การ์ทเนอร์ (Gartner) คาดภายใน 4 ปี 2569- 2572 “GenAI” จะส่งผลกระทบต่อ “คน องค์กร สังคม” โดยจะเปลี่ยนแปลงวงกว้างต่อสิ่งที่มนุษย์เคยทำได้ทั้งหมด…
Gartner คาดภายใน 4 ปี “Gen AI ” จะส่งผลกระทบวงกว้าง ต่อ “คน องค์กร และสังคม “
การ์ทเนอร์ เผยการคาดการณ์เชิ งกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับปี 2568 และอนาคตข้างหน้า โดยการ์ทเนอร์ระบุว่า Generative AI (GenAI) กำลังส่งผลกระทบวงกว้างต่อพื้ นที่ที่เคยมีแต่มนุษย์เท่านั้ นที่สามารถทำได้
แดริล พลัมเมอร์ รองประธานอาวุโส หัวหน้าฝ่ายวิจัย และ Gartner Fellow
แดริล พลัมเมอร์ รองประธานอาวุโส หัวหน้าฝ่ายวิจัย และ Gartner Fellow กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนว่าไม่ว่ าเราจะไปไหนก็หลีกเลี่ ยงผลกระทบของ AI ไม่ได้ และ AI ก็กำลังพัฒนาไปพร้อม ๆ กับการใช้งานของมนุษย์ ก่อนที่จะไปถึงจุดที่มนุษย์ไล่ ตามไม่ทัน เราต้องยอมรับก่อนว่า AI ช่วยให้เราพัฒนาได้ขึ้นมากแค่ ไหน
ในปี 2569 องค์กร 20 % จะใช้ AI ปรับโครงสร้างองค์กรให้แบนราบลง โดยลดตำแหน่งผู้บริหารระดั บกลางที่มีอยู่ในปัจจุบั นลงมากกว่าครึ่ง
องค์กรที่นำ AI มาใช้เพื่อลดจำนวนผู้บริหารระดั บกลางจะสามารถลดต้นทุนค่าจ้ างในระยะสั้น และทำให้องค์ กรประหยัดขึ้นในระยะยาว ซึ่งการนำ AI มาใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิ ภาพการทำงาน และขยายขอบเขตการควบ คุม ด้วยการทำให้เป็นอัตโนมัติ
ทั้งการจัดตารางงาน การรายงาน และการติดตามผลการปฏิบัติ งานของพนักงาน ซึ่งช่วยให้ผู้จัดการมุ่งเน้ นไปที่กิจกรรมเชิงกลยุทธ์ที่มี ความยืดหยุ่น และมีมูลค่าเพิ่ มมากขึ้น การนำ AI มาใช้ จะนำมาซึ่งความท้าทายให้กั บองค์กร เช่น พนักงานส่วนใหญ่กังวลเกี่ยวกั บความมั่นคงในงาน
ขณะที่ผู้จัดการก็หนักใจกั บจำนวนผู้ใต้บังคับบัญชาที่เพิ่ มขึ้น และพนักงานที่เหลือไม่เต็ มใจเปลี่ยนแปลง หรือยอมรับการใช้ AI มาเป็นตัวขับเคลื่อนการมีปฏิสั มพันธ์ร่วมกัน และอาจส่งผลต่อเส้นทางการเป็นพี่ เลี้ยงสอน และการเรียนรู้ล่มสลาย จนทำให้พนักงานระดับล่ างขาดโอกาสในการพัฒนา
ในปี 2570 สัญญาจ้างงานใหม่ 70 % จะรวมข้อกำหนดเรื่องการอนุญาตสิ ทธิ์ และการใช้งานที่ เหมาะสมสำหรับการแสดงตั วตนในระบบ AI
โมเดลภาษาขนาดใหญ่ ( LLMs) ที่เกิดขึ้นไม่มีกำหนดถึงวันสิ้ นสุด นั่นหมายความว่าข้อมูลส่วนบุ คคลของพนักงานที่ถูกจัดเก็บโดย LLMs ขององค์กรนั้นจะยังอยู่ใน LLM ทั้งช่วงระหว่างการจ้ างงานและหลังจากสิ้นสุดการจ้ างงาน
ซึ่งจะนำไปสู่การถกเถียงในเชิงสาธารณะ ที่ตั้งคำถามกันว่าพนักงานหรื อนายจ้างมีสิทธิ์ในการเป็นเจ้ าของตัวตนดิจิทัลนี้หรือไม่ ซึ่งในท้ายที่สุดอาจนำไปสู่ การฟ้องร้องทางกฎหมาย โดยข้อกำหนดการใช้งานอย่างเป็ นธรรมจะถูกนำมาใช้เพื่อปกป้ ององค์กรจากการฟ้องร้องในทันที แต่ก็ยังคงก่อให้เกิดข้อขัดแย้ งตามมา
ในปี 2570 ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ 70 % จะรวมข้อกำหนด และเงื่อนไขที่เกี่ ยวข้องกับ AI ด้านอารมณ์ไว้ในสั ญญาทางเทคโนโลยี มิฉะนั้นอาจเสี่ยงต่อความเสี ยหายทางการเงินหลายพันล้าน
ภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ที่ เพิ่มขึ้นจนส่งผลให้มีผู้ลาออก อีกทั้งความต้องการของผู้ป่วยที่ เพิ่มขึ้น และอัตราการหมดไฟ ( Burnout) ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำลังก่ อให้เกิดวิกฤตความเห็นอกเห็นใจ หรือ Empathy Crisis โดยการใช้ Emotional AI ในงานต่าง ๆ
อาทิ การเก็บข้อมูลผู้ป่วย สามารถช่วยบุคลากรทางการแพทย์ ให้มีเวลาว่างมากขึ้น ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้ าและความคับข้องใจที่ ประสบจากภาระงานที่เพิ่มขึ้น
ปี 2570 บริษัทในกลุ่ม Fortune 500 จะเปลี่ยนงบประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์ จากค่าใช้จ่ ายในการดำเนินงานด้านพลั งงานไปสู่ ไมโครกริด เพื่อลดความเสี่ยงเรื้อรังด้ านพลังงาน และความต้องการด้าน AI
ไมโครกริดคือโครงข่ายพลังงานที่ เชื่อมต่อกับการผลิต การกักเก็บรักษา และการจ่ายพลังงานในระบบที่ แยกตัวเป็นอิสระ ซึ่งสามารถทำงานได้ด้วยตั วเองหรือทำงานร่วมกับระบบโครงข่ ายพลังงานหลักเพื่ อตอบสนองความต้องการใช้พลั งงานในพื้นที่หรือสถานที่ที่มี ความเฉพาะ
เทคโนโลยีนี้สร้างความได้เปรี ยบในการแข่งขันสำหรับการดำเนิ นงานต่าง ๆ ในประจำวันและช่วยลดความเสี่ ยงด้านพลังงานในอนาคต โดยบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 ที่ใช้จ่ายค่าดำเนินงานส่วนหนึ่ งไปกับพลังงานควรพิจารณาลงทุ นในไมโครกริด ซึ่งจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ าการจ่ายค่าสาธารณูปโภคที่มี แนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ในปี 2571 การจมดิ่งไปในเทคโนโลยีจะส่ งผลกระทบต่อประชากรในด้ านการเสพติดดิจิทัล และการแยกตั วจากสังคม ส่งผลให้ 70 % ขององค์กรต้องนำนโยบายต่อต้านดิ จิทัลมาใช้งาน
การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าในปี 2571 จะมีประชากรประมาณหนึ่งพันล้ านคนที่ได้รั บผลกระทบจากการเสพติดดิจิทัล ซึ่งส่งผลทำให้ประสิทธิ ภาพการทำงานลดลง มีความเครียดเพิ่มขึ้น และเกิดปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้ นอย่างรวดเร็ว เช่น มีความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า
นอกจากนี้ การจมดิ่งในดิจิทัลจะส่ งผลกระทบในแง่ลบต่อทักษะทางสั งคม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มี แนวโน้มจะได้รับผลกระทบมากกว่า
