Huawei เผยเทรนด์ใหญ่ 5G ระดับโลกที่น่าจับตาอย่าง TDD และ FDD ที่จะช่วยทำให้การทำงานแอปฯ ระหว่างองค์กร ง่ายขึ้น ในงาน “Huawei Galileo 5G Online Live Tour”…
highlight
- หัวเว่ย เผยเทรนด์ 5G เปลี่ยนผ่านจากมาตรฐาน TDD มาเป็นการผสมผสานระหว่างหลักปฏิบัติ TDD และ FDD เพื่อรองรับการใช้งานเครือข่ายแบบ B2B ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น นอกจากนี้ 5G จะกระตุ้นให้เกิดการทำธุรกรรมแบบ B2B มากขึ้น และตอบรับความต้องการของผู้ให้บริการเครือข่ายที่ต้องการลดต้นทุนการดำเนินงานได้ขึ้น ชี้หัวเว่ยยังคงมุ่งหน้าลงทุน และออกสิทธิบัตรด้าน 5G อย่างต่อเนื่อง
Huawei ชี้มาตรฐานการสื่อสารกำลังเปลี่ยนไป
หลิน เหยียนชิง ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ แผนกประชาสัมพันธ์ และสื่
การเปลี่ยนผ่านจากการทำธุรกิ
ในด้านเทรนด์การเปลี่ยนผ่านจากการติดตั้งที่มีพื้นฐานหลักปฏิบัติการแบบ TDD สู่การติดตั้งที่มีการผสมผสานระหว่างหลักปฏิบัติการ TDD และ FDD ในระยะแรกของการเปิดตัวเครือข่าย 5G ทั่วโลก การใช้คลื่นความถี่ต่าง ๆ แบบ TDD ใน Massive MIMO ซึ่งอุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่าย 4G
ได้กลายเป็นหลักปฏิบัติมาตรฐาน แต่หลักปฏิบัติการแบบ TDD นั้นโดยธรรมชาติแล้วมีข้อจำกัดทั้งในด้านการครอบคลุมและการมอบประสบการณ์การใช้งาน ในขณะที่หลักปฏิบัติการแบบ FDD กลับสามารถส่งมอบการรับส่งข้อมูลได้อย่างสมดุล ทั้งยังส่งมอบการครอบคลุมที่ทั่วถึงภายในตัวอาคารอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
ซึ่งจะช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถเปิดตัวเครือข่าย 5G โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว นอกจากนี้การผสมผสานดังกล่าวจะทำให้สามารถตอบรับการใช้งานบนช่องสัญญาณความถี่ขนาดใหญ่ของแอปพลิเคชันที่ใช้งานระหว่างองค์กรด้วยกัน (B2B)
ขณะที่การเปลี่ยนผ่านจากการทำธุรกิจระหว่างเจ้าของธุรกิจกับผู้บริโภครายบุคคล (Business-to-Customer หรือ B2C) และระหว่างเจ้าของธุรกิจกับบุคคล (Business-to-Human) สู่การพัฒนาที่ครอบคลุมการทำธุรกิจทั้งแบบ B2C, B2H และธุรกิจสู่ธุรกิจ (B2B)
โดยเครือข่าย 5G ในปัจจุบันสามารถรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายศักยภาพสูง (eMBB) สำหรับการใช้งานในเชิงอุตสาหกรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่น การสาธารณสุขแบบอัจฉริยะ โรงพยาบาลมิตรภาพจีน และญี่ปุ่น (China-Japan Friendship Hospital)
มีบริการให้คำปรึกษาระยะไกล (teleconsultation) ผ่านวิดีโอความคมชัดสูงโดยใช้เทคโนโลยี 5G และโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยเวสต์ไชน่าแห่งที่สอง (West China Second University Hospital) ยังได้นำเทคโนโลยี 5G ไปใช้สำหรับการเยี่ยมไข้ในห้องไอซียู
รวมถึงการตรวจเยี่ยมผู้ป่วยในห้องพักผู้ป่วยของแพทย์และพยาบาล นอกจากนี้ยังมีการนำไปใช้ในเชิงอุตสาหกรรมที่ต้องการความหน่วงต่ำ และความเสถียรในระดับสูง (Ultra-Reliable Low-Latency Communication หรือ URLLC) ตัวอย่างเช่น ท่าเรือ, อุตสาหกรรมการผลิต
การสื่อสารระหว่างยานพาหนะกับสิ่งต่าง ๆ (Vehicle-to-Everything หรือ V2X) และระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (power grid) ก็กำลังมีการศึกษา วางมาตรฐาน รวมถึงเริ่มนำร่างการใช้งานในอุตสาหกรรม โดยเริ่มติดต่อ และทดลองนำไปติดตั้งใช้งาน
ด้านปัจจัยเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรั
ยังช่วยปรับปรุงเครือข่าย O&M และเพิ่มประสิทธิภาพในด้
4G และ 5G ทำงานประสานกันเพื่อยกระดับการให้บริการขึ้นไปอีกขั้ น
จากมุมมองด้านการปฏิบัติการ เครือข่าย 4G มอบประสบการณ์ด้านการสื่
ซึ่งจะทำให้เกิดการปรับเปลี่
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ถึงปี พ.ศ. 2562 การลงทุนของหัวเว่ยในด้านเครือข่าย 5G (ไม่นับรวมถึงอุปกรณ์ 5G) มีมูลค่ารวมกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย หัวเว่ย ได้วางมาตรฐาน 9 ประการ สำหรับเครือข่าย 5G รวมถึงศูนย์วิจัยทั่วโลกซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 500 คน ที่คอยกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ
ซึ่งบุคคลเหล่านี้ยังมีตำแหน่งหน้าที่ในการวางมาตรฐานให้องค์กรต่าง ๆ กว่า 100 แห่ง นอกจากนี้หัวเว่ยได้เริ่มการวิจัยด้าน 5G ในปี พ.ศ. 2552 และส่งผลงานกว่า 23,600 รายการให้แก่กลุ่มมาตรฐานอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (3GPP)
โดย หัวเว่ย ครอบครองกลุ่มสิทธิบัตรด้านเครือข่าย 5G กว่า 3,367 รายการ ซึ่งนับเป็น 20% ของสิทธิบัตร 5G ทั้งหมด และครองอันดับ 1 ในกลุ่มผู้จัดจำหน่ายเครือข่ายสัญญาณด้วยกัน
ทั้งนี้ โถงนิทรรศการ 5G หัวเว่ย Galileo Hall ได้รับการตั้งชื่อตามกาลิเลโอ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “บิดาแห่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่” ที่ค้นพบจักรวาลที่ไม่มีใครเคยรู้จักมาก่อน หัวเว่ยได้เริ่มต้นการเดินทาง
เพื่อสำรวจ และพัฒนาเทคโนโลยี 5G เมื่อ 10 ปีที่แล้ว โถงนิทรรศการ 5G ของ หัวเว่ย จึงถูกตั้งชื่อตามกาลิเลโอ เพื่อยกย่องผู้บุกเบิกในสาขาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และสานต่ออัจฉริยภาพ
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th