ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับงาน Next @ Acer 2020 in Taiwan เมื่อคืนวานนี้ ซึ่งงานนี้เรียกว่าสร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมากสำหรับโปรดักส์ไลน์ใหม่จากเอเซอร์ที่ต้อง Wow…
เก็บตก…!! งาน Next@Acer 2020 in Taiwan
โดยโปรดักส์ไลน์ใหม่ ที่ทาง เอเซอร์ ขนมาโชว์ภายในงาน Next@Acer 2020 in Taiwan เมื่อคืนวานนี้ เรียกว่ายกทัพครบทุกกลุ่ม GAMING, CREATOR, RUGGED และ LAPTOPS แถมยังพ่วงด้วยการเปิดตัว “Enduro“ ดีไวซ์สายพันธุ์อึดสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมมาให้ได้ว๊าว!! อีกด้วย
Laptops ใหม่!! ไฉไลกว่าเก่า
เริ่มต้นด้วย เอเซอร์ Swift5 อัพเดทเจนเนเรชั่นใหม่ของโน้ตบุ๊กในกลุ่มบาง เบา หน้าจอ FHD IPS 14นิ้ว เทคโนโลยี Corning Gorilla Glass พร้อมการเคลือบสาร Antimicrobial ป้องกันแบคทีเรียที่ทัชแพด ให้สัดส่วนหน้าจอสมจริงถึง 90% อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลังของหน่วยประมวลผล Intel CoreTM
พร้อมสถาปัตยกรรม Intel Xe การ์ดจอแยกจาก Intel หรือ NVIDIA GeForce MX350 GPUs บอดี้ทำจากแมกนีเซียมลิเธียมและแมกนีเซียมอลูมิเนียมคุณภาพสูง ตัวเครื่องบางเบาพกพาสะดวกด้วยน้ำหนักที่น้อยกว่า 1 กก. แบตเตอรี่ใช้งานยาวนานสามารถชาร์ตได้อย่างรวดเร็ว สามารถใช้งานได้ถึง 4 ชั่วโมงในการชาร์ต 30 นาที
พร้อมเพิ่มสีสันให้เลือกอีก 2 สี Mist Green และ Safari Gold โดย Swift 5 จะเริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนตุลาคม ราคาเริ่มต้นที่ 999.99 เหรียญสหรัฐ ภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนตุลาคม ราคาเริ่มต้นที่ 1,099 ยูโร และในประเทศจีน ในเดือนตุลาคม ราคาเริ่มต้นที่ 6,999 หยวน
ขณะที่ เอเซอร์ Chromebook Spin 713, Enterprise Spin 713 และ Spin 311 คอนเวอร์ทิเบิลโครมบุ๊คสำหรับภาคธุรกิจ และนักเรียนนักศึกษากับการออกแบบระดับพรีเมียมและเทคโนโลยีใหม่จากเอเซอร์ ปลดล็อคทุกความสามารถกับการทำงานบนระบบปฏิบัติการ Chrome
ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Intel Core Gen10 เป็น Chromebook ใน Project Athena ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ทันสมัยที่สุดด้วยวัสดุ military grade ให้ความแข็งแรง ทนทาน
ด้าน เอเซอร์ Chromebook Spin 713, Enterprise Spin 713 คอนเวอร์ทิเบิลโครมบุ๊คหน้าจอ IPS Corning Gorilla Glass ขนาด 13.5 นิ้ว ให้แสดงผลระดับ 2K ในอัตราส่วน 3:2 เทคโนโลยีหมุนพับได้ 360 องศา โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนกรกฎาคม ในราคาเริ่มต้นที่ 629.99 เหรียญสหรัฐ
และเริ่มวางจำหน่ายภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนมิถุนายน ราคาเริ่มต้นที่ 699 ยูโร และ เอเซอร์ Chromebook Enterprise Spin 713 จะเริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 1,099 เหรียญสหรัฐ ภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 899 ยูโร
ส่วน เอเซอร์ Chromebook Spin 311 คอนเวอร์ทิเบิลโครมบุ๊คหน้าจอ 11.6 นิ้ว ได้รับการออกแบบให้เป็นมิตรกับผู้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน และชีวิตประจำวัน ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Mediatek MT8183 ให้ประสิทธิภาพสำหรับการเรียกใช้แอพหลายหน้า และเอกสารพร้อมกัน แบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 15 ชั่วโมง
ช่วยให้มั่นใจได้ว่านักเรียน และครอบครัวจะได้เรียนรู้ตลอดระยะเวลาการทำงานและการเล่นที่ยาวนาน และ เอเซอร์ Chromebook Spin 311 จะเริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนกรกฎาคม ราคาเริ่มต้นที่ 259.99 เหรียญสหรัฐ ภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนมิถุนายน ราคาเริ่มต้นที่ 299 ยูโร
Gaming สุดแรง สั่งได้ดังใจ!!
