Huawei ชี้ 5.5G ช่วยปลดล็อกศักยภาพของ Mobile AI ที่กำลังจะมาถึง!!

Huawei

หัวเว่ย (Huawei) ชี้ 5.5G ช่วยปลดล็อกศักยภาพของ Mobile AI ที่กำลังจะมาถึง!! ยันพร้อมร่วมมือกับพันธมิตรในทุกภาคส่วนเพื่อก้าวสู่ยุคของอุตสาหกรรมอัจฉริยะ…

Huawei ชี้ 5.5G ช่วยปลดล็อกศักยภาพของ Mobile AI ที่กำลังจะมาถึง!! ยันพร้อมร่วมมือกับพันธมิตรในทุกภาคส่วน

Huawei
หยาง เฉาปิง กรรมการ และประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ และโซลูชันไอซีที ของ หัวเว่ย

หยาง เฉาปิง กรรมการ และประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ และโซลูชันไอซีที ของ หัวเว่ย กล่าวบรรยายในงาน Global MBB Forum 2024 ว่า ยุคของ Mobile AI ที่กำลังจะมาถึงนี้ จะนำโอกาสครั้งสำคัญมาสู่อุตสาหกรรมโทรคมนาคม และมีอิทธิพลต่อทศวรรษที่จะมาถึง

การพัฒนาเทคโนโลยี 5.5G จะเป็นปัจจัยหลักในการปลดล็อกศักยภาพของ Mobile AI หัวเว่ย มีความยินดีที่จะร่วมมือกับพันธมิตรในทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนา 5.5G และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับยุค Mobile AI เราจะสามารถนำพาสังคม และอุตสาหกรรมไปสู่ความอัจฉริยะได้ร่วมกัน

Huawei

“ปัจจุบันมี 2 เทรนด์สำคัญ ที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาของเทคโนโลยี 5.5G และ AI อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรม และนำพาสู่ “ยุค Mobile AI” เทรนด์แรก คือ “Mobile going AI” ที่บริการอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่กำลังได้รับการเปลี่ยนแปลงผ่านรูปแบบธุรกิจและบริการที่ก้าวล้ำ

ส่วนเทรนด์ที่สองคือ “AI going Mobile” ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจขนาดใหญ่ผ่านบริการใหม่ ๆ เช่น ยานยนต์อัจฉริยะ และหุ่นยนต์ โดยพัฒนาเหล่านี้จะเป็นแรงผลักดัน และสร้างโอกาสสำคัญให้กับสังคม และอุตสาหกรรมโทรคมนาคม” หยาง กล่าว

เทรนด์เหล่านี้จะมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรม ICT ใน 3 ด้านด้วยกัน โดยประการแรก ตัวแทน AI สำหรับบุคคล จะปรับโฉมบริการอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ให้เป็นไปในรูปแบบที่ทุกคนมีผู้ช่วยอัจฉริยะส่วนตัว ซึ่งหมายความว่าเครือข่ายตัวแทน AI จะต้องรองรับบริการแบบเรียลไทม์

ประการที่สอง การขับเคลื่อนอัจฉริยะจะปรับโฉมการเดินทาง โดยทำให้ยานพาหนะกลายเป็นพื้นที่ที่มีความยืดหยุ่นและอัจฉริยะ ซึ่งหมายความว่าเครือข่ายยานยนต์อัจฉริยะจะต้องสามารถส่งข้อมูล (uplink) ที่มีความเร็วสูง ประการสุดท้าย

ความอัจฉริยะที่มีการประยุกต์ใช้ทั่วไปจะถูกนำไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อปลดล็อกผลิตภาพใหม่และสร้างตลาด AI-หุ่นยนต์ ที่มีมูลค่า 10,000 ล้านหน่วย ซึ่งหมายความว่าเครือข่ายหุ่นยนต์ในอนาคตจะต้องมีความสามารถที่สูงขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ

5.5G กับความสามารถในการรองรับการเชื่อมต่อใหม่ ๆ

เครือข่าย 5.5G มีความสามารถในการรองรับการเชื่อมต่อ รูปแบบประสบการณ์ และบริการที่หลากหลาย ซึ่งจำเป็นสำหรับการตอบสนองต่อความต้องการใหม่ ๆ ที่เกิดจากตัวแทน AI ยานยนต์อัจฉริยะ และความอัจฉริยะที่มีการประยุกต์ใช้ทั่วไป ในขณะที่เครือข่ายเหล่านี้ส่งเสริมนวัตกรรม และการพัฒนาในห้าด้านสำคัญ ได้แก่

Huawei

ประการแรก เครือข่าย 5.5G สามารถตอบสนองความต้องการด้านประสบการณ์ที่หลากหลายได้โดยการจัดเตรียมเครือข่ายที่มีแบนด์วิดท์สูง เนื่องจากผู้ใช้งานมีความต้องการประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น จึงสามารถบูรณาการแถบคลื่นในย่านความถี่ต่ำกว่า 100 GHz ตามความต้องการ

เพื่อให้สามารถส่งมอบความสามารถของเครือข่ายที่ยืดหยุ่น ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างประสบการณ์ที่มีหลายปัจจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เทคโนโลยี “0 Bit 0 Watt” ยังสามารถนำมาใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้อย่างยอดเยี่ยม

ประการที่สอง เครือข่าย 5.5G สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประเมินความคุ้มค่าในการซื้ออุปกรณ์ (TCO) เนื่องจากสามารถรองรับการเชื่อมต่อ IoT ในทุกสถานการณ์ผ่านเครือข่ายเดียวกัน เทคโนโลยี RedCap และ Passive IoT กำลังช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานของ IoT

ในขณะที่เครือข่าย 5.5G เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเพิ่มจำนวนการเชื่อมต่อที่สามารถรองรับได้พร้อมกันอย่างสูงสุด นอกจากนี้ ความสามารถของเครือข่ายที่ได้รับการพัฒนา มีความสำคัญต่อการเสริมพลังให้กับอุปกรณ์ และขยายการเชื่อมต่อ IoT ไปยังทุกพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

Huawei

ประการที่สาม เครือข่าย 5.5G สามารถจัดเตรียมพอร์ทัลที่เป็นเอกภาพซึ่งรองรับการรับประกันประสบการณ์ที่แตกต่างกัน และการสร้างรายได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการจำเป็นต้องใช้เพื่อตอบสนองต่อความต้องการบริการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

เครือข่ายหลักของ 5.5G มีความสามารถในการมอบฟังก์ชันการรับรู้เกี่ยวกับผู้ใช้ บริการ  และเครือข่าย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างรายได้ที่อิงตามประสบการณ์ที่แตกต่างกัน

ประการที่สี่ เครือข่าย 5.5G สามารถจัดเตรียมการบริการพอร์ทัลที่เป็นเอกภาพซึ่งทำให้การเข้าถึง Mobile AI มีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น และรองรับบริการอัจฉริยะที่หลากหลาย ผู้ให้บริการจำเป็นต้องใช้ศูนย์บริการ AI ที่มีอยู่บนเครือข่ายหลักของ 5.5G

เพื่อแบ่งปันความสามารถของเครือข่ายกับบุคคลที่สาม ซึ่งจะช่วยให้บริการอัจฉริยะสามารถเข้าถึงอุปกรณ์เคลื่อนที่ ที่มีราคาที่สามารถเอื้อมถึงมากยิ่งขึ้น

ประการสุดท้าย เครือข่าย 5.5G สามารถนำโมเดลพื้นฐานด้านโทรคมนาคม (Telecom Foundation Model) มาใช้เพื่อสร้างความเป็นอิสระในระดับสูงของเครือข่ายและนำไปสู่แนวคิด “0 Touch, 0 Wait, 0 Fault” โดยโมเดลพื้นฐานด้านโทรคมนาคม ช่วยให้เครือข่ายอิสระในระดับสูง

พร้อมด้วยความอัจฉริยะแบบเต็มสแต็ก (full-stack intelligence) ผ่านการให้บริการแอปพลิเคชันสองประเภท ได้แก่ ผู้ช่วยอัจฉริยะ (copilots) และตัวแทน (agents) พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลสามประเภท ซึ่งจะกำหนดแนวโน้มใหม่ในการดำเนินงานของเครือข่ายในอนาคต

Huawei

โดยการประชุม Global Mobile Broadband Forum ครั้งที่ 15 ภายใต้แนวคิด “5.5G สู่ยุค Mobile AI” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ถึง 31 ตุลาคมนี้ ที่กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยมีหัวเว่ยเป็นเจ้าภาพร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมอย่าง GSMA และ GTI

ภายในงาน ผู้ให้บริการเครือข่าย ผู้นำในอุตสาหกรรมเฉพาะทาง และพันธมิตรในระบบนิเวศ ร่วมแบ่งปันความก้าวหน้าล่าสุดของอุตสาหกรรมพร้อมทั้งศึกษาโอกาสใหม่ ๆ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมจะหารือถึงแนวทางการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจในยุค Mobile AI ด้วยเทคโนโลยี 5.5G และการใช้ประโยชน์จากความสำเร็จของ 5G เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้นด้วย 5.5G สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

สามารถเยี่ยมชมได้ที่ MBBF2024 ที่ : https://www.huawei.com/en/events/mbbf2024

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.