Grab ซูเปอร์แอป เลือกใช้ AWS Coud ขับเคลื่อนนวัตกรรม และการเติบโต

Grab

แกร็บ (Grab) ซูเปอร์แอป เลือกใช้ AWS Coud ขับเคลื่อนนวัตกรรม และการเติบโต เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานใน 8 ประเทศ…

Grab ซูเปอร์แอป เลือกใช้ AWS Coud ขับเคลื่อนนวัตกรรม และการเติบโตเพิ่มประสิทธิภาพใน 8 ประเทศ

ในงาน AWS re:Invent หรือ บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส หรือ เอดับบลิวเอส (AWS) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Amazon.com, Inc. ได้ประกาศว่า แกร็บ ซูเปอร์แอปชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เลือก เอดับบลิวเอส เป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลัก

แกร็บ วางแผนใช้เทคโนโลยีของ เอดับบลิวเอส เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตในทุกด้าน ทั้งบริการเรียกรถ ส่งของ และบริการทางการเงิน รวมถึงธนาคารดิจิทัลใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ขณะเดียวกันก็มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีไปพร้อมกัน

Grab

แกร็บ เลือกใช้บริการคลาวด์ชั้นนำระดับโลกเพื่อรองรับผู้ใช้งานกว่า 41.9 ล้านคนต่อเดือน รวมถึงคนขับ และพาร์ทเนอร์ส่งสินค้าอีกกว่า 13 ล้านคน บนแพลตฟอร์มของบริษัท ในทุก ๆ วินาที แกร็บ ดำเนินธุรกรรมมากกว่า 100 รายการ รับสัญญาณ GPS กว่า 5 แสนครั้ง และคำนวณเวลาถึงจุดหมายกว่า 5 หมื่นครั้ง

โดย เอดับบลิวเอส เป็นผู้ให้บริการหลักในด้านการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย และฐานข้อมูล ด้วยระบบคลาวด์ของ เอดับบลิวเอส ที่มีความยืดหยุ่นสูง ปลอดภัย และปรับขนาดได้ตามต้องการ ทำให้ แกร็บ สามารถพัฒนานวัตกรรม เปิดตัวบริการใหม่ ๆ และขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพใน 8 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เมียนมา, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไทย และเวียดนาม

Grab
Suthen Thomas Paradatheth ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ของ แกร็บ

Suthen Thomas Paradatheth ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ของ แกร็บ กล่าวว่า กลยุทธ์การเติบโตของ แกร็บ คือการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้และพาร์ทเนอร์ของเรา เราจำเป็นต้องทดลองสิ่งใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และความเสถียร รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง Generative AI ให้เต็มที่ด้วย เรายินดีที่จะร่วมมือกับ เอดับบลิวเอส ต่อไปในฐานะพาร์ทเนอร์คลาวด์หลักของเรา เพื่อสนับสนุนการเติบโตในครั้งนี้

แกร็บลดต้นทุนการดำเนินงานด้วย “เอดับบลิวเอส

ในขณะที่ แกร็บ มุ่งสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตและการควบคุมต้นทุน บริษัทได้นำคลาวด์ของ เอดับบลิวเอส มาใช้ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านการเดินทาง การจัดส่ง และบริการทางการเงิน รวมถึงธนาคารดิจิทัลใน อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และสิงคโปร์

การนำโซลูชันคลาวด์ของ เอดับบลิวเอส มาประยุกต์ใช้ ช่วยให้ แกร็บ เพิ่มความคล่องตัวและลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แกร็บ ใช้บริการวิเคราะห์ข้อมูล AWS Clean Rooms ซึ่งช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยและรักษาความเป็นส่วนตัว

นอกจากนี้ แกร็บ ยังใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลของ เอดับบลิวเอส ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ (purpose-built database) และได้ย้ายบริการแอปพลิเคชันสำหรับระบบหลังบ้านกว่า 400 รายการ จากระบบเซิร์ฟเวอร์แบบเดิมไปสู่เทคโนโลยี AWS Graviton2 ที่ทันสมัยกว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ประหยัดต้นทุน และใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า

Grab

แกร็บใช้ “เอดับบลิวเอสเพื่อขยายธุรกิจอย่างปลอดภัย รวดเร็ว และมั่นคง

ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 การใช้บริการแบบออนดีมานด์ของลูกค้า แกร็บ เพิ่มขึ้น 22% เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้นนี้ แกร็บ เลือกใช้ Amazon Relational Database Service (Amazon RDS) เป็นฐานข้อมูลหลักสำหรับธุรกรรมต่าง ๆ

ควบคู่กับ Amazon DynamoDB ทำให้แพลตฟอร์มมีความพร้อมใช้งานสูง รองรับการขยายตัว และปรับตัวได้ดี ช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม ด้วยข้อมูลที่ค้นหาได้แม่นยำขึ้น แกร็บ ใช้ เอดับบลิวเอส เพื่อปรับตัวตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างง่ายดาย

โดยเพิ่มหรือลดทรัพยากรตามการใช้งานจริง เช่น ในช่วงเทศกาลลดราคาที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก แกร็บ สามารถรองรับปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การใช้งานซูเปอร์แอปเป็นไปอย่างราบรื่น ในทางกลับกัน เมื่อมีผู้ใช้งานน้อยลง ก็สามารถปรับลดทรัพยากรเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แกร็บ มุ่งเน้นการเติบโตด้วยกลยุทธ์ที่เน้นความคุ้มค่าให้กับลูกค้า บริการคุณภาพสูง และการขยายตลาดด้วยธนาคารดิจิทัล โดย เอดับบลิวเอส ได้สนับสนุนด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงและยืดหยุ่นสูง เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างรวดเร็วนี้