เริ่มต้นกับ Predator Orion 9000 และ Orion 3000 เกมมิ่งเดส์กท็อปสำหรับเกมเมอร์มืออาชีพที่ชื่นชอบการสตรีมระหว่างการเล่นเกม Orion 9000 มาพร้อมประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ของพลังประมวลผล Intel Core i9 Extreme Edition
พร้อมการ์ดจอคู่ NVIDIA Geforce RTX 2080 Ti กับการอัพเกรดระบบระบายความร้อนขั้นสูง รวมถึง Orion 3000 ที่มาพร้อมพลังประมวลผลจาก Intel Core i7 Gen 10 ขณะที่ Nitro 50 เกมมิ่งเดส์กท็อปสำหรับการใช้งานทั่วไป และผู้เล่นมือใหม่ที่ต้องการพลังการต่อสู้บนเวทีของเกมเมอร์
ด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลังของ Intel Core i7 Gen 10 ผนวกกราฟิกที่ลื่นไหลจาก GeForce RTX 2060 SUPER ให้ความจุในการจัดเก็บด้วย SSD 1TB NVMe PCIe SSD และ HDDs 3TB ถึง 2 ตัว โดย Predator Orion 9000 จะเริ่มวางจำหน่ายในภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง
ในเดือนตุลาคม ราคาเริ่มต้นที่ 2,799 ยูโร และเดือนกันยายนที่ประเทศจีน ในราคาเริ่มต้นที่ 20,999 หยวน ขณะที่ Orion 3000 จะเริ่มจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนกันยายน ราคาเริ่มต้นที่ 999.99 เหรียญสหรัฐ ภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 899 ยูโร
และในประเทศจีน ในเดือนกรกฎาคม ราคาเริ่มต้นที่ 8,999 หยวน ด้าน Nitro 50 จะเริ่มจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนกันยายน ราคาเริ่มต้นที่ 799.99 เหรียญสหรัฐ ภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 799 ยูโร และในประเทศจีน ในเดือนกรกฎาคม ราคาเริ่มต้นที่ 4,599 หยวน
นอกจากนี้ในการเปิดตัวครั้งนี้้ยังเอาใจเกมเมอร์ที่อยากพกพาอุปกรณ์คู่ใจแรง ๆ ไปด้วย ทุกที่ ทุกเวลา ด้วย Predator Helios 300 เกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่ได้รับความนิยม นำเสนอด้วยประสิทธิภาพที่คุ้มค่าด้วย Intel Core Gen 10 H Series กราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce RTX 2070 GPU Max-Q Design
หน้าจอ IPS FHD 15.6 นิ้ว Helios 300 ส่งมอบเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่ทรงพลังและเต็มไปด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ในราคาย่อมเยา รองรับหน่วยความจำสูงสุด DDR3 2933 MHz 32 GB, PCIe NVMe SSD 2 ตัวในการกำหนดค่า RAID 0 และฮาร์ดไดรฟ์สูงสุด 2 TB ให้ความเร็ว และพื้นที่ในการจัดเก็บเกม และความบันเทิงได้อย่างจุใจ
Predator Helios 300 จะเริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือในเดือนกรกฎาคม ราคาเริ่มต้นที่ 1,199.99 เหรียญสหรัฐ ภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนกรกฎาคม ราคาเริ่มต้นที่ 1,299 ยูโร และในประเทศจีน ในเดือนมิถุนายน ราคาเริ่มต้นที่ 8,999 หยวน
ขณะที่ Predator Triton 300 เกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่ทรงพลังแต่ดีไซน์บางที่รองรับการทำงานของ Intel Core Gen 10 H Series มาด้วยจอแสดงผล FHD IPS ขนาด 15.6 นิ้ว ความเร็วในการตอบสนอง 3 มิลลิวินาที ให้ความสว่าง 300 nits เหมาะสำหรับการเล่นเกม
