เทเลเฮ้าส์ (Telehouse) ทุ่ม 2.5 พันล้าน เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์พลังงานหมุนเวียนในไทย พร้อมตั้งเป้ามุ่งสู่การเป็นศูนย์รวมในการเชื่อมต่อภายในภูมิภาค และทั่วโลก…
highlight
- เทเลเฮ้าส์ หนึ่งในผู้นำด้านการให้บริ
การดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์แห่ งแรกในประเทศไทยแล้ววันนี้ โดยตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 9 ในกรุงเทพฯ ด้วยเงินลงทุน 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 2.5 พันล้านบาท โดยดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้ มุ่งที่จะเป็นศูนย์รวมในการเชื่ อมต่อภายในภูมิภาค และทั่วโลก และยังเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่ งแรกในประเทศไทยที่ใช้พลั งงานหมุนเวียน 100%
Telehouse ทุ่ม 2.5 พันล้าน เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์พลังงานหมุนเวียนแบบ 100% ในไทย
เคอิจิ โมริ รองกรรมการผู้จัดการ และกรรมการ บริษัท เค ดี ดี ไอ คอร์เปอร์เรชัน กล่าวว่า อย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันเทรนด์การใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างมหาศาล โดยในประเทศไทยเองการเติบโตของเทคโนโลยี 5G และอุปกรณ์ IoT ทำให้เกืดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากขึ้น
และทำให้เกิดข้อมูล (Data) จำนวนมหาศาลโดยจะมีการเติบโตเฉลี่ย 26% ทุกปี นอกจากนี้ยังพบว่ามีปริมาณการใช้ข้อมูลในส่วนของการรับชม Video/Clip ในแฟลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วโลก มากถึง 82% จากในปี 2017 (75%) ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูล หรือ ดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center)
ซึ่งคาดว่าภายใน 5 ปี (2564-2568) หรือในปี 2025 ผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูล หรือ ดาต้าเซ็นเตอร์ จะเติบโตโดยเฉลี่ย 21% (ประมาณ 17 ล้านล้านบาท) ซึ่ง เทเลเฮ้าส์ เองก็มีความพร้อมที่จะเชื่อมต่อให้กับ ผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูล หรือ ดาต้าเซ็นเตอร์ รายอื่น ๆ เนื่องจากมีสาขามากกว่า 45 แห่ง ใน 10 ประเทศทั่วโลก
อีกทั้งยังมีพันธมิตรทางธุรกิจมากกว่า 3,000 ราย ที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจการบริการโทรคมนาคม, ผู่ให้บริการทางด้านคอนเทนต์ และธุรกิจที่ให้บริการทางด้านการเงิน นอกจากนี้ด้วยประสบการณ์ในการทำธุรกิจของ เทเลเฮ้าส์ ที่ให้บริการศูนย์ข้อมูล หรือ ดาต้าเซ็นเตอร์ มาแล้วทั่วโลก จะช่วยให้ ดาต้าเซ็นเตอร์ ในประเทศไทย
กลายเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และผลักดันให้เกิดกระบวนการที่นำเอา ดิจิทัลเทคโนโลยี มาทรานส์ฟอร์มธุรกิจ (Digital Transformation) ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ดาต้าเซ็นเตอร์ ของ เทเลเฮ้าส์ ในประเทศไทย ยังมีทำเลที่ดีเนื่องจากอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่มีตั้งอยู่ที่ย่านพระราม 9
ซึ่งเป็นย่านธุรกิจใกล้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับสถานที่ตั้งเครือข่ายผู้ให้บริการเครือข่ายในพื้นที่ ลูกค้าจึงสามารถใช้งานเครือข่ายคุณภาพระดับพรีเมี่ยมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้สะดวกในการเดินทาง
ทุ่มงบ 2.5 พันล้าน ให้มีความพร้อมในการเชื่อมโยงข้อมูล
โดยการลงทุ่นสร้าง ดาต้าเซ็นเตอร์ ในประเทศไทย เทเลเฮ้าส์ ได้ใช้งบการลงทุนไปกว่า 2.5 พันล้านบาท (74 ล้านดอลลาร์) เพื่อทำให้ ดาต้าเซ็นเตอร์ ของ เทเลเฮ้าส์ ในประเทศไทย ให้มีความพร้อมในการเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อยกระดับธุรกิจให้เติบโตย่างรวดเร็ว โดย ดาต้าเซ็นเตอร์ ของ เทเลเฮ้าส์ ประเทศไทย ได้ใช้งบการลงทุน
ไปกว่า 2.5 พันล้านบาท (74 ล้านดอลลาร์) เพื่อวางระบบที่จำเป็นต่าง ๆ และสร้างอาคารที่มีพื้นที่อาคารกว้างขวางถึง 9,000 ตร.ม. ที่มาพร้อมด้วยกำลังการรับไฟฟ้าสูงสุ
โดย เทเลเฮ้าส์ ประเทศไทย ตั้งเป้าเป็น ดาต้าเซ็นเตอร์
ในส่วนของความปลอดภัย ดาต้าเซ็นเตอร์ ของ เทเลเฮ้าส์ ในประเทศไทย นั้นอยู่ในระดับมาตรฐาน Tier 3 Plus เป้นมาตราฐานของ เทเลเฮ้าส์ เอง โดยใน มาตรฐาน Tier 3 Plus จะมีในหลายส่วนที่ใกล้เคียงกับระดับ Tier 4 แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลายส่วนมีที่เหนือกว่าระดับมาตรฐาน Tier 3 ที่ผู้ให้บริการอื่น ๆ มีให้
อย่างไรก็ดี ดาต้าเซ็นเตอร์ ของ เทเลเฮ้าส์ ยืนยันว่ามีความปลอดภัยสูง และเป็นไปตามมาตรฐานที่จำเป็นของดาต้าเซ็นเตอร์ โดย เทเลเฮ้าส์ ดาต้าเซ็นเตอร์ บางกอก มีเครื่องสำรองไฟที่เชื่อถือได้ในกรณีที่ไฟดับ รวมถึงมีระบบระบายความร้อน และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
และยังอยู่ในทำเลที่ปลอดภัยจากอุทกภัยน้ำท่วมอีกด้ว นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายพื้นที่เมื่อมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นก็พร้อมขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มต่อไปในอนาคต จากที่กล่าวมาทำให้ เทเลเฮ้าส์ ประเทศไทย เป็นดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทำให้สามารถใช้งานเครือข่ายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดของผู้ให้บริารดาต้าเซ็นเตอร์รายหนึ่งของไทย
โดย ดาต้าเซ็นเตอร์ ของ เทเลเฮ้าส์ ถือเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ที่
ดาต้าเซ็นเตอร์ที่มอบระบบนิเวศ “การเชื่อมต่อ”

เคน มิยาชิตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเลเฮ้าส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า ดาต้าเซ็นเตอร์ ของ เทเลเฮ้าส์ แบบ Carrier Dense ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการโทรคมนาคม อินเทอร์เน็ต (Internet) และคลาวด์ (Coud) ด้วยค่าความหน่วง (Latency) ต่ำได้
ในแง่ของสาเหตุของการโดดเข้ามาทำตลาด ดาต้าเซ็นเตอร์ ในประเทศไทย ของ เทเลเฮ้าส์ นั้น ต้องบอกว่าประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ มีการใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ต และบริการบนดิจิทัล รวมถึงการรับชมคอนเท้นท์ต่าง ๆ มากเป็นอันดับต้นของภูมิภาคนี้อีกด้วย
ดาต้าเซ็นเตอร์ ของ เทเลเฮ้าส์ ในประเทศไทย พร้อมต่อยอดสู่การเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความปลอดภัย และเชื่อถือได้ และเรามีความพร้อมที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคแห่งนี้ และสนันสนุนการพัฒนาสังคมดิจิตัลของประเทศไทย และภูมิภาคต่อไป
ปัจจุบัน เทเลเฮ้าส์ ประเทศไทย มีพันธมิตรแล้วมากกว่า 10 ราย ไม่ว่าจะเป็น ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ผู้ให้บริการคลาวด์ และผู้ให้บริการคอนเท้นต์ รวมถึงพาร์ทเนอร์ที่ส่งมอบโซลูชันส์ให้ลูกค้าองค์กร ที่ช่วยสร้างความพร้อมของระบบนิเวศทาง “การเชื่อมต่อ“ ในดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้
นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีภูมิศาสตที่ดีในการการเชื่อมโยงไปยังประเทศต่าง ๆ ในกลุ่ม CLMV อาทิ กัมพูชา (Cambodia) ลาว (Laos) เมียนมาร์ (Myanmar) และเวียดนาม (Vietnam) ซึ่งมีประชากรรวมกว่า 245 ล้านคน ได้อีกด้วย
ซึ่งจากแนวทางในการให้บริการ ของ เทเลเฮ้าส์ ประเทศไทย เชื่อว่าจะสามารถสร้างพันธมิตรใหม่ ๆ ได้ 30 ราย ภายในปี 2566 นี้ โดยนอกจากเป้าหมายในการพัฒนา และส่งเสริมระบบโครงข่ายในประเทศไทย เทเลเฮ้าส์ ยังเล็งเห็นความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม
เทเลเฮ้าส์ ประเทศไทย พร้อมตั้งเป้าเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายทั่วโลกของ เทเลเฮ้าส์ ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2569 อีกด้วย
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th