลผล (Compute) จะเริ่มเข้าสู่การเปลี่ ยนแปลงภายในปีนี้ รวมถึงระบบนิเวศของเซมิคอนดั กเตอร์ในเชิงของโครงสร้างที่ รองรับปรากฏการณ์นี้ ก็จะมีการจะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกั น“

อามิต มิธา ประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และโกลบอล ดิจิทัล ซิตี้ เผย วิสัยทัศน์ “Perspectives – 2021 and beyond“ สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิ
ปี 2020 คือปีของความรีบเร่งอย่างที่
และนี่ก็คือพลังที่แข็งแกร่
เรากำลังพัฒนาสายผลิตภัณฑ์
ควอนตัม คอมพิวติ้ง และเซมิคอนดักเตอร์ท่ามกลางท้อปเทรนด์เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่

จอห์น โรส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้
ทั้งนี้ ควอนตัม คอมพิวติ้งคือ “การเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง“ (disruption) แต่ควอนตัม คอมพิวติ้งจะไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลง (disrupt) ตลาดในด้านพลังการประมวลผลคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิม (Conventional Computing)
“แนวคิดที่เกี่ยวกับ 5G จะไม่เกี่ยวข้องเฉพาะผลิตภัณฑ์
สำหรับผู้ใช้ปลายทาง หรือคอนซูเมอร์ (Consumer Product) อีกต่อไป แนวโน้มในการนำไปใช้งานในองค์ กรระดับใหญ่ หรือเอนเทอร์ไพรซ์จะเข้ามามีอิ ทธิพลเหนือกว่า นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมของอุปกรณ์ การทำงานที่ปลายทาง (Edge) ก็จะเป็นระบบที่มีแบบแผนมากยิ่ งขึ้น“
อธิบายเพิ่มเติมว่าเทคโนโลยีควอนตัม คอมพิวติ้ง คือ “ตัวเร่ง“ (Accelerator) ที่เสริมประสิทธิภาพให้กับพลังการประมวลผลคอมพิวเตอร์แบบเดิม ในปีที่แล้ว ควอนตัม คอมพิวติ้งยังคงเป็นสิ่งที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาและคนส่วนใหญ่เองก็ยังไม่สามารถเข้าถึงได้
แต่ในปีนี้ เรามีระบบควอนตัมในจำนวนพอสมควรที่พบเห็นได้ทั้งในพับบลิค คลาวด์ ในบริษัทด้านอุตสาหรรม และในห้องแล็บของภาครัฐบาล และปีนี้จะเป็นปีแรกที่จะมีการอำนวยความความสะดวกในวงกว้างมากยิ่งขึ้นให้กับระบบนิเวศด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อนำมาใช้ในการทดสอบการทำงานร่วมกับควอนตัม คอมพิวติ้ง
นี่จะเป็นปีแรกที่นักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวแตอร์ที่ไม่เคยเข้าถึงควอนตัม คอมพิ้วติ้งมาก่อนสามารถเข้าถึงโปรแกรมจำลองและเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาของควอนตัมหลายปีล่วงหน้าก่อนที่จะเปลี่ยนควอนตัมไปเป็นมูลค่า ซึ่ง เซมิคอนดักเตอร์เองก็ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ทางด้านเทคโนโลยีชั้นนำที่ควรทราบ
เรากำลังก้าวจากยุคของการประมวลผลที่เรียกว่า โฮโมจีเนียส (Homogeneous Compute) ไปสู่ยุคของการประมวลผลแบบ เฮทเทอโรจีเนียส (Heterogeneous Compute) ซึ่งนี่หมายความว่าระบบโฮโมจีเนียส คอมพิวท์
อาทิ x86 จะได้รับการส่งเสริมประสิทธิภาพเป็นอย่างสูงด้วยสถาปัตยกรรมเฉพาะโดเมน หรือ ตัวเร่งความเร็ว (Domain Specific Architectures) และระบบนิเวศเซมิคอนดัคเตอร์ต่าง ๆ ได้รับการจัดระบบใหม่เพื่อโดเมนนี้ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกิดขึ้นในปริมาณที่เท่าเทียมกันทั้งในการสร้างซอฟต์แวร์ให้มีความทันสมัย
หรือ Software Modernization และการบูรณาการของแพลตฟอร์มต่าง ๆ (Integration Platforms) เข้าด้วยกัน อาทิ เซิร์ฟเวอร์ในอนาคต การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเชิงเทคนิคเท่านั้นหากแต่จะเกิดขึ้นในระดับภาพรวมของอุตสาหกรรมภายในปีนี้
โอกาสสำหรับนวัตกรรม 5G และมัลติคลาวด์นำการเปลี่ยนแปลงไปสู่อุปกรณ์ปลายทาง (Edge)
แนวคิดที่เกี่ยวกับ 5G จะไม่ใช่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค หรือคอนซูเมอร์ โพรดัคส์อีกต่อไป หากแต่จะเป็นองค์กรธุรกิจระดับเอนเทอร์ไพรซ์ที่มีอิทธิพลต่อการใช้งานในส่วนนี้ ในปี 2021 เราจะมีอุปกรณ์ 5G แบบสแตนอโลนด์ (standalone) ที่แท้จริงที่จะพร้อมกับคุณสมบัติขั้นสูง
ทั้งนี้ กรณีการใช้งานในระดับเอนเทอร์ไพรซ์จะมีอิทธิพลสำคัญต่อภาพรวมในตลาด (landscape) ของ 5G ในการนำเอามาใช้งานทั้งในภาครัฐ และเอกชน สถาปัตยกรรมพื้นฐานของ 5G จะเคลื่อนตัวออกจากการใช้งานในกลุ่มโทรคมนาคม แล้วย้ายไปสู่คลาวด์ และสถาปัตยกรรมด้านไอที
ซึ่งจะเปิดกว้างสู่รูปแบบของการกำหนดด้วยซอฟต์แวร์ (Software-Defined) เป็นครั้งแรกอีกด้วย การทำนายส่วนสุดท้ายของโรสคือส่วนของอุปกรณ์ปลายทาง (edge) การเพิ่มจำนวนขึ้นของเอดจ์ (Edge Proliferation) จะกลายมาเป็นปัญหาสำคัญของ multi–cloud edge ที่มีระบบปลายทาง (Edge) ต่าง ๆ
ที่เป็นอิสระต่อกันมากเกินไป โดยสถาปัตยกรรมเอดจ์จะเข้ามามีส่วนร่วมอยู่ระหว่าง เอดจ์ แพลตฟอร์ม (ศูนย์กลางการแชร์ประสิทธิภาพการใช้งาน) และเอดจ์ เวิร์กโหลด (ส่วนขยายของงานการประมวลผล และงานด้านข้อมูล)
โดยในปี 2021 และปี 2022 เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสร้าง เอดจ์ แพลตฟอร์มต่างๆ ที่สามารถทำงานด้วยประสบการณ์ของ มัลติเพิล เอดจ์ (Multiple Edge) และบริการรูปแบบต่าง ๆ ที่กำหนดด้วยซอฟต์แวร์ (Software-Defined Services)
บนตัวเองเพื่อแก้ปัญหาการเพิ่มจำนวนของเอดจ์ที่มากขึ้น (Edge Proliferation) ทั้งนี้ เอดจ์ แพลตฟอร์มจะกลายเป็นพื้นที่สำคัญใหม่ของประสิทธิภาพไอที On–Premise ที่พร้อมให้บริการทั้งในรูปแบบของผลิตภัณฑ์และรูปแบบบริการ as–a–service
เทรนด์ต่างๆ เหล่านี้มีความสอดคล้องและสามารถนำไปใช้ได้กับประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค รวมถึงญี่ปุ่น (APJ) มิธา กล่าวสรุปถึงเป้าหมายสำคัญที่สำคัญอย่างยิ่ง (Moonshot Goals) ของแผนงาน “เดลล์ Technologies 2030” พร้อมเน้นย้ำว่าเดลล์จะสร้างผลกระทบทางสังคมในเชิงบวกให้เกิดขึ้นจริง
และวัดผลได้โดยการปลูกฝังการรวมเข้าด้วยกันเพื่อก้าวไปสู่ความยั่งยืน เพื่อการเปลี่ยนแปลงชีวิต และรักษาความเป็นส่วนตัวและจริยธรรมในองค์รวม
“ท้ายที่สุด เราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำไม่เพียงแต่มีความสำคัญเท่านั้น แต่หากทำได้เป็นอย่างดี และถูกต้องแล้วจะช่วยให้โลกใบนี้ให้เป็นสถานที่ที่ดียิ่งขึ้น เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อนำเอาเทคโนโลยี
และข้อมูลเข้ามาผสมผสานกับเจตจำนงค์ของมนุษยชาตินั่นคือพลังในเชิงบวกของโลก และจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป และในเวลานี้ ผมเชื่อว่าเรากำลังมุ่งหน้าสู่อนาคตที่สดใส และดีกว่าเดิม” อามิต มิธา กล่าว
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th