ไอบีเอ็ม (IBM) เผยผลการศึกษาพบองค์กรไทยเล็งทุ่มงบ “ไฮบริดคลาวด์” กว่าครึ่งของคลาวด์ทั้งหมด ในระยะตลอดช่วงเวลา 3 ปีต่อจากนี้…
highlight
- คุณค่าที่ธุรกิจได้รับจากการนำเทคโนโลยีแพลตฟอร์มไฮบริดมัลติคลาวด์และโมเดลปฏิบัติการมาใช้ในวงกว้าง มากกว่าคุณค่าที่ได้จากแพลตฟอร์มเดียวบนระบบคลาวด์เดียว ถึง 5 เท่า
- องค์กรไทยจะลดงบการใช้จ่ายสำหรับพับลิคคลาวด์ลง จากร้อยละ 42 ในปัจจุบันเหลือเพียงร้อยละ 39 ภายในปี 2566
- คาดว่าภายในปี 2566 องค์กรไทยจะใช้งานคลาวด์เฉลี่ย 8 แห่ง โดยจะมีองค์กรเพียงร้อยละ 31 เท่านั้นที่มีกลยุทธ์การจัดการระบบมัลติคลาวด์แบบองค์รวมเพื่อรองรับ
IBM เผยผลการศึกษาพบองค์กรไทยเล็งทุ่มงบ “ไฮบริดคลาวด์” กว่าครึ่งของคลาวด์
การสำรวจของสถาบันการศึกษาคุณค่าทางธุรกิจของไอบีเอ็ม (IBV) ชี้ผู้บริหารระดับสูงของไทยกำลังวางแผนที่จะลงทุนในแพลตฟอร์มไฮบริดมัลติคลาวด์ (hybrid multi-cloud platform) เพื่อขับเคลื่อนทรานส์ฟอร์เมชันและปลดล็อกคุณค่าทางธุรกิจ โดย IBV ได้สำรวจผู้บริหารทั่วโลกกว่า 6,000 รายในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
ซึ่งรวมถึงผู้บริหารไทย 100 ท่าน เพื่อทำความเข้าใจในเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้งานระบบไฮบริดมัลติคลาวด์ในปัจจุบัน รวมถึงแนวทางในการจัดการระบบมัลติคลาวด์ เพื่อจัดทำเป็นรายงาน “ข้อได้เปรียบของแพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์ : ดาวที่ส่องนำทางองค์กรไทยไปสู่ทรานส์ฟอร์เมชัน“
โดย 20% ของผู้ตอบแบบสำรวจในประเทศไทย เปิดเผยว่าได้จัดสรรค่าใช้จ่ายด้านไอทีของตนไว้สำหรับระบบคลาวด์ โดยมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้จ่ายเกี่ยวกับไฮบริดคลาวด์จาก 44% ในปัจจุบันเป็น 49% ภายในปี 2566 ทั้งนี้ งบประมาณด้านคลาวด์ส่วนใหญ่จะถูกจัดสรรให้กับแพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์
และมีการตั้งเป้าที่จะลดค่าใช้จ่ายในด้านพับลิคคลาวด์ (public cloud) ลงจาก 42% ในปัจจุบันให้เหลือเพียงร้อยละ 39 ภายในปี 2566 ทั้งนี้ คาดว่าจะเห็นการเติบโตของคลาวด์ในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ทั่วโลก แต่จะเป็นการเติบโตในแง่จำนวนคลาวด์ที่ใช้
ซึ่งอาจเพิ่มไปถึง 11 แห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการประกันภัย โทรคมนาคม ค้าปลีก ธนาคาร และสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล่านี้จะขยายการใช้งานระบบมัลติคลาวด์อย่างต่อเนื่องในอีกสามปีข้างหน้า
นอกจากนี้ การศึกษายังยืนยันถึงผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ของการใช้แพลตฟอร์ม โดยผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า คุณค่าที่ได้รับจากการนำเทคโนโลยีแพลตฟอร์มไฮบริดมัลติคลาวด์และโมเดลปฏิบัติการมาใช้ในวงกว้าง มากกว่าคุณค่าที่ได้จากแพลตฟอร์มเดียวบนระบบคลาวด์เดียว ถึง 2.5 เท่า โดยรูปแบบการใช้งานแบบแพลตฟอร์มถูกมองว่าจะเป็นตัวเร่งการสร้างคุณค่าในวงกว้าง

กิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจคลาวด์และโซลูชันค็อกนิทิฟ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า การนำระบบคลาวด์มาใช้คือหัวใจสำคัญในการพัฒนาโมเดลธุรกิจแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบดิจิทัล สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ระบบไฮบริดมัลติคลาวด์จะเป็นตัวช่วยพื้นฐานที่สำคัญ
ของโมเดลปฏิบัติการขององค์กรต่าง ๆ ช่วยให้องค์กรเริ่มต้นการเดินทางสู่การเป็นองค์กรแบบค็อกนิทิฟในอนาคต นอกจากนี้ ระบบไฮบริดคลาวด์ยังช่วยเสริมการดำเนินงานทางธุรกิจ และเพิ่ม ROI ให้สูงยิ่งขึ้น เหล่านี้เป็นสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว
ดังตัวอย่างของธุรกิจชั้นนำต่างๆ ที่สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้สำเร็จด้วยการใช้แพลตฟอร์มการจัดการแบบไฮบริดคลาวด์ รวมถึงแพลตฟอร์มการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ
“ในประเทศไทย ธุรกิจชั้นนำประสบความสำเร็จในการทรานส์ฟอร์มธุรกิจโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแพลตฟอร์มไฮบริดมัลติคลาวด์ที่พร้อมมากับเอไอ ไอบีเอ็มทุ่มเทอย่างมากกับการสร้างระบบไฮบริดคลาวด์ที่มีความปลอดภัย ทำงานเชื่อมโยงกันได้ เปิดกว้าง และเป็นอิสระจากพันธนาการในเรื่อง vendor lock–in” กิตติพงษ์ กล่าว
เทรนด์เทคโนโลยีในประเทศไทยจากการศึกษา
- องค์กรไทยต้องการแพลตฟอร์มพัฒนาแอพพลิเคชันที่สามารถทำงานบนระบบคลาวด์ใดก็ได้ เวิร์คโหลดที่สามารถทำงานได้อย่างไร้รอยต่อบนคลาวด์ต่าง ๆ รวมถึงความสามารถในการควบคุมจัดการการบริการคลาวด์ต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม
- 46% ขององค์กรในประเทศไทยต่างตระหนักดีว่าคุณประโยชน์ในมุมกระบวนการทางธุรกิจและไอที มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำ application modernization เทียบกับองค์ทั่วโลกที่อยู่ที่ 58%
- 32% ขององค์กรไทยเชื่อว่าระบบโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์ ช่วยให้สามารถใช้ผู้ให้บริการหลายรายได้พร้อมกัน โดยไม่ต้องติดล็อกกับกับดัก vendor lock–in ขณะที่องค์กร 40% มองว่าช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีโอเพนซอร์สได้มากขึ้น
- สภาพแวดล้อมแบบมัลติคลาวด์นำสู่การทำ application modernization และการปรับปรุงกระบวนการ ที่นำไปสู่การปฏิรูปฟังก์ชันงานครั้งใหญ่ขององค์กรไทย
- 28% ของผู้บริหารในประเทศไทยกำลังเร่งดำเนินการ
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.freepik.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th