หัวเว่ย (Huawei) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ 5G ใหม่ เพิ่มขีดจำกัดของกลยุทธ์ AI ไร้รอยต่อ พร้อมเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ครบทุกกลุ่ม มาพร้อมด้วย Huawei AppGallery ไม่ง้อ Google…

highlight

  • โดยเมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา เผยโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ที่รองรับเทคโนโลยี 5G พร้อมประกาศกลยุทธ์ที่จะแสดงศักยภาพผลิตภัณฑ์ และอีโคซิสเต็มของหัวเว่ยที่พร้อมรองรับการใช้งานในทุกสถานการณ์
  • โดยผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัว ได้แก่ หัวเว่ย Mate Xs วิวัฒนาการใหม่ของสมาร์ทโฟนพับได้ที่ประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ล้ำสมัย หัวเว่ย MatePad Pro 5G แท็บเล็ต 5G เรือธงที่จะมอบประสบการณ์การใช้งานระดับพรีเมี่ยมได้ทุกสถานการณ์ หัวเว่ย Wi-Fi AX3 และ หัวเว่ย 5G CPE Pro 2 อุปกรณ์ส่งสัญญาณ Wi-Fi 6+ ที่มาพร้อมโซลูชั่นในการเชื่อมต่อออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ มอบความเร็วระดับสูง (high-speed) และการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมแก่ผู้บริโภค นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้เปิดตัวแล็ปท็อป หัวเว่ย MateBook ที่ใช้ขุมพลังจากโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่นที่10 และมาพร้อมระบบปฏิบัติการวินโดวส์ หน้าจอ FullView พร้อมมอบประสบการณ์การทำงานที่ลื่นไหลในทุกสถานการณ์ ด้วยฟีเจอร์ที่เชื่อมต่อการทำงานระหว่างอุปกรณ์อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าง หัวเว่ย แชร์ ซึ่งสามารถแชร์ไฟล์และทำงานร่วมกันหลายหน้าจอได้

Huawei ปิดตัวผลิตภัณฑ์ 5G ใหม่ ครบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์

ริชาร์ด หยู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป กล่าวว่า หัวเว่ยยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนากลยุทธ์ AI ไร้รอยต่อสำหรับทุกสถานการณ์ เรายังคงให้ความสำคัญในการลงทุนด้านพัฒนาเทคโนโลยีอันล้ำสมัยอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุม ชิปเซ็ต ระบบ 5G ฟีเจอร์ AI ในสมาร์ทโฟน ระบบปฏิบัติการ กล้อง

และโซลูชันส์ระบบภาพและเสียง เพื่อสร้างข้อได้เปรียบต่อการแข่งขันในระยะยาว นอกจากนี้ เรายังกระตือรือร้นที่จะทำงานร่วมกับนักพัฒนาทั่วโลก เพื่อเสริมสร้างการเติบโตของอีโคซิสเต็มให้พร้อมรองรับการใช้งานในทุกสถานการณ์ และเราชื่อว่าการทำงานร่วมกันนี้ จะสามารถยกระดับประสบการณ์นี้ขึ้นไปอีกระดับ

Huawei
ริชาร์ด หยู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป

ร่วมกัน เพื่อการเชื่อมต่อที่เป็นไปได้

ที่หัวเว่ย เราคำนึงถึงการใช้งานของผู้บริโภคมาเป็นอันดับแรกเสมอ ด้วยหลักการนี้ หัวเว่ยได้อุทิศเวลาตลอดทศวรรษที่ผ่านมาให้กับการพัฒนาอีโคซิสเต็ม1+8+N และเสริมอีโคซิสเต็มนี้ให้แข็งแรงขึ้นด้วย หัวเว่ย Share และ หัวเว่ย HiLink ซึ่งเป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมต่อทุกอุปกรณ์เข้าด้วยกัน

เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานแบบองค์รวม นอกเหนือจากนวัตกรรมฮาร์ดแวร์แล้ว หัวเว่ยยังสร้างอีโคซิสเต็ม หัวเว่ย Mobile Services (HMS) ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ผ่าน หัวเว่ย AppGallery ด้วยการทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์สำหรับทุกสถานการณ์

แม้ในปี 2562 ที่ผ่านมา จะถือว่าเป็นปีที่ไม่เป็นไปตามแผนของหัวเว่ยเท่าไรนัก แต่อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยยังคงรักษาความน่าเชื่อถือในหมู่ผู้บริโภคได้อย่างเหนียวแน่น เห็นได้จากผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ที่หัวเว่ยมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 30% คิดเป็นมูลค่าถึง 6.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราวๆ 2.1 ล้านล้านบาท)

กลุ่มธุรกิจสมาร์ทโฟนนั้นมียอดจำหน่ายรวมสูงถึง 240 ล้านเครื่อง รั้งอันดับผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ

Huawei

ในกลุ่มสมาร์ทดีไวซ์ ภายใต้อีโคซิสเต็มนี้ก็เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน โดยกลุ่มธุรกิจคอมพิวเตอร์ (PC) เติบโตสูงถึง 200% กลุ่มธุรกิจอุปกรณ์สวมใส่ (wearables) เติบโต 173% และกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์เสียงไร้สาย (wireless audio) ซึ่งเติบโต 210%

ประสบการณ์ใหม่ที่จะปฏิวัติวงการสมาร์ทโฟนอีกครั้งกับ หัวเว่ย Mate Xs

วิวัฒนาการสุดล้ำของสมาร์ทโฟนพับได้ หัวเว่ย Mate Xs มอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับ ด้วยหน้าจอใหม่ที่ให้ความยืดหยุ่น ผลิตจากวัสดุแปลกใหม่ มาในดีไซน์ Falcon Wing อันเป็นเอกลักษณ์ที่มาพร้อมระบบ 5G SoC ที่หัวเว่ยพัฒนาขึ้นเอง และชิปเซ็ตพรีเมียม Kirin 990

ทำให้ หัวเว่ย Mate Xs เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงที่ได้รับการพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ให้ก้าวล้ำขึ้นไปอีกขั้น ทั้ง AI และความสามารถในการรองรับระบบ 5G อย่างเต็มรูปแบบ โดยเราได้กล้อง Leica SuperSensing Quad Camera กลับมาอีกครั้งบน หัวเว่ย Mate Xs ประกอบด้วยกล้อง SuperSensing ความละเอียด 40MP

Huawei

ขณะที่กล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษ (ultra-wide) ความละเอียด 16MP กล้องเทเลโฟโต้ความละเอียด 8MP และกล้องที่ให้ความลึกแบบสามมิติ ระบบกล้อง Leica ที่ทรงพลังจะสามารถใช้ประโยชน์จากรูปแบบของจอที่พับได้ในการถ่ายภาพ ผสานการทำงานของทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง เพื่อการถ่ายรูปหลากหลายรูปแบบ

การทำงานบนระบบ EMUI10.0.1 หัวเว่ย Mate Xs รองรับการใช้งานแอปพลิเคชันที่สามารถทำงานแบบหลายหน้าต่างในเวลาเดียวกัน (Multi-Window apps) ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้แอปได้หลากหลาย และเต็มประสิทธิภาพ ที่ได้ร่วมมือกับนักพัฒนาทั่วโลก เพื่อที่จะสร้างการเติบโตให้กับอีโคซิสเต็มนี้

Huawei

เหนือกว่าด้วย WiFi 6 ด้วย หัวเว่ย WiFi AX Series

ขณะที่กลยุทธ์ AI ไร้รอยต่อสำหรับทุกสถานการณ์ของหัวเว่ย คือการมอบโซลูชันส์ในการเชื่อมต่อบนช่องทางออนไลน์ ตัวอย่างเช่น Wi-Fi routers customer-premise equipment (CPE) และโมดูลการสื่อสาร ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการเชื่อมต่อตามแนวทางการสร้างอีโคซิสเต็ม 1+8+N 

เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจแก่ผู้ใช้ ปลอดภัย ตอบสนองตรงความต้องการ ชาญฉลาด และมาพร้อมความเร็วสูงในการเชื่อมต่อ ในฐานะผู้นำเทคโนโลยี 5G หัวเว่ยเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการหลัก ซึ่งได้กำหนดมาตรฐานของ Wi-Fi 6 โดยปัจจุบัน กลุ่มทำงานมาตรฐาน IEEE 802.11ax

และได้รวมเอาผู้เชี่ยวชาญจากผู้ให้บริการต่างๆ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของหัวเว่ย จำนวน 5 คน เข้าร่วม ซึ่งหนึ่งในกลุ่มนี้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานของกลุ่ม จาก 260 ผู้ให้บริการ ซึ่งคิดเป็น 15% ของการนำเสนอทั้งหมดในโปรเจค Wi-Fi 6 (802.11ax)

หัวเว่ยถือเป็นอันดับให้บริการที่ให้ความร่วมมือในอุตสาหกรรม โดดเด่นเป็นอันดับสองของกลุ่ม โดยการยกระดับการทำงานร่วมกันระหว่างชิปเซ็ตที่มีสิทธิบัตรรับรองและการพัฒนาซอฟท์แวร์ให้ดีที่สุด หัวเว่ยได้พัฒนา Wi-Fi 6+ จากมาตรฐานของ Wi-Fi 6

โดย Wi-Fi 6+ นั้นรองรับช่วงสัญญาณของช่อง (channel bandwidth) ที่กว้างถึง 160MHz มาพร้อมเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะ dynamic narrowband เมื่อผสาน 2 นวัตกรรมนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดความเร็ว Wi-Fi และให้สัญญาณที่ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น  

ขุมพลังที่ช่วยขับเคลื่อนประสิทธิภาพให้เกิดสูงสุด

และเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเราจึงใช้ Gigahome 650 และ Kirin W650 ชิปเซ็ต Wi-Fi 6+ ล่าสุดที่ออกแบบมาสำหรับเราท์เตอร์ และสมาร์ทโฟนตามลำดับ ซีรีส์ หัวเว่ย Wi-Fi AX3 ใหม่นั้นประกอบด้วยชิปเซ็ต Gigahome 650

ซึ่งสามารถรองรับระบบปฏิบัติการ dual-band dual-concurrent (DBDC) ที่ความเร็วสูงสุด 3000Mbps ได้  เมื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ของหัวเว่ยที่รองรับ Wi-Fi 6+ เราท์เตอร์ หัวเว่ย Wi-Fi AX3 จะสามารถส่งมอบสัญญาณที่ครอบคลุมได้ดียิ่งขึ้นและให้ความเร็วที่มากกว่าเราท์เตอร์ Wi-Fi 6

นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้เปิดตัว หัวเว่ย 5G CPE Pro 2 CPE มาตรฐาน Wi-Fi 6+ ใหม่ที่มีขนาดเล็กกว่ารุ่นก่อนถึง 30% และการอัพเกรดอื่น ๆ รวมถึงการรองรับ 5G 11 ย่านความถี่ และเทคโนโลยี Super Uplink ของหัวเว่ย ซึ่งได้พัฒนาในส่วนของความเร็วในการอัพโหลด และความหน่วงขึ้นเป็นอย่างมาก

พลิกมิติทุกการสร้างสรรค์กับ MatePad Pro 5G

Huawei

แท็บเล็ต หัวเว่ย MatePad Pro 5G เป็นอีกหนึ่งดีไวซ์ที่เปิดประตูเข้าสู่อีโคซิสเต็มอัจฉริยะของหัวเว่ย ด้วยคุณสมบัติที่ออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกันกับสมาร์ทโฟน อุปกรณ์เพื่อการสวมใส่ และดีไวซ์อื่น ๆ ของหัวเว่ย รวมถึงการทำงานร่วมกันหลายหน้าจอ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถขยับขยายจากดีไวซ์หนึ่งไปสู่อีกดีไวซ์หนึ่งได้อย่างไร้รอยต่อ

โดย MatePad Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจอความละเอียดสูง ขนาด 10.8 นิ้ว รองรับการแสดงเฉดสีในมาตรฐาน DCI-P3 เทียบเท่ากับระบบสีที่ใช้ในวงการภาพยนตร์ ขณะที่ดีไซน์ขอบจอแบบบางเฉียบ ทำให้แท็บเล็ตรุ่นนี้มีอัตราส่วนพื้นที่หน้าจอต่อตัวเครื่องสูงที่สุดในโลกที่ 90%

ส่วนชิปเซ็ต Kirin 990 5G SoC ที่ฝังอยู่ในตัวเครื่องสุดบางเบา ก็รองรับการเชื่อมต่อ 5G ที่ความเร็วสูง ทั้งยังใช้พลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย นอกจากนี้ MatePad Pro 5G ทำงานบนระบบปฏิบัติการ EMUI 10 จึงสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยรุ่นอื่น ๆ

ได้ผ่านฟีเจอร์ หัวเว่ย Share โดยเมื่อเชื่อมต่อกันเรียบร้อยแล้ว จะสามารถควบคุมทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตไปพร้อมกัน โดยใช้หน้าจอแท็บเล็ตเพียงจอเดียว นอกจากนี้ ระบบการทำงานหลายหน้าจอของ MatePad Pro 5G ยังรองรับการรับส่งไฟล์ระหว่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตแบบง่าย ๆ เพียงลากไฟล์ไปวางบนหน้าจอเท่านั้น

ขณะที่ฟังก์ชันการแชร์อุปกรณ์เชื่อมต่อก็ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์ข้อความลงบนสมาร์ทโฟน โดยใช้คีย์บอร์ดและหน้าจอของแท็บเล็ต เล่นเพลงจากสมาร์ทโฟนด้วยลำโพงของแท็บเล็ต และอื่นๆ อีกมากมาย แท็บเล็ต MatePad Pro 5G รองรับการใช้งานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกันแบบ Multi-Window สามารถแสดงผลได้ 3 แอปพร้อมกัน

ส่วนฟีเจอร์ App Multiplier แยกแอปพลิเคชันเดียวให้แสดงผลเป็น 2 หน้าต่างได้ เพื่อการใช้งานที่คล่องตัวและเต็มตายิ่งกว่า เมื่อวางตัวเครื่องในแนวนอน MatePad Pro 5G สามารถจับคู่กับปากกา หัวเว่ย M-Pencil ซึ่งสามารถรับรู้แรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ

จึงมอบประสบการณ์การเขียนที่เป็นธรรมชาติ ส่วนแอปพลิเคชัน หัวเว่ย Notepad ก็รองรับปากกาของหัวเว่ยเป็นพิเศษด้วยฟีเจอร์ใหม่ Screen-off Shorthand ที่ช่วยให้สามารถจดบันทึกทุกแรงบันดาลใจได้อย่างทันท่วงทีลงบนหน้าจอในทุกโอกาส

Huawei

พร้อมกันนี้ หัวเว่ยยังประกาศเปิดตัวแล็ปท็อปในตระกูล MateBook รุ่นล่าสุด นำโดย หัวเว่ย MateBook X Pro ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core เจนเนอเรชั่นที่ 10 ดีไซน์สุดพรีเมียมในสีใหม่ เอเมอรัลด์ กรีน หน้าจอแบบ FullView Display ขอบบางเฉียบ ให้สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 91%

ขณะที่แล็ปท็อป MateBook D Series ก็เข้ามาเสริมทัพตระกูล MateBook โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยประสบการณ์การใช้งานที่ชาญฉลาด ควบคู่กับดีไซน์เรียบหรูอันเป็นเอกลักษณ์ของแล็ปท็อป MateBook ทุกรุ่น

เปิดประสบการณ์ใหม่ในโลกแอปพลิเคชันด้วย HUAWEI AppGallery

Huawei

หัวเว่ยยังคงนำศักยภาพทั้งในด้านการพัฒนาชิป ดีไวซ์ และคลาวด์ มาผสานกันเป็นหนึ่งเพื่อสรรสร้างอีโคซิสเต็มครบวงจรมารองรับดีไวซ์ทุกรุ่นของหัวเว่ยต่อไป ผ่านทางแพลตฟอร์ม HMS โดยอีโคซิสเต็มดังกล่าวนี้จะมีคุณสมบัติที่ครอบคลุมการใช้งานในทุกขั้นตอน ทุกสถานการณ์

รองรับการเผยแพร่แอปพลิเคชันให้กับผู้ใช้ทั่วโลกอย่างเต็มพิกัด และสนับสนุนการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์และบริการอย่างสมบูรณ์ตลอดวงจรชีวิตในตลาด ในฐานะองค์ประกอบสำคัญของยุทธศาสตร์ Allscenario Seamless AI Life ของหัวเว่ย ที่พร้อมมอบชีวิตในยุค AI ที่รองรับทุกโจทย์การใช้งานอย่างไร้รอยต่อ

 

โดย HMS Core ปัจจุบันอยู่ในเวอร์ชันที่ 4 เป็นชุดเครื่องมือที่สร้างขึ้นเพื่อให้พันธมิตรและนักพัฒนาแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์มของหัวเว่ยสามารถสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร เข้าถึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้เต็มที่