และการสร้างคอนเทนต์ รองรับ M.2 SSD ได้สูงสุดสามตัว (1 PCIe, 2 คอมโบ) ให้อัตราการถ่ายโอนที่รวดเร็วและความเร็วที่คอเกมต้องการ ภายใต้ตัวเครื่องโลหะเพิ่มท่อเพื่อการระบายความร้อนขั้นสูงถึง 3 ท่อ พร้อมระบบทำความเย็นแบบ dual-fan (ประกอบด้วยพัดลมโลหะ 3D AeroBlade 3D รุ่นที่ 4)
ส่วน Predator Triton 300 จะเริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือในเดือนกันยายน ในราคาเริ่มต้นที่ 1,299.99 เหรียญสหรัฐ ภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนกรกฎาคม ราคาเริ่มต้นที่ 1,399 ยูโร
ด้าน Nitro 7 เกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่พกพาไปได้ทุกที่ จอ FHD IPS 15.6 นิ้ว บอดี้โลหะบางเพียง 19.9 มม. (0.78 นิ้ว) มาพร้อมหน่วยประมวลผล Intel Core Gen 10 H Series กราฟิกการ์ด GeForce RTX 2060 GPU i ระบายความร้อนด้วยพัดลมคู่ และเทคโนโลยี CoolBoost ที่สามารถเปิดใช้งาน NitroSense
ในการเพิ่มความเร็วพัดลม 10% และการระบายความร้อนของ CPU / GPU 9% เมื่อเทียบกับโหมดอัตโนมัติ โดย Nitro 7 จะเริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือในเดือนตุลาคม ราคาเริ่มต้นที่ 999.99 เหรียญสหรัฐ และภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนกรกฎาคม ราคาเริ่มต้นที่ 1,299 ยูโร
สายครีเอเตอร์เตรียมโชว์ไอเดียสุดแจ่มด้วยนวัตกรรมที่สะท้อนตัวตน
ด้วย ConceptD เครื่องมือคู่ใจที่งานสายครีเอเตอร์ต้องมี เพิ่มไลน์โปรดักส์ด้วยโน้ตบุ๊ก เดส์กท็อป และมอนิเตอร์สำหรับผู้ใช้งานกลุ่มครีเอเตอร์ด้วยดีไซน์ล้ำสมัยด้วยประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ผลิตภัณฑ์กลุ่ม ConceptD ให้ความถูกต้องของสีในระดับมืออาชีพด้วยจอแสดงผล PANTONE Validated
การันตีความแม่นยำของค่าสีด้วยมาตรฐาน Delta E ที่น้อยกว่า 1 ให้ความนิ่งสงบเพื่อพลังแห่งการสร้างสรรค์ด้วยความเงียบของพัดลม AeroBlade 3D ที่ลดเสียงรบกวนในระดับต่ำกว่า 40dB
และ ConceptD 3 Ezel คือคอนเวอร์ทิเบิลโน้ตบุ๊กสำหรับการขับเคลื่อนพลังแห่งการสร้างสรรค์ของ ครีเอเตอร์ ดีไซน์เรียบหรู ตัวเครื่องบางแต่อัดแน่นด้วยพลังการประมวลผล Intel Core i7 Gen 10 แบตเตอรี่ให้ชั่วโมงการใช้งานสูงสุด 18 ชั่วโมง
ครอบคลุมการทำงานที่นอกเหนือจาก drawing และ sketching แต่ยังสามารถใช้งานได้ถึง animation และ 3D. ConceptD 3 Ezel สามารถปรับการใช้งานได้ถึง 6 รูปแบบ ด้วยคุณสมบัติของบานพับที่สามารถปรับการใช้งานได้ตามสถานการณ์
ด้าน ConceptD D3 Ezel พร้อมจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 1,499.99 เหรียญสหรัฐ ภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนกันยายน ราคาเริ่มต้นที่ 1,699 ยูโร และในประเทศจีน ในเดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 9,999 หยวน
ขณะที่ ConceptD 3 ให้อิสระของการสร้างสรรค์ด้วยโน้ตบุ๊กที่มีประสิทธิภาพสูงได้ทุกที่ ทุกเวลา พร้อมพลังขับเคลื่อนจาก Intel Core Gen 10 H Series พร้อมกราฟิกการ์ดที่สามารถเลือกได้ทั้ง NVIDIA Quadro T1000 (ConceptD 3 Pro) หรือ GeForce GTX 1650Ti GPUs เหมาะสำหรับการทำงาน 2D, 3D
โดย ConceptD 3 จะเริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนตุลาคม ราคาเริ่มต้นที่ 999.99 เหรียญสหรัฐ ภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนตุลาคม ราคาเริ่มต้นที่ 1,299 ยูโร และในประเทศจีน เดือนกันยายน ราคาเริ่มต้นที่ 8,999 หยวน
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะงานนี้ ConceptD ได้พัฒนาตัวเครื่องที่เป็นแบบตั้งโต๊ะออกมาด้วย ได้แก่ ConceptD 100 ปลดล็อกพลังสร้างสรรค์ด้วยเดส์กท็อป ที่เหมาะกับการออกแบบ 2D ละการสร้างแบบจำลอง 3D CAD สำหรับครีเอเตอร์มืออาชีพ และห้องเรียนมัลติมีเดีย
ขับเคลื่อนด้วยพลังการประมวลผล Intel Core Gen 9 และกราฟิกการ์ดที่มีให้เลือกทั้ง NVIDIA GeForce และ Quadro GPU พร้อมพื้นที่จัดเก็บข้อมูล SSD ที่สูงถึง 256GB เร่งการประมวลผลให้เร็วขึ้นด้วย RAM DDR4 สุงสุดถึง 32 GB โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนมิถุนายน ราคาเริ่มต้น 799 ยูโร
ConceptD 100 ปลดล็อกพลังสร้างสรรค์ด้วยเดส์กท็อป ที่เหมาะกับการออกแบบ 2D ละการสร้างแบบจำลอง 3D CAD สำหรับครีเอเตอร์มืออาชีพ และห้องเรียนมัลติมีเดีย ConceptD 100 ขับเคลื่อนด้วยพลังการประมวลผล Intel Core Gen 9
และกราฟิกการ์ดที่มีให้เลือกทั้ง NVIDIA GeForce และ Quadro GPU พร้อมพื้นที่จัดเก็บข้อมูล SSD ที่สูงถึง 256GB เร่งการประมวลผลให้เร็วขึ้นด้วย RAM DDR4 สุงสุดถึง 32 GB โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนมิถุนายน ราคาเริ่มต้น 799 ยูโร
ConceptD Monitor จอมอนิเตอร์สำหรับครีเอเตอร์มืออาชีพ
สำหรับนักกราฟิกครีเอเตอร์ทั้งหลายปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต้องการจอที่ให้สีสันสมจริงมากที่สุด ดังนั้น เอเซอร์ จึงออกโปรดักซ์เฉพาะอย่าง ConceptD CP5 และ CP3 จอมอนิเตอร์สำหรับกราฟิกครีเอเตอร์ เพื่อให้นักตัดต่อ และอนิเมเตอร์มืออาชีพที่ต้องการจอที่มีประสิทธิภาพสูงพร้อมความแม่นยำของสีที่โดดเด่น
ซึ่ง ConceptD CP5 และ CP3 ได้รับการออกแบบมาสำหรับงานที่ต้องการความละเอียด แม่นยำของสี และช่วงสีที่กว้าง อัตราการรีเฟรชสูงเพื่อความสะดวกในการออกแบบ
โดย ConceptD CP5271U V ให้ภาพสมบูรณ์เหมือนจริงด้วยการแสดงค่าสีแม่นยำในระดับ Delta E<1 จอแสดงผล PANTONE 1.07 พันล้านสี ให้คุณภาพของภาพที่มีความละเอียดอ่อนได้ถึง WQHD 2560 x 1440, VESA DisplayHDR 600 รองรับ Adaptive-Sync
และโอเวอร์คล็อกอัตราการรีเฟรชได้ถึง 170 Hz เพราะสำหรับงานตัดต่อ CG ระดับมืออาชีพ ครอบคลุมสี Adobe RGB 99% ให้อัตราการตอบสนองอย่างรวดเร็ว 1 ms (GTG)
โดย ConceptD CP5 พร้อมจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 749.99 เหรียญสหรัฐ ภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 759 ยูโร และในประเทศจีน ในเดือนกรกฎาคม ในราคาเริ่มต้นที่ 4,999 หยวน
นอกจากนี้ยังมี ConceptD CP3 มอนิเตอร์สำหรับมืออาชีพด้านตัดต่อวิดีโอแอนิเมชั่น และนักออกแบบกราฟิกรองรับช่วงสีที่กว้างถึง 98% ความละเอียดหน้าจอ WQHD 3840 x 2160 ให้อัตรารีเฟรชสูงถึง 165 Hz โดยพร้อมจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 619.99 เหรียญสหรัฐ
ภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 629 ยูโร และเริ่มจำหน่ายแล้วในประเทศจีน ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 3,999 หยวน
ด้าน ConceptD CM3 เพราะการสร้างสรรค์คือการถ่ายทอดจินตนาการ ConceptD CM3 มอนิเตอร์สำหรับกราฟิกมืออาชีพ และรีทัชเชอร์ที่ต้องการจอภาพที่สามารถแสดงแนวคิดการออกแบบที่ละเอียดครอบคลุมถึงการแสดงภาพ 3D ให้การถ่ายทอด
และแสดงผลเป็นไปอย่างรวดเร็ว และราบรื่น ให้ความแม่นยำสีที่ดีเยี่ยม รองรับช่วงสีที่กว้างเพิ่มความเชื่อถือในชิ้นงาน
ขณะที่ ConceptD CM3271K มอนิเตอร์ 4K UHD ให้ความละเอียด 3840 x 2160 พร้อมช่วงเวลาตอบสนอง 4 ms (G to G) อัตราการรีเฟรช 60Hz รองรับขอบเขตสี Adobe RGB 99% สามารถทำงานร่วมกับ AMD Radeon FreeSync รองรับ PANTONE
ที่ให้ค่า Delta E<2 และรองรับ VESA-certified Display HDR 400 โดยพร้อมจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 709.99 เหรียญสหรัฐ ภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 719 ยูโร และประเทศจีน ในเดือนกรกฎาคม ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 4,999 หยวน
ดีไวซ์สายพันธุ์อึด!! สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม
นับเป็นโปรดักซ์แนวที่ เอเซอร์ ไม่ค่อยทำเท่าไร แต่พอทำออกมาทีถึงก็ต้องร้องว็าวกันเลยกับ Enduro Series กลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ก และแท็บเล็ตสายพันธุ์อึดที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อมอบความทนทาน ความสะดวกในการพกพาและประสิทธิภาพที่จำเป็นสำหรับมืออาชีพที่ทำงานในพื้นที่ งานภาคสนาม และอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Enduro Series มาพร้อมมาตรฐาน MIL-810G (มาตรฐานการทดสอบการสั่นสะเทือน) และ IP65 (มาตรฐานที่บอกถึงระดับการป้องกันฝุ่น และน้ำ) นอกจากการป้องกันทางกายภาพของตัวเครื่องแล้วยังรวมถึงการจัดการความปลอดภัยและการจัดการต่าง ๆ
เช่น Acer Enduro Manageability Suite (AEMS) ระบบที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการจัดการอุปกรณ์ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
เริ่มด้วยรุ่น เอเซอร์ Enduro N7 โน้ตบุ๊กที่มีความแข็งแกร่ง ทนต่อสภาพแวดล้อมทางอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลาย ผลิตด้วยวัสดุที่ดูดซับแรงกระแทก ได้รับการการออกแบบทางวิศวกรรมมให้ทนทานต่อการตกกระแทกพื้น และปกป้องการซึมผ่านของฝุ่น และน้ำ ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวทำให้อุปกรณ์สามารถทำงาน
ได้ทั้งในสภาพอากาศที่ร้อนและเย็น Acer Enduro N7 มีหน้าจอ FHD 14 นิ้ว ให้การมองเห็นที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นกลางแดดหรือในร่มด้วยความสว่าง 700 nit มาพร้อมแบตเตอรี่คู่ ทั้ง hot-swappable ที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง และแบตเตอรี่แบบ built-in อีก 1 หน่วย
ต่อด้วย เอเซอร์ Enduro N3 อีกหนึ่งโน้ตบุ๊กที่ทรงพลังที่ให้ความสมดุลในด้านความทนทานและการพกพาเหมาะกับการรองรับการทำงานที่หลากหลาย ทั้งสถาปนิก ผู้ตรวจสอบโครงการ ผู้จัดการ และเจ้าหน้าที่ภาคสนาม หรือแม้กระทั่งผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องการบันทึกการผจญภัย Enduro N3
นอกจากจะได้รับการออกแบบให้ทนน้ำ ทนฝุ่นตามมาตรฐาน MIL-810G และ IP65 ยังรวมถึง Corning Gorilla Glass ที่ช่วยปกป้องจอแสดงผลจากน้ำ Enduro N3 ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวล Intel Core i7 Gen 10 ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เชื่อถือได้
ด้วยการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX230 และ PCle Gen3 NVMe SSD 512 GB เพื่อรองรับการใช้งานหนักในภาคอุตสาหกรรม โดย Enduro N3 พร้อมจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 899 เหรียญสหรัฐ และวางจำหน่ายแล้วในภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง เดือนมิถุนายน ในราคาเริ่มต้นที่ 999 ยูโร
อย่าคิดว่าหมดแล้ว เพราะในซีรี่ย์นี้ เอเซอร์ จัดเต็มในแบบที่เรียกว่าคิดอะไรได้ก็ขนออกโชว์กันเลย โดยนอกจากโน้ตบุ๊กสายพันธ์ุอึดแล้ว เอเซอร์ ยังปล่อย เอเซอร์ Enduro T5 วินโดวส์แท็บเล็ตขนาด 10 นิ้ว ได้รับการออกแบบที่รองรับการทำงานที่ยาวนานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน
สามารถเปลี่ยนการใช้งานแบตเตอรี่ได้ เอเซอร์ Enduro T5 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยหน่วยประมวลผล Intel Core M Gen 7 ให้พลังงานที่จำเป็นสำหรับผู้ใช้งานด้านการขนส่ง และสายงานการผลิต เพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานแท็บเล็ตด้วยอุปกรณ์เสริม แท่นวาง มือจับ สายคล้องไหล่ 4 จุด สายพาดบ่า ที่ชาร์ต และที่ยึดในรถยนต์
ตามมาด้วย เอเซอร์ Enduro T1 (ET110-31W) วินโดวส์แท็บเล็ตขนาด 10 นิ้ว ที่มีความยืดหยุ่นและทนทาน สามารถเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นโน้ตบุ๊กได้ด้วยคีย์บอร์ดเสริม มาพร้อมหน่วยประมวลผล Intel Celeron พื้นที่จัดเก็บข้อมูล eMMC 64 GB อีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการทำงาน
และ เอเซอร์ Enduro T1 (ET108-11A) แอนดรอยด์แท็บเล็ตขนาด 8 นิ้ว ดีไซน์กะทัดรัดแต่ทนทาน เหมาะสำหรับการใช้งานในกลุ่มค้าปลีก คลังสินค้า และปรับใช้ตามความต้องการของโรงงานอุตสาหกรรม มาพร้อมอุปกรณ์เสริมที่หลากหลาย พร้อมปุ่มตั้งโปรแกรมที่สามารถปรับแต่งให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง และหลากหลาย
ข้อมูล สเปค และราคาที่แน่นอน อาจแตกต่างไปตามภูมิภาค หากต้องข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับความพร้อมใช้งาน ข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ และราคาในตลาด กรุณาติดต่อสำนักงาน เอเซอร์ ที่ใกล้ที่สุดผ่าน www.acer.com
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th