“ผลกระทบของการแยกตัวจากการจมดิ่ งในดิจิทัลจะนำไปสู่แรงงานที่ แตกแยก ( Disjointed Workforce) ทำให้องค์กรพบว่าประสิทธิ ภาพการทำงานของพนักงานและผู้ร่ วมงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นองค์กรจำเป็นต้องกำหนดช่ วงเวลาดีท็อกซ์ดิจิทัลให้เป็นข้ อบังคับสำหรับพนักงาน
สั่งห้ามการสื่อสารนอกเวลางาน และนำเครื่องมือ และเทคนิ คแบบแอนะล็อกกลับมาใช้เป็นข้อบั งคับ อาทิ การประชุมที่ปลอดหน้าจอ การงดใช้อีเมลในวันศุกร์ หรือการพักรับประทานอาหารกลางวั นนอกโต๊ะทำงาน ” พลัมเมอร์ กล่าว
ในปี 2571 องค์กรขนาดใหญ่ 40 % จะนำ AI มาใช้เพื่อจัดการ และวัดอารมณ์ รวมถึงพฤติกรรมของพนักงาน ทั้งหมดก็เพื่อผลกำไร
AI มีความสามารถวิเคราะห์ความรู้สึ กจากการมีปฏิสัมพันธ์ และการสื่ อสารในที่ทำงาน สิ่งนี้ให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่ อให้เข้าใจถึงความรู้สึ กโดยรวมที่สอดคล้องกับพฤติ กรรมที่กำหนด ช่วยให้ทีมงานมีแรงจูงใจ และมีส่ วนร่วมในการทำงาน
“พนักงาน อาจรู้สึกว่าความเป็นอิ สระ และความเป็นส่วนตั ว ของพวกเขาถูกละเมิด จนทำให้เกิดความไม่ พอใจ และความไว้วางใจลดลง ”
“แม้ประโยชน์ที่ได้รั บจากเทคโนโลยีการวิเคราะห์พฤติ กรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI นั้นจะมีมากมาย แต่บริษัทต้องรักษาสมดุลระหว่ างการนำ AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพร่วมกั บการดูแลเอาใจใส่ความเป็นอยู่ที่ ดีของพนักงานอย่างจริงใจ เพื่อเลี่ยงผลเสียด้านขวัญกำลั งใจ และความจงรักภักดีต่อองค์ กรในระยะยาว ” พลัมเมอร์ กล่าว
ในปี 2571 บริษัทในดัชนี S&P 30 % จะใช้การติดฉลาก Gen AI เช่น “xx GPT ” เพื่อปรับภาพแบรนด์ และเพิ่ มโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ ๆ
ผู้บริหาร CMO ต่างมองว่า GenAI เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้เปิ ดตัวร่วมกับทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ และโมเดลธุรกิจใหม่ โดย GenAI ยังเปิดโอกาสให้เกิดช่ องทางรายได้ใหม่ ๆ จากการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้ รวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ ดีขึ้น รวมถึงทำให้กระบวนการต่าง ๆ เป็นอัตโนมัติ
ขณะที่ภูมิทัศน์ของ GenAI มีการแข่งขันมากขึ้น หลายบริษัทกำลังสร้างความแตกต่ างให้กับแบรนด์ด้วยการพั ฒนาโมเดลเฉพาะทางที่ปรับให้ เหมาะกับอุตสาหกรรมของตน
ในปี 2571 25 % ของการละเมิดความปลอดภัยในองค์ กร จะถูกสืบย้อนกลับไปที่การใช้ AI agent ในทางที่ผิด ทั้งจากผู้โจมตี ภายนอก และภายในที่เป็นอันตราย
องค์กรจำเป็นต้องมีโซลูชันด้าน ค วามปลอดภัย และความเสี่ยงใหม่ ๆ เนื่องจาก AI agents เพิ่มพื้นที่การโจมตีที่มองไม่ เห็นในองค์กรมากขึ้นอย่างมีนั ยสำคัญ ซึ่งจะบังคับให้องค์กรต้องปกป้ องธุรกิจของตนจากผู้โจมตี ภายนอกที่ชาญฉลาด และจากพนั กงานที่ไม่พอใจที่สร้าง AI agents เพื่อดำเนินกิจกรรมที่เป็นอั นตราย
“องค์กรไม่สามารถรอที่ จะนำระบบการควบคุมต่าง ๆ เพื่อลดภัยคุกคามจาก AI agent มาใช้ได้ ดังนั้นแนวทางที่ง่ายกว่าคื อการสร้างระบบการลดความเสี่ ยง และความปลอดภัยเข้าไปไว้ในตั วผลิตภัณฑ์ และซอฟต์แวร์ ซึ่งดีกว่าเพิ่มเข้าไปหลั งจากเกิดเหตุการละเมิ ดความปลอดภัย ” พลัมเมอร์ กล่าว
ในปี 2571 ผู้บริหาร CIOs 40 % จะเรียกร้องให้มี “Guardian Agents ” สำหรับเฝ้าติดตาม ดูแล หรือควบคุมผลลัพธ์ที่เกิ ดจากการกระทำของ AI agent โดยอัตโนมัติ
องค์กรกำลังให้ความสนใจ AI agents เพิ่มขึ้น แต่เมื่อมีการเพิ่มระดับความอั จฉริยะใน GenAI agent ใหม่ ๆ ก็มีแนวโน้มที่ผู้นำด้านผลิตภั ณฑ์จะนำมาปรับใช้สำหรั บวางแผนเชิงกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว โดย “Guardian Agents” คือการพัฒนาต่อยอดจากแนวคิ ด การตรวจสอบความปลอดภัย การสังเกตการณ์
การรับรองการปฏิบัติตามกฎระเบี ยบ จริยธรรม การกรองข้อมูล การตรวจสอบบันทึก และกลไกอื่น ๆ อีกมากมายของ AI Agent ซึ่งตลอดปี 2568 ตัวเลขการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มี AI agent แบบมัลติเพิลจะเพิ่มขึ้นอย่างต่ อเนื่อง พร้อมกับมี ยูสเคส การใช้งานที่ซั บซ้อนยิ่งขึ้น
“อีกไม่นานการโจมตีด้ านความปลอดภัยของ AI agent จะเป็นพื้นที่ภัยคุกคามใหม่ ซึ่งการนำมาตรการป้องกัน , ตัวกรองความปลอดภัย , การกำกับดูแลโดยมนุษย์ หรือแม้แต่การสังเกตการณ์ด้ านความปลอดภัยมาใช้อาจยังไม่เพี ยงพอที่จะรับประกันว่าการใช้ AI agent นั้นมีความเหมาะสม และใช้งานได้ อย่างสม่ำเสมอ ” พลัมเมอร์ กล่าว
ในปี 2572 คณะกรรมการบริษัท 10 % ทั่วโลกจะใช้ AI guidance เพื่อท้าทายการตัดสินใจของผู้ บริหารที่มีผลกระทบสำคัญต่อธุ รกิจ
ข้อมูลเชิงลึกที่สร้างขึ้นจาก AI จะมีผลกระทบวงกว้างต่อการตัดสิ นใจของผู้บริหาร และทำให้กรรมการบริษัทนำมาใช้ท้ าทายการตัดสินใจของผู้บริหาร นี่จะเป็นการหมดยุคของซีอีโอที่ ชอบตัดสินใจตามอำเภอใจโดยไม่มี เหตุผลรองรับ
“ในช่วงแรก ข้อมูลเชิงลึกจาก AI จะดูคล้ายกับรายงานแยกย่อย หรือ Minority Report ที่ไม่สะท้อนมุมมองของกรรมการส่ วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม เมื่อข้อมูลเชิงลึกที่ได้จาก AI นี้ พิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิผล มันจะได้รับการยอมรับในหมู่ผู้ บริหารที่แข่งกันหาข้อมูลสนั บสนุนการตัดสินใจเพื่อปรับปรุ งผลลัพธ์ทางธุรกิจ” พลัมเมอร์ กล่าว
ส่วนขยาย
* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th