นอกจากนี้ นักพัฒนาที่เลือกผนึกเอา HMS ไว้ในแอปพลิเคชันด้วยชุดเครื่องมือ HMS Core 4.0 จะสามารถนำคุณสมบัติเด่นต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับดีไวซ์ของหัวเว่ยมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม AI อย่าง HiAI หรือเทคโนโลยีและคุณสมบัติเพื่อการถ่ายภาพครบครัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้ปลายทาง

ซึ่ง Cewe ผู้ให้บริการพิมพ์ภาพถ่ายรายใหญ่ที่สุดของยุโรป ได้นำ Share Kit ของหัวเว่ยไปประยุกต์ใช้ในสำนักงาน เพื่อให้กระบวนการการจับคู่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยพนักงานสามารถพิมพ์ชิ้นงานออกมาได้เร็วกว่าที่เคย เพียงนำดีไวซ์ของหัวเว่ยมาแตะที่เครื่องพิมพ์เท่านั้น

ประสบการณ์เหนือระดับเช่นนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มลูกค้าองค์กรเท่านั้น แต่ยังพร้อมนำเสนอให้กับผู้ใช้ทั่วไปผ่านทาง AppGallery ที่มีแอปพลิเคชันระบบ HMS ให้เลือกสรรมากมาย พร้อมเสิร์ฟความสะดวกสบายที่เหนือกว่าด้วยนวัตกรรมของหัวเว่ย

Huawei

นอกจากนี้ AppGallery ยังมอบประสบการณ์ใหม่ในรูปของ Quick Apps นวัตกรรมแอปพลิเคชันที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับอุปกรณ์ในยุค 5G โดยแอปพลิเคชันประเภท Quick Apps นี้ พัฒนาขึ้นตามมาตรฐานระดับโลกเพื่อให้สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งลงในเครื่อง ทั้งยังใช้หน่วยความจำน้อยอีกด้วย ผู้ใช้สามารถเข้าใช้งาน

แอปเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และเพลิดเพลินไปกับการแสดงผลที่สวยงาม ตอบสนองราบรื่นเสมือนแอปพลิเคชันที่ติดตั้งเองในแบบทั่วไป ทั้งนี้ แอปพลิเคชันที่ใช้งานเทคโนโลยี Quick Apps นี้ กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีให้เลือกใช้งานผ่าน AppGallery แล้วกว่า 1,700 แอป

นอกจากการพัฒนาแอปพลิเคชันของตนเองแล้ว หัวเว่ยยังได้คัดสรรแอปคุณภาพสูงอันเป็นที่นิยมจากทั่วโลก เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง หัวเว่ยได้ริเริ่มวางระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร เพื่อปกป้องผู้ใช้ให้ปลอดภัยจากแอปที่แฝงมาด้วยภัยร้าย

Huawei

โดยมีมาตรการทั้งระบบยืนยันตัวตนนักพัฒนาด้วยชื่อจริง กระบวนการตรวจสอบ 4 ขั้นตอน ระบบความปลอดภัยในการดาวน์โหลดและติดตั้ง รวมถึงกลไกการป้องกันต่างๆ ขณะใช้งานแอป ด้วยประสบการณ์ในการรวบรวมและพัฒนาแอปพลิเคชันกว่า 9 ปีเต็ม AppGallery จึงเป็นตลาดแอปพลิเคชันที่ใหญ่ที่สุดระดับท็อป 3 ของโลก

“ในอนาคต เราจะยังคงขยายอีโคซิสเต็มของ AppGallery ภายใต้เป้าหมายที่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การสร้างแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันที่ปลอดภัย และน่าเชื่อถือเท่านั้น แต่ยังพร้อมมอบทางเลือกที่มากกว่าให้กับผู้ใช้งาน โดยความสำเร็จของอีโคซิสเต็มนี้ นับเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญสูงสุดของเรา”

หัวเว่ยยังคงทำงานร่วมกับนักพัฒนาแอปพลิเคชันยอดนิยมจากทั่วโลกเพื่อขับเคลื่อนอีโคซิสเต็มดังกล่าวให้เติบโต โดยพร้อมต้อนรับนักพัฒนาทุกคนให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอีโคซิสเต็มนี้ เพื่อร่วมกันนำประสบการณ์แอปพลิเคชันที่เหนือกว่ามาสู่ผู้บริโภคทั่วโลก

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.