Midea Group ปักหมุดไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต การขาย และกระจายสินค้า

Midea Group

ไมเดีย กรุ๊ป (Midea Group) เปิดกลยุทธ์รุกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปักหมุดไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต การขาย และกระจายสินค้า…

highlight

  • ไมเดีย กรุ๊ป เดินกลยุทธ์รุกตลาดเอเชียแปซิฟิก ปักหมุดไทยเป็นศูนย์กลางด้านการผลิต การขาย และการกระจายสินค้า หนุนเป้าหมายในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของภูมิภาคนี้ในอีก ปี โดยปัจจุบันไมเดีย กรุ๊ปเป็นผู้บริหารจัดการแบรนด์ชั้นนำอย่าง ไมเดีย (Midea) โตชิบา (Toshibaและคอมฟี (Comfee’)

Midea Group ปักหมุดไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต การขาย และกระจายสินค้า

Midea Group
มร. ซีล เจียง (Mr. Zeal Jiang) ประธาน ไมเดีย กรุ๊ป ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

มร. ซีล เจียง (Mr. Zeal Jiang) ประธาน ไมเดีย กรุ๊ป ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไมเดียได้มีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการสร้างงาน และความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศไทย

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงงานผลิตในประเทศไทยจำนวน 7 แห่ง ครอบคลุมการผลิตสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่เครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เตาไมโครเวฟ และเครื่องทำความสะอาด ไปจนถึงเทคโนโลยีระบบอาคาร เทคโนโลยีระบบอุตสาหกรรม

และชิ้นส่วนคอมเพรสเซอร์สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยมีพนักงานกว่า 10,000 คน ไมเดียจึงมีรากฐานที่มั่นคงในอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายการดำเนินงานเพิ่มเติม เพื่อตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนพนักงาน และเพิ่มกำลังการผลิตให้สูงขึ้นอีกด้วย

ในขณะที่ประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมทางด้านการเมืองที่มั่นคง มีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุน ทำให้ประเทศเป็นที่หมายสำคัญสำหรับการลงทุนในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของไมเดียในการเป็นผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

มุ่งเน้นยกระดับ “คุณภาพการผลิต และสร้างเครือข่าย

Midea Group

แผนการขยายธุรกิจของ ไมเดีย กรุ๊ป จะมุ่งเน้นที่การยกระดับคุณภาพการผลิต เสริมสร้างเครือข่ายการกระจายสินค้า และพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีความพร้อมที่สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย

และเพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ดังกล่าว เมื่อช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 ไมเดียได้ทำการเปิด ศูนย์กระจายสินค้าประจำภูมิภาค (Regional Distribution Centre : RDC) ที่มีพื้นที่จัดเก็บสินค้ารวม 1,000 ตารางเมตร ขึ้นในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่สามารถให้บริการได้ทั้งตลาดในประเทศ

และทั่วภูมิภาคเอเชียเอเชียแปซิฟิก ศูนย์ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าได้อย่างมาก เพราะช่วยลดระยะเวลาการจัดส่งสินค้าไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จาก 60 วัน เหลือเพียง 45 วัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน และยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า

Midea Group
มร. ซีล เจียง (Mr. Zeal Jiang) ประธาน ไมเดีย กรุ๊ป ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

นอกจากนี้ ในวันนี้ไมเดียยังได้เปิดสำนักงานประจำภูมิภาคแห่งใหม่ในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานของสำนักงานที่ประเทศสิงคโปร์ โครงสร้างแบบสำนักงานคู่เช่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพื่อรองรับตลาดทั้งเอเชียแปซิฟิก

โดยประเทศไทยจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในด้านการผลิตและกระจายสินค้า พร้อมกับขับเคลื่อนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกันระหว่างสองสำนักงาน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นอกจากนี้ ไมเดีย กรุ๊ป ยึดมั่นในวิสัยทัศน์ “Bringing Great Innovations to Life” มาโดยตลอด

ด้วยการผสานแนวทางความยั่งยืนเข้ารวมกับกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างลงตัว “Green Strategy” ของไมเดียแสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสูงสุดภายในปี พ.ศ. 2573 และความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2603 ผ่านการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนทั่วโลก

และนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตที่ดีกว่า บริษัทฯ ยังมีโครงการริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมมากมายที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนการดำเนินงาน ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต กระบวนการรีไซเคิล การจัดซื้อ การขนส่ง และการให้บริการ

ด้วยศูนย์นวัตกรรม 33 แห่งทั่วโลก และความมุ่งมั่นในด้านการวิจัยและพัฒนา ทำให้ ไมเดีย กรุ๊ป ได้รับสิทธิบัตรกว่า 100,000 ฉบับจนถึงปัจจุบัน และยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมต่อไป ความสำเร็จเหล่านี้รวมถึงการได้รับการรับรองด้านคาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) ของผลิตภัณฑ์มากกว่า 40 รายการ

ใน 9 หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ ช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ สนับสนุนให้ผู้บริโภคมีไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมด้วยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay