ไมเดีย กรุ๊ป (Midea Group) เปิดกลยุทธ์รุกภูมิภาคเอเชี
highlight
- ไมเดีย กรุ๊ป เดินกลยุทธ์รุกตลาดเอเชียแปซิฟิ
ก ปักหมุดไทยเป็นศูนย์กลางด้ านการผลิต การขาย และการกระจายสินค้า หนุนเป้าหมายในการก้าวขึ้นเป็ นผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้ าภายในบ้านของภูมิภาคนี้ในอีก 3 ปี โดยปัจจุบันไมเดีย กรุ๊ปเป็นผู้บริหารจัดการแบรนด์ ชั้นนำอย่าง ไมเดีย (Midea) โตชิบา (Toshiba) และคอมฟี (Comfee’)
Midea Group ปักหมุดไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต การขาย และกระจายสินค้า

มร. ซีล เจียง (Mr. Zeal Jiang) ประธาน ไมเดีย กรุ๊ป ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไมเดียได้มีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการสร้างงาน และความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศไทย
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงงานผลิตในประเทศไทยจำนวน 7 แห่ง ครอบคลุมการผลิตสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่เครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เตาไมโครเวฟ และเครื่องทำความสะอาด ไปจนถึงเทคโนโลยีระบบอาคาร เทคโนโลยีระบบอุตสาหกรรม
และชิ้นส่วนคอมเพรสเซอร์สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยมีพนักงานกว่า 10,000 คน ไมเดียจึงมีรากฐานที่มั่นคงในอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายการดำเนินงานเพิ่มเติม เพื่อตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนพนักงาน และเพิ่มกำลังการผลิตให้สูงขึ้นอีกด้วย
ในขณะที่ประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมทางด้านการเมืองที่มั่นคง มีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุน ทำให้ประเทศเป็นที่หมายสำคัญสำหรับการลงทุนในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของไมเดียในการเป็นผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
มุ่งเน้นยกระดับ “คุณภาพการผลิต และสร้างเครือข่าย“
แผนการขยายธุรกิจของ ไมเดีย กรุ๊ป จะมุ่งเน้นที่การยกระดับคุณภาพการผลิต เสริมสร้างเครือข่ายการกระจายสินค้า และพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีความพร้อมที่สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
และเพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ดังกล่าว เมื่อช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 ไมเดียได้ทำการเปิด ศูนย์กระจายสินค้าประจำภูมิภาค (Regional Distribution Centre : RDC) ที่มีพื้นที่จัดเก็บสินค้ารวม 1,000 ตารางเมตร ขึ้นในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่สามารถให้บริการได้ทั้งตลาดในประเทศ
และทั่วภูมิภาคเอเชียเอเชียแปซิฟิก ศูนย์ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าได้อย่างมาก เพราะช่วยลดระยะเวลาการจัดส่งสินค้าไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จาก 60 วัน เหลือเพียง 45 วัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน และยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า

นอกจากนี้ ในวันนี้ไมเดียยังได้เปิดสำนักงานประจำภูมิภาคแห่งใหม่ในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานของสำนักงานที่ประเทศสิงคโปร์ โครงสร้างแบบสำนักงานคู่เช่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพื่อรองรับตลาดทั้งเอเชียแปซิฟิก
โดยประเทศไทยจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในด้านการผลิตและกระจายสินค้า พร้อมกับขับเคลื่อนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกันระหว่างสองสำนักงาน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นอกจากนี้ ไมเดีย กรุ๊ป ยึดมั่นในวิสัยทัศน์ “Bringing Great Innovations to Life” มาโดยตลอด
ด้วยการผสานแนวทางความยั่งยืนเข้ารวมกับกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างลงตัว “Green Strategy” ของไมเดียแสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสูงสุดภายในปี พ.ศ. 2573 และความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2603 ผ่านการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนทั่วโลก
และนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตที่ดีกว่า บริษัทฯ ยังมีโครงการริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมมากมายที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนการดำเนินงาน ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต กระบวนการรีไซเคิล การจัดซื้อ การขนส่ง และการให้บริการ
ด้วยศูนย์นวัตกรรม 33 แห่งทั่วโลก และความมุ่งมั่นในด้านการวิจัยและพัฒนา ทำให้ ไมเดีย กรุ๊ป ได้รับสิทธิบัตรกว่า 100,000 ฉบับจนถึงปัจจุบัน และยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมต่อไป ความสำเร็จเหล่านี้รวมถึงการได้รับการรับรองด้านคาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) ของผลิตภัณฑ์มากกว่า 40 รายการ
ใน 9 หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ ช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ สนับสนุนให้ผู้บริโภคมีไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมด้วยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th