ทีมวิวเออร์ (TeamViewer) ร่วมกับพันธมิตรในประเทศไทย เจาะตลาดเพื่อช่วยเร่งให้องค์กรไทย เข้าสู่ “เมตาเวิร์ส” (Metaverse) ได้รวดเร็วขึ้น…
TeamViewer ร่วมกับพันธมิตร ช่วยเร่งให้องค์กรไทยเข้าสู่ “Metaverse” ได้รวดเร็วขึ้น
ทีมวิวเออร์ เดินหน้าจัดงาน TeamViewer Augmented Reality Experience Day ในประเทศไทย ทีมวิวเออร์ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกในการให้บริการการเชื่อมต่อระยะไกล และโซลูชั่นการเชื่อมต่อ/เข้าถึงจากระยะไกลสำหรับองค์กร
เผยถึงแผนธุรกิจที่สนับสนุนอุตสาหกรรมหลักในการเร่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญเพื่อปรับปรุงผลิตภาพ และประสิทธิภาพโดยรวม
จากจุดเริ่มต้นธุรกิจด้วยซอฟท์แวร์การเข้าถึงระยะไกลและสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ณ ประเทศเยอรมนี ในปี 2548 ปัจจุบันทีมวิวเออร์ได้กลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ช่วยสนับสนุนให้บริษัททุกขนาด ในทุกอุตสาหกรรมสามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจ
และปรับกระบวนการทำงานด้วยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี ทั้งนี้ โซลูชั่นจากการเชื่อมต่อระยะไกลของทีมวิวเออร์ นอกจากจะช่วยให้บริษัทบริหารจัดการการออกแบบโครงสร้างระบบไอที และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำนักงานแล้ว ยังช่วยให้การเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ปฏิบัติการทางเทคโนโลยี หรือ ระบบที่ฝังตัวในคอมพิวเตอร์ได้จากระยะไกลอีกด้วย
บริษัทมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ซอฟท์แวร์การเข้าถึงระยะไกล และอุปกรณ์สนับสนุน ไปจนถึงการจัดการการเชื่อมต่อเครือข่ายในบริษัท และโซลูชั่นจากการจัดกระบวนการธุรกิจเป็นแบบดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีการผสานโลกเสมือนเพิ่มเข้าไปในโลกจริง
ในหลายปีที่ผ่านมา ทีมวิวเออร์ ไม่เพียงแต่ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านโซลูชั่น แต่ยังได้ขยายกิจการไปทั่วโลก ซึ่งรวมถึงเขตเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก โดยเปิดสำนักงานในประเทศอินเดีย ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น และล่าสุดในประเทศเกาหลี สำหรับประเทศไทยนั้น มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 2 ของภูมิภาคอาเซียน
และอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากการมุ่งเน้นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล อันเป็นผลมาจากการใช้อินเตอร์เน็ตอย่างกว้างขวาง รวมถึงการผลักดันของรัฐบาลในการเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจเป็นรูปแบบดิจิทัล
ตลาดด้านไอทีของประเทศไทยจะเติบโตมากกว่า 13% ในแต่ละปี และภายในสิ้นปีนี้จะมีมูลค่า 527 พันล้านบาท โดยประเด็นหลักที่สนับสนุนการเติบโต คือ การใช้อุปกรณ์และสื่อดิจิทัลอย่างแพร่หลายในทุกอุตสาหกรรม ในภาคบริการ และแนวโน้มการเจริญเติบโตของการใช้งานในทุกภาคส่วน
ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มทางด้านโซเชียล สังคมไร้เงินสด, บล็อกเชน, แชทบอท, โปรแกรมเมติค และคลิปวีดีโอในรูปแบบ 3 มิติ Augmented Reality และ Virtual Reality
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในสามลำดับแรก รองจากประเทศสิงคโปร์ และประเทศมาเลเซีย ที่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ในเรื่องความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทุนมนุษย์ การลงทุนการค้าโลก กรอบการบริหารภาครัฐ
เช่น นโยบาย และการให้ความสนับสนุน ตลอดจนด้านทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การใช้อุปกรณ์สวมใส่สำหรับ Augmented Reality และ Virtual Reality เป็น 1 ใน 5 เทคโนโลยีหลักที่จะช่วยให้ภาคการผลิตนำไปใช้ และปรับเปลี่ยนไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ได้
ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ทีมวิวเออร์ได้ลงทุนในด้าน Augmented Reality อย่างมีนัยสำคัญ และกำลังจะนำเสนอแพลตฟอร์มชั้นนำในการผสานโลกเสมือนเข้ากับโลกจริงขององค์กร ด้วยการเสนอชุดของความสามารถโดยรวมในการผสานโลกเสมือนเข้ากับโลกจริง (Augmented Reality) และความจริงแบบผสม (Mixed Reality)
ตลอดจนได้เพิ่มคุณสมบัติปัญญาประดิษฐ์เข้าไปเมื่อไม่นานมานี้ด้วย เราจึงมองว่าทีมวิวเออร์เป็นผู้ผลักดันหลักในอุตสาหกรรมเมตาเวิร์ส ที่พัฒนาโซลูชั่นที่มีคุณค่าอย่างมากมาย หนึ่งในตัวอย่างนั้น คือการใช้ซอฟท์แวร์ทีมวิวเออร์ฝึกอบรมในสถานการณ์ต่าง ๆ
อาทิ ในอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยพนักงานใหม่จะได้เรียนรู้ว่าจะตรวจสอบ และซ่อมรถยนต์อย่างไรจากภาพแสง 3 มิติลอยตัวรอบด้านเสมือนจริง (โฮโลแกรม) พร้อมทั้งคำแนะนำ ผ่านการใช้แว่นผสมผสานความจริงอย่างไมโครซอฟท์โฮโลเลนส์ และความสามารถเชิงพื้นที่ภายในแพลตฟอร์มหน้างานของทีมวิวเออร์
การปรับกระบวนการทำงานของพนักงานหน้างานเป็นแบบดิจิทัลด้วยโซลูชั่นของอุตสาหกรรมที่ได้จากการผสานโลกเสมือนเข้าไปในโลกจริง และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารไอที / การทำงานล่วงเวลา ด้วยการเชื่อมต่อจากระยะไกล
ทีมวิวเออร์นำเสนอแพลตฟอร์ม Frontline ที่ผสานโลกเสมือนเข้าไปในโลกจริงขององค์กร ที่ช่วยให้บริษัทปรับใช้กระบวนการทำงานดิจิทัลสำหรับพนักงานหน้างานที่โรงงาน โดยใช้ซอฟต์แวร์ที่สั่งการทำงานผ่านแว่นอัจฉริยะ และอุปกรณ์เคลื่อนที่ Frontline จะช่วยสร้างขั้นตอนที่ชี้นำการทำงานทีละขั้นอย่างง่ายดาย
ตลอดจนแก้ไขปัญหาจากระยะไกลได้อย่างชัดเจน น่าเชื่อถือ และแบ่งปันความรู้เชิงเนื้อหาผ่านกล้องที่แชร์ภาพสด และคำอธิบายประกอบภาพเสมือนที่ซ้อนทับบนวัตถุจริง
ทั้งนี้ รวมถึงโซลูชั่นแบบพร้อมใช้งานสำหรับการรับคำสั่ง การประกอบชิ้นส่วน การประกันคุณภาพ การบำรุงรักษาและตรวจสอบ การฝึกอบรม และการให้ความช่วยเหลือจากทางไกล ซึ่งในขณะเดียวกันก็สามารถปรับรูปแบบได้หลากหลายให้เหมาะกับสถานการณ์
โซจุง ลี ประธานกลุ่มเอเชียแปซิฟิกได้อธิบายถึงความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่ของอุตสาหกรรมเมตาเวิร์ส พร้อมกับวิสัยทัศน์ของทีมวิวเออร์ ไว้ว่า เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การเชื่อมต่อระยะไกล และการผสานโลกเสมือนเข้าไปในโลกจริงจะเปลี่ยนรูปแบบของสถานที่ทำงานในอนาคต “อุตสาหกรรมเมตาเวิร์ส“
ได้กลายเป็นก้าวย่างต่อไปที่โลกจริง และโลกดิจิทัลจะมาบรรจบกัน เราเห็นศักยภาพที่ดีของประเทศไทยในการเปลี่ยนองค์กรไปสู่ดิจิทัล ซึ่งกำลังได้รับการเร่งรัดอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทีมวิวเออร์จึงมุ่งเน้นที่จะขับเคลื่อนการเชื่อมต่อระยะไกล และโซลูชั่นจากการผสานโลกเสมือนเข้าไปในโลกจริงสำหรับบริษัททุกขนาด
ไม่ว่าในอุตสาหกรรมใด เพื่อช่วยให้บริษัทเหล่านั้นประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด ทั้งนี้ การขยายงานของทีมวิวเออร์ในตลาดไทยซึ่งมีศักยภาพการเติบโตสูง และมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ เป็นหนึ่งในการริเริ่มที่สำคัญของบริษัทที่จะเสริมความเข้มแข็งในการขยายฐานธุรกิจเข้ามาในกลุ่มประเทศ
ในเอเชียแปซิฟิก และเราจะมุ่งสร้างระบบนิเวศน์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแรงไปพร้อมกับพันธมิตรท้องถิ่น รวมถึงพันธมิตรทางช่องทางจำหน่าย และผู้จัดจำหน่าย
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th