เทเลนอร์ เอเชีย (Telenor Asia) เผยผลสำรวจพฤติกรรม และทัศนคติด้านดิจิทัลของประเทศไทย พบใช้ AI เพื่อความบันเทิงมากกว่าใช้ทำงาน…
Telenor Asia เผยผลสำรวจ Digital Lives Decoded Thailand พบใช้ AI เพื่อความบันเทิงมากกว่าใช้ทำงาน

มานิช่า โดกรา รองประธานอาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กร และความยั่งยืน ของ เทเลนอร์เอเชีย กล่าวว่า ผลสำรวจ “Digital Lives Decoded Thailand” โดยจากผลสำรวจพฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อเชื่อมโยงเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของผู้บริโภคในประเทศไทย
พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยส่วนมากใข้เวลาโดยเฉลี่ยในการใช้โทรศัพท์สมาร์ตโฟนกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน นอกจากนี้ยังพบตัวเลขที่ร่าสนใจกลุ่มผู้บริโภคเจนเนอเรชัน Gen X และ Baby Boomer กลายเป็นกลุ่มที่ใช้สมาร์ทโฟนมากถึง 4 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้การใช้ชีวิตสู่ดิจิทัลไลฟ์มากขึ้น และแสดงความตื่นเต้นเกี่ยวกับ AI มากกว่าคน Gen Z และ Millennials
แต่อย่างไรก็ดีจากการสำรวจยังพบว่าผู้บริโภคในไทยมีความขัดแย้งกันระหว่างการใช้งาน กับการป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานสมาร์ตโฟน เพื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่แม้จะมีความกังวลอย่างมากกับภัยออนไลน์เช่นการการขโมยข้อมูลตัวตน
โดย 3 ใน 4 คน รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของตนทางออนไลน์ได้ ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 68% การหลอกลวงทางการเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวยังเป็นปัญหาสำคัญอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย
โดยอย่างน้อย 1 ใน 2 ของกลุ่มคน ยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ดังกล่าวว่าจะถูกหลอกลวง หรือขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของตน จากการใช้งานอุปกรณ์ และแอปพลิเคชันที่หลอกลวง ในขณะเดียวกันก็ใช้สมาร์ตโฟนเพื่อความสะดวกสบายในชีวิต
แต่ขาดการเรียนรู้การป้องกัน หรือหาโซลูชั่นในการช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง โดยอัตราความเชื่อใจเว็บไซต์ของผู้บริโภคชาวไทยที่ตนใช้งาน เชื่อว่าเว็บไซต์เหล่านั้นจะสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวได้ ซึ่งพบว่ามีความชื่อใจมากถึงกว่า 38% เทียบกับ 21% ในประเทศสิงคโปร์ อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้บริษัท
ต่าง ๆ เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง เพื่อแลกกับข้อเสนอ และบริการส่วนบุคคลกว่า 6 ใน 10 เทียบกับประเทศมาเลเซีย และ 5 ใน 10 เทียบกับประเทศสิงคโปร์ สิ่งเหล่านี้เน้นย้ำถึงความย้อนแย้งในด้านของความเป็นส่วนตัวทั่วไป อย่างไรก็ตามในขณะที่ผู้คนแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว
แต่ไม่ยอมที่จะละทิ้งความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันโดยที่ยอมจำนนต่อการเสียความเป็นส่วนตัวบางส่วน ทั้งนี้ประชาชนในประเทศไทยยังคงมั่นใจในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของตนทางออนไลน์ และมีแนวโน้มน้อยที่สุดที่จะกังวลเกี่ยวกับวิธีที่บริษัทต่าง ๆ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้
นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบว่าผู้บริโภคชาวไทยในปัจจุบันให้ความสนใจในเรื่องของ AI มากขึ้น โดยผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 77% ระบุว่าใช้เครื่องมือ AI อยู่แล้ว โดยนำมาใช้เพื่อความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันมากกว่า โดย 51% ใช้กับโซเชี่ยลมีเดีย, 37% ใช้กับความบันเทิงบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง (เน็ตฟริก/ยูทูป),
28% ใช้เพื่อช้อปปิ้งออนไลน์, 20% ใช้เกี่ยวกับการท่องเที่ยว, 19% ใช้ในด้านการออกกำลังกาย และ 19% กิจกรรมประจำวัน, 16% ใช้ในเรื่องการเงิน, 85% เชื่อว่า AI จะส่งผลดีต่อการศึกษาในประเทศไทย และ 23% ไม่ได้ให้ความสนใจในการใช้งาน AI

ด้าน กุลนภา ชนะชมภู Director Leadership and Talent at Telenor Asia กล่าวว่า AI มีอิทธิพลเชิงบวกอย่างมากในที่ทำงานแต่ยังไม่ได้มีการค้นพบวิธีปรับใช้อย่างที่เป็นรูปธรรมมากนัก โดยการใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) ในประเทศไทยยังตามหลังตลาดอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการใช้เครื่องมือ AI ในสถานที่ทำงาน
โดยมีอัตราเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นที่ใช้ AI เพื่อการทำงาน เมื่อเทียบกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งอยู่ที่ 37% และสิงคโปร์ซึ่งอยู่ที่ 38% ซึ่งการทำงานเป็นพื้นที่ที่มีการใช้งานมากที่สุด โดยผู้ที่ใช้ AI เพื่อทำงานนั้นมีแนวโน้มสูงกว่าผู้ที่ไม่เชื่อว่า AI จะส่งผลบวกต่อความมั่นคงในการทำงานถึง 13%
นอกจากนี้ พวกเขายังมีแนวโน้มสูงกว่า 43% ที่จะเชื่อถือในข้อมูลที่สร้างโดย AI โดยเฉพาะจากแชทบอตของ AI อีกด้วย พบว่ามีเพียง 21% ของผู้บริโภคชาวไทย ที่ใช้ AI ในการทำงาน
โดยกลุ่มผู้มีรายได้สูงมีแนวโน้มที่จะเลือกใช้ AI ในที่ทำงานมากกว่า 21% นอกจากนี้ พวกเขามักจะมีมุมมองแง่บวกเกี่ยวกับอิทธิพลเชิงบวกของการใช้ AI ต่อสังคมมากขึ้น เนื่องจากมีการนำ AI มาใช้ในสถานที่ทำงานเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าจะส่งผลดีต่อส่วนอื่น ๆ ของสังคมด้วย
จากการสำรวจยังพบว่าอุปสรรคที่ทำให้การใช้ AI ในการทำงานในประเทศไทยเติบโตช้า มาจาก 4 ปัจจัย ได้แก่ การกลัวการถูกแย่งงานโดย AI, การขาดสกิลด้าน AI ของบุคลากรภายในองค์กร, การขาดทักษะด้าน AI และองค์กรยังไม่มีแนวทาง หรือวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนการใช้งาน AI ภายในองค์กร
“เพื่อประโยชน์ของการใช้งานสูงสุดจากเทรนด์ของเทคโนโลยีที่อยู่รอบ ๆ ตัวเราอย่างเต็มที่ การสร้างความเชื่อมั่น และให้ความสำคัญกับการศึกษาเรียนรู้ รวมถึงรับผิดชอบในการใช้งานด้านดิจิทัลถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ” มานิช่า โดกรา กล่าว
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th