หัวเว่ย (Huawei) ลงนามในพันธสัญญาระดับโลก กับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ มุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล เชื่อมต่อสู่ยุคดิจิทัล…
highlight
- หัวเว่ยร่วมลงนามในพันธสั
ญญาระดับโลกเพื่อเข้าร่วมพันธมิ ตรกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่ างประเทศ ในความร่วมมือด้านดิจิทัล Partner2Connect ซึ่งจะนำการเชื่อมต่อไปสู่ผู้ คนประมาณ 120 ล้านคนในพื้นที่ห่างไกลในกว่า 80 ประเทศภายในปี พ.ศ. 2568
Huawei มุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล เชื่อมต่อสู่ยุคดิจิทัล

ดร.เหลียง หัว ประธานคณะกรรมการ บริษัทหัวเว่ย ประกาศการตัดสินใจของบริษั
โดยการประชุมเสวนาดังกล่าวได้มี
กว่า 3,000 ล้านคนในกว่า 170 ประเทศ และภูมิภาค ในส่วนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปัจจุบัน หัวเว่ย ได้ให้บริการการเชื่อมต่อแก่ผู้
ได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด ซึ่งในปี พ.ศ. 2564 หัวเว่ยมีสถานีฐานมากกว่า 300,000 แห่งในภูมิภาค ส่งผลให้ปัจจุบันมีเครือข่าย 4G ครอบคลุมถึง 97% ของประชากรทั้งหมด และอัตราความเร็วในการดาวน์
การสร้างเครือข่ายบรอดแบนด์แบบใยแก้วนำแสงเป็นวิธีการที่สำคัญอีกวิธีหนึ่งเพื่อทำให้บริการเป็นสากล ทั้งนี้ หัวเว่ย ได้นำเสนอโซลูชัน AirPON ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของประชากรต่ำ และพื้นที่ห่างไกล โซลูชันดังกล่าวจะช่วยลดการใช้ห้องอุปกรณ์ ลดต้นทุนการติดตั้งใยแก้วนำแสง
และการใช้พลังงานของเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็รับประกันความรวดเร็วในการติดตั้งเครือข่ายการสื่อสารในพื้นที่ สำหรับในประเทศไทย หัวเว่ยให้การสนับสนุนคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดําเนินโครงการ USO NET ใช้โซลูชัน AirPON เชื่อมต่อพื้นที่ในชนบท
ที่ยังขาดการเชื่อมต่อเพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคมไทย อาทิ บนพื้นที่ภูเขาในจังหวัดเชียงใหม่ของประเทศไทยที่มีถนนบนภูเขาความยาว 60 กิโลเมตร และเส้นทางดังกล่าวเป็นถนนบนภูเขาที่พื้นผิวขรุขระ เนื่องจากภูมิประเทศที่สูงชัน และขาดการระบายน้ำ ตัวหมู่บ้านยังกระจัดกระจายเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ หลายแห่ง
ด้วยเหตุนี้โซลูชันไฟเบอร์มีสายแบบดั้งเดิมจึงมีราคาแพงเกินไป และใช้พลังงานมาก รวมถึงต้องหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อรองรับสิ่งอุปกรณ์ทั้งหมด เช่นห้องอุปกรณ์ขนาดใหญ่ และใช้สายเคเบิลไฟเบอร์หลายกิโลเมตร ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกต่อผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก
ดังนั้น โซลูชัน AirPON ของหัวเว่ยจึงเข้ามาตอบโจทย์ให้กับคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากนําเสาและสายเคเบิลที่มีอยู่มาใช้ใหม่ โดยมีห้องอุปกรณ์ติดตั้งอยู่บนเสา ส่งผลให้การจัดเตรียมบริการมีความรวดเร็วมากขึ้น และบริการสื่อสารสามารถพร้อมใช้งานได้ในราคาไม่แพง และคุ้มค่าสําหรับผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น
ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2564 โครงการ USO NET ได้ส่งมอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้แก่หมู่บ้านกว่า 19,562 แห่ง ซึ่งคิดเป็นหมู่บ้านในเขตชายแดนกว่า 3,920 แห่ง ทำให้ครัวเรือนกว่า 607,966 แห่งสามารถเข้าถึงบริการบรอดแบนด์ความเร็วสูงได้แล้ว
นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวแล้ว หัวเว่ยยังให้การฝึกอบรมด้านทักษะดิจิทัลให้กับชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านทักษะดิจิทัลระหว่างเขตเมือง และพื้นที่ห่างไกลอีก
มัลคอล์ม จอห์นสัน รองเลขาธิการสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) กล่าวว่า การลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นระหว่างชุมชนเมือง และชุมชนชนบทกลายเป็นวาระที่ทุกฝ่ายทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ นำไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่เกิดการพัฒนาด้วยความสมดุล จากสถิติของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU)
พบว่า เมื่อปี พ.ศ. 2565 สิ้นสุดลง กว่าร้อยละ 95 ของประชากรโลกจะสามารถเข้าถึงบริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ แต่จะมีเพียง 1 ใน 3 คนเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงโลกออนไลน์ได้ ขณะที่ประชากรในประเทศที่มีรายได้ต่ำ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เพียงร้อยละ 22 เมื่อเปรียบเทียบกับประชากรในประเทศที่ประชากรมีรายได้สูง
ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ถึงร้อยละ 91 ด้วยเหตุนี้การเชื่อมต่อแบบดิจิทัล (Digital Connectivity) จึงจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสังคมและระบบเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตามบริการการเชื่อมต่อที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอ
ด้วยเหตุนี้ประชาชนจึงต้องสามารถเข้าถึงบริการด้วยราคาที่จับต้องได้ รวมถึงได้รับประโยชน์จากคอนเทนต์ต่าง ๆ ด้วยภาษาท้องถิ่นนั้น ๆ สิ่งสำคัญคือผู้ใช้จะต้องมีทักษะ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากการการเชื่อมต่อได้อย่างเต็มที่
“ขอขอบคุณหัวเว่ยสำหรับการสนับสนุนในโครงการผสานความร่วมมือพันธมิตรดิจิทัล Partner2Connect (P2C) และสำหรับการประกาศคำมั่นสัญญาที่มีต่อโครงการ Partner2Connect (P2C) และดำเนินงานให้เกิดขึ้น ในการสร้างการเชื่อมต่อให้ครอบคลุมพื้นที่ห่างไกลในชนบทและการสร้างทักษะดิจิทัลให้กับคนในท้องถิ่น
ผมได้แวะเข้าไปในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในพื้นที่ห่างไกลของประเทศไทยซึ่งเพิ่งจะได้รับการเชื่อมต่อกับเครือข่ายบรอดแบนด์จากโครงการภาครัฐ ตอนนี้หมู่บ้านนั้นสามารถขายงานฝีมือผ่านออนไลน์ และทำกำไรได้เพิ่มขึ้นถึง 300% กำไรดังกล่าวได้นำมาใช้เชื่อมต่อโรงเรียนในหมู่บ้าน และมอบคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปให้แก่เด็กนักเรียน
นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการเชื่อมต่อสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้ดีขึ้นได้ ซึ่งเราเรียกมันว่าการเชื่อมต่ออย่างมีความหมาย” มัลคอล์ม กล่าว
หัวเว่ย เน้นย้ำว่าการเข้าถึงเครือข่ายที่มีเสถียรภาพ ถือเป็นหนึ่งในปัจจัย และสิทธิพื้นฐานในยุคดิจิล และการเข้าถึงเครือข่ายการเชื่อมต่อที่ได้มาตรฐาน จะถือเป็นก้าวแรก และก้าวสำคัญ สู่การเปลี่ยนชีวิตของประชากรอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้
“การเชื่อมต่อจะกลายเป็นมากกว่าเครื่องมือที่ช่วยทำให้การติดต่อสื่อสารมีความสะดวกยิ่งขึ้น”
“ด้วยการเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัลอย่าง คลาวด์ และ AI การเชื่อมต่อจะนำทุกคนเข้าสู่โลกดิจิทัล โดยเข้าถึงข้อมูล และทักษะต่าง ๆ รวมถึงบริการที่ดีกว่าเดิม โอกาสทางธุรกิจที่หลากหลาย และในภาพใหญ่จะช่วยพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจได้ในที่สุด” ดร. เหลียง กล่าว
การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล บุคลากรที่มีทักษะด้านดิจิทัล และโมเดลทางธุรกิจต่าง ๆ ถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาอย่างมีความสมดุลให้ครอบคลุมบริเวณพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในประเทศ โดยก่อนหน้านี้หัวเว่ยได้ประกาศว่า ภายในปีพ.ศ. 2568 ด้วยโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีที่ได้รับการยกระดับด้านคุณภาพ
หัวเว่ยจะเดินหน้าจับมือกับพันธมิตร เพื่อสร้างการเข้าถึงด้านบริการทางการเงินบนแพลตฟอร์มดิจิทัลให้กับประชากรกว่า 500 ล้านคนทั่วโลก และเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาให้กับประชากรกว่า 500,000 คน สำหรับประเทศไทย หัวเว่ยได้เปิดตัว Huawei ASEAN Academy ในปี พ.ศ. 2563
ซึ่งสามารถผลิตบุคลากรไอซีทีได้กว่า 60,000 คน และสร้างวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (SMEs) ได้กว่า 3,000 ราย โดย หัวเว่ย มุ่งมั่นขับเคลื่อนสังคมด้วยการพัฒนาที่ไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่หัวเว่ยพัฒนาอย่างต่อเนื่องนำไปสู่การยกระดับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่ครอบคลุมพื้นที่ห่างไกล
ทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์ และความสะดวกจากการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล นอกจากนั้น หัวเว่ย ยังสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาโดยทัดเทียม บนพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลกอีกด้วย
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th