ยกตัวอย่าง เช่น แกร็บ ได้ขยายฟีเจอร์การจองล่วงหน้า (Advance Booking) ที่ปรับปรุงใหม่ทั่วทั้งภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเปิดตัวฟีเจอร์การสั่งอาหารแบบกลุ่มรูปแบบใหม่ พร้อมผลักดันให้มีการใช้งานมากขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้สามารถร่วมสั่งอาหารเป็นกลุ่ม ติดตามสถานะการจัดส่ง และแบ่งยอดใช้จ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น

ด้วยความร่วมมือกับ เอดับบลิวเอส ทำให้ แกร็บ สามารถพัฒนา และเปิดตัวธนาคารดิจิทัลใน สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย รวมถึง GX Bank ใน มาเลเซีย ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่ถึง 16 เดือนในการเปิดตัว และเติบโตอย่างก้าวกระโดดจนมีลูกค้าเกือบหนึ่งล้านคนภายในปีแรกของการให้บริการ 

Grab

การเร่งการเติบโตของ “แกร็บด้วย AI โดยใช้ “เอดับบลิวเอส

แกร็บ เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการใช้ AI ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยี AI ล่าสุดมาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ และพาร์ทเนอร์ให้ดียิ่งขึ้น แกร็บ ได้พัฒนา Catwalk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning: ML) บน Amazon Elastic Kubernetes Service (Amazon EKS) 

โดยได้นำไปใช้กับโมเดล AI กว่า 1,000 โมเดล ในการให้บริการจริง เช่น การแนะนำเส้นทาง และการกำหนดราคา Catwalk ช่วยให้ แกร็บ สามารถให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้แบบเรียลไทม์ และมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว

เช่น การแนะนำร้านอาหารที่เหมาะกับแต่ละคน โปรแกรมสะสมแต้ม และบริการทางการเงินที่ปรับให้เข้ากับความชอบของผู้ใช้

นอกจากนี้ แกร็บ ยังใช้ชิป AWS Inferentia ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการประมวลผล ML เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนในการให้บริการที่ใช้ AI โดยนำมาใช้ในการปรับปรุงแผนที่ และตรวจจับการทุจริตสำหรับธนาคารดิจิทัลของบริษัท

Grab

นอกจากนี้ แกร็บ ยังเลือกใช้ เอดับบลิวเอส เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการประมวลผลสำหรับโครงการ AI ต่าง ๆ ซูเปอร์แอปนี้จัดเก็บข้อมูลหลายร้อยเพตาไบต์ และประมวลผลข้อมูลกว่า 200 เทราไบต์ต่อวัน บน เอดับบลิวเอส ซึ่งเทียบเท่ากับภาพยนตร์ความยาวเต็มเรื่องประมาณ 200,000 เรื่อง

ข้อมูลนี้เป็นรากฐานสำคัญสำหรับการวิเคราะห์ขั้นสูง การใช้งานแมชชีนเลิร์นนิง และโครงการ AI อื่น ๆ ของ แกร็บ โดยมี เอดับบลิวเอส เป็นแรงขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านการบริการต่าง ๆ ของบริษัท นอกจากนี้ แกร็บ ยังคงพัฒนาและนำ AI มาใช้ในหลายด้าน โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพของคนขับ และสนับสนุนการเติบโตของร้านค้า

บริษัทได้ผสานเทคโนโลยีโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เข้ากับข้อมูลสถานที่และบันทึกของลูกค้า เพื่อปรับปรุงระบบนำทางสำหรับพาร์ทเนอร์ส่งสินค้า ทำให้คนขับได้รับคำแนะนำในการส่งสินค้าที่แม่นยำขึ้น และสามารถส่งสินค้าได้มากขึ้นในแต่ละชั่วโมง ส่งผลให้มีรายได้สูงขึ้น และลูกค้าได้รับสินค้า และอาหารเร็วขึ้น

นอกจากนี้ แกร็บ ได้นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ในการสร้างคำบรรยายอาหารที่น่าดึงดูดใจ โดยได้เปิดใช้งานแล้วใน 5 จาก 8 ตลาดของบริษัท ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มอัตราการสั่งซื้อสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อร้านอาหารขนาดเล็กที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งยังช่วยยกระดับประสบการณ์การสั่งอาหารของลูกค้าโดยรวมอีกด้วย

Grab

เจฟฟ์ จอห์นสัน กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอาเซียน ของ เอดับบลิวเอส กล่าวว่า เอดับบลิวเอส ภูมิใจที่ได้สนับสนุน แกร็บ ในการพัฒนานวัตกรรม และยกระดับประสบการณ์ลูกค้าทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพการทำงาน

ความสามารถในการรองรับการเติบโต และเทคโนโลยีที่ทันสมัยของ เอดับบลิวเอส ช่วยให้ แกร็บ สามารถมอบบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล และใช้งานได้อย่างราบรื่นให้กับผู้ใช้หลายล้านรายทั่วภูมิภาค ในฐานะผู้นำด้านบริการคลาวด์ เอดับบลิวเอส พร้อมช่วย แกร็บ ในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน

ปรับปรุงการดำเนินงาน และพัฒนาบริการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เรายินดีที่จะร่วมมือกับ แกร็บ ต่อไปในการก้าวผ่านความท้าทายของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการพัฒนาซูเปอร์แอป เพื่อให้มั่นใจว่า แกร็บ จะยังคงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay