Huawei ร่วมกับ Chula และ BUPT เดินหน้าพัฒนาบุคลากร ICT ไทย

Huawei

หัวเว่ย (Huawei) ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chula) และ มหาวิทยาลัยไปรษณีย์และโทรคมนาคมปักกิ่ง (BUPT) สานต่อการพัฒนาบุคลากร ICT ไทย ก้าวทันยุค คลาวด์ (Cloud) และ เอไอ (AI)…

Huawei ร่วมกับ Chula และ BUPT สานต่อการพัฒนาบุคลากร ICT ไทย ก้าวทันยุค Cloud และ AI

หัวเว่ย เทคโนโลยี ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยไปรษณีย์ และโทรคมนาคมปักกิ่ง เดินหน้าจัดงาน Asia Pacific Cloud AI Forum & Huawei Developer Competition หวังสานต่อการสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้าน ICT ในไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยีสำคัญ อาทิ คลาวด์ (Cloud) และปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI)

ภายในงานได้มีการเปิดเผยโซลูชั่นอัจริยะของ หัวเว่ย พร้อมแนวคิดจากวิทยากรชั้นนำ การเสวนาเชิงลึก เพื่อแนะนำการประยุกย์ใช้เทคโนโลยีคลาสด์ และเอไอ ให้แก่ผู้ร่วมงาน ร่วมถึงการจัดแข่งขัน “Huawei Developer Competition” เพื่อเฟ้นหาผู้ที่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริง

ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ผ่านการผสมผสานเทคนิค และนวัฒกรรม จากเทคโนโลยีของหัวเว่ย อาทิ API Explorer, CodeArts, ModelArts และ DataArts Studio โดยการแข่งขันดังกบ่าวมีทีมเข้าร่วมแข่งขันกว่า 200 ทีม และมีผจเจ้าร่วมงานกว่า 600 คน

Huawei
ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด

ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งาน Asia Pacific Cloud AI Forum ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความมุ้งมั่นของ ประเทศไทย ในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำของภูมิภาคในด้าน เอไอ และนวัตกรรมดิจิทัล ตามนโยบาย “คลาวด์เป็นหลัก” (Cloud First Policy) และ “ปัญญาประดิษฐ์” (AI) ของภาครัฐ เพื่อให้การใช้เทคโนโลยีดิจอทัลที่ทันสมัยกลายเป็นเสาหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

Huawei“หัวเว่ย เชื่อว่านักพัฒนา คือ สถาปนิกของยุค ซึ่งการสร้างแรงผลักดันจากนักพัฒนา คือ จุดเริ่มต้นของนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งการให้คนรุ่นใหม่ ได้มีโอกาสในการเรียนรู้ และทดลองลงมือทำจริง ๆ ด้วยการใช้เทคโนโลยี Cloud และ AI จะช่วยให้เกิดนักพัฒนาที่มีทักษะ และสกิลที่สามารถสร้างนวัตกรรมที่มีประโยชน์ตอบโจทย์ความต้องการ

ของตลาด และองค์กรธุรกิจ ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันนี้เราเริ่มเห็นการใช้นวัตกรรมดิจทัล เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรื่องของการสร้างบุคลากรนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้าง Eco System ที่จะช่วยทัังในด้าน การประยุกต์ใช้ การป่องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยี

และทำให้สามารถก้าวไปสู่การสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศได้อย่างยั่งยืน ดังนั้นการสร้างบุคลากรที่มีความรู้ และความเข้าใจในเทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งขาดไม่ได้ คำถามคือทำไมต้องผลักดัน AI คำตอบคือเพราะนวัตกรรมใหม่จะเกิดขึ้นได้ต้องมี Data ยิ่ง Data มากขึ้นการใช้ Cloud เองก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจึงต้องสร้างความรู้ทั้ง 2 เรื่อง” ดร.ชวพล กล่าว

Huawei

โดยตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา หัวเว่ย ได้รวมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยกว่า 50 แห่ง ผ่านโครงการ ICT Academy แบบต่าง ๆ อาทิ การจัดการแข่งขัน, การฝึกอบรม, การฝึกงาน และให้คำปรึกษาทางเทคนิค ซึ่งตลอดระยะเวลาดังกล่าว หัวเว่ย สามารถพัฒนาบุคลากรดิจิทัลในไทยได้เกือบ 100,000 คน

รวมถึงสามารถสร้างนักพัฒนา AI บนระบบคลาวด์ชั้นสูงได้กว่า 12,000 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสร้างโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการเติบโด และนวัตกรรมในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับความร่วมมือกับทาง จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย

เกิดขึ้นได้จากเป้าหมาย และความต้องการที่มีร่วมกันในการเดินหน้าพัฒนาบุคลากรทางด้าน ICT ในประเทศไทยให้มากขึ้น

Huawei

ด้าน ผศ.ดร.อรรถวิทย์ สุดแสง Asst. Prof. Attawith Sudsang, Ph.D. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลเพื่อทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ยุคอัจฉริยะได้แย้างมั่นคง

อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่นักศึกษาให้สามารถแสดงออกถึงความสร้างสรรค์ทางด้านนวัฒกรรม และได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของประเทศได้ดียิ่งขึ้น

Huawei

“งานของมหาวิทยาลัยวันนนี้ไม่ใช่แค่การพัฒนาบุคลากรเพื่อป้อนสู่ตลาดแรงงงานเท่านั้น แต่ต้องสร้างแรงงานที่มีความรู้ความเข้าใจในด้านของเทคโนโลยีตั้งแต่พื้นฐาน ความรู้ความสามารถที่ปรับตัวได้ทันในภาวะสังคม และบริบทจริง เพื่อให้สามารถนำไปต่อยอดได้ทันทีเมื่อนักศึกษาก้าวสู่การทำงานจริง ๆ

ดังนั้นการสานความร่วมมือกับเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ จะช่วยให้เป้าหมายในการสร้างบุลากรที่มีความรู้ความสามารถ และปรับตัวได้อย่างรวดเร็วแม้ว่าเทคโนโลยีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ก็ยังสามารถป้อนแรงงานสู้ตลาดแรงงานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ประเทศไม่เกิดภาวะขาดแรงงานด้านดิจิทัลในอนาคต” ผศ.ดร.อรรถวิทย์ กล่าว

Huawei
หวัง เหยา ผู้อำนวยการสำนักงานระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยไปรษณีย์ และโทรคมนาคมปักกิ่ง

ขณะที่ หวัง เหยา ผู้อำนวยการสำนักงานระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยไปรษณีย์ และโทรคมนาคมปักกิ่ง กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมก่อตั้ง “Huawei Academy” ทาง BUPT ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ปฎิบัติงานจริงจาก 3 มิติ ได้แก่ การบูรณาการอุตสาหกรรม และการศึกษา, การศึกษาอัจฉริยะ

และการพัฒนาบุคลากรดิจิทัล ซึ่ง BUPT มุ่งมั่นในการสำรวจโมเดลความร่วมมือใหม่ ๆ กับภาคเอกชน เพื่อดำเนินการในการสร้างแพลตฟอร์มต่าง ๆ อาทิ UNTES Future Leaming Center ซึ่งมุ่งเตรียมความบุคคลากรสำหรับยุคอัจฉริยะ

ในงานดังกล่าว ทีมผู้ชนะหลายทีมได้แบ่งปันกรณีศึกษาที่นำการนวัตกรรมบนแพลตฟอร์ม หัวเว่ย คลาวด์ ไปประยุกต์ใช้ เช่น ทีมหนึ่งได้พัฒนาระบบเสริมการบำบัดการพูดทางไกลโดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อให้การสนับสนุนการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และสะดวกยิ่งขึ้น สำหรับผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางภาษา

อีกทีมได้ออกแบบระบบการจัดการอาคารอัจฉริยะแบบบูรณาการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในการบริหารจัดการอาคารผ่านการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ โครงการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพ และความสามารถของนักพัฒนาในการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหา

ที่เป็นรูปธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ หัวเว่ย และพันธมิตรทางธุรกิจจากประเทศไทยกว่า 10 ราย ได้จัดงาน Job Fair ภายใต้กิจกรรมเสริมในครั้งนี้ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มให้กับองค์กรชั้นนำได้เชื่อมโยงกับนักพัฒนาและนักศึกษาที่มีความสามารถ

โอกาสนี้ช่วยในการคัดเลือก และดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพ พร้อมทั้งเปิดโอกาสในการสำรวจความร่วมมือในอนาคต เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่มีความคล่องตัว และยั่งยืน สำหรับทีมที่ชนะการแข่งขัน Huawei Developer Competition จะได้รับรางวัลรวมมูลค่า 34,000 ดอลลาร์สหรัฐ

การฝึกอบรมทางเทคนิคที่มุ่งเน้นด้าน หัวเว่ย คลาวด์ พร้อมโอกาสในการร่วมมือกับหัวเว่ยในโครงการต่าง ๆ ในอนาคต ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีในภูมิภาคนี้

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay