ไปรษณีย์ไทย (Thailand Post) โชว์ผลประกอบการ 9 เดือนของปี 67 รายได้พุ่งแตะ 1.58 หมื่นล้าน จากธุรกิจขนส่ง และโลจิสติกส์ ลั่น!!เตรียมวางนโยบาย AI ภายในปี 68 เพื่อศึกษาแนวทางการให้บริการใหม่ ๆ…
highlight
- บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดรายได้ 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) ปี 2567 มีรายได้รวม 15,858.67 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูงสุดคือกลุ่มธุรกิจขนส่ง และโลจิสติกส์ พร้อมเผยปริมาณงานธุรกิจขนส่งในประเทศปี 2567 มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) เติบโตราว 8.07% จากความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการ บริการรองรับความต้องการที่หลากหลาย ความรวดเร็วในการขนส่ง และมุ่งกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกแสวงหารายได้จาก “Digital & Physical Services” เพื่อเพิ่มปริมาณงานและรายได้จากกลุ่มลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่
Thailand Post โชว์รายได้ 9 เดือน แตะ 1.58 หมื่นล้าน หวังแชร์ตลาด 30% ในปี 68
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรก ของปี 2567 (ม.ค.-ก.ย.) ไปรษณีย์ไทยทำรายได้รวม 15,858.67 ล้านบาท โดยธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุดมาจาก กลุ่มธุรกิจขนส่ง และโลจิสติกส์ 46.48% ซึ่งเติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ราว 3.34% สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น ค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ
“ปริมาณงานธุรกิจขนส่งในประเทศ 2567 เปรียบเทียบกับ 2566 มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ ซึ่งเป็นผลจากเสถียรภาพ และความเชื่อมั่นของภาพรวมงานบริการ และโซลูชันที่ไปรษณีย์ไทยได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความมุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์ของของลูกค้าทุกกลุ่ม
ซึ่งปรากฏว่าบริการพัสดุไปรษณีย์ในประเทศเติบโตที่ 18.45% ขณะที่บริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) เติบโตราว 8.07% สะท้อนถึงการได้รับความเชื่อมั่นจากคนไทย ยืนยันด้วยผลสำรวจความเชื่อมั่นในแบรนด์ไปรษณีย์ไทย 2567 สูงถึง 91.87%“
ภายในปี 2568 ไปรษณีย์ไทยยังมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายทั้ง Physical และ Digital และระบบงานไปรษณีย์ร่วมกับพันธมิตรสร้างประโยชน์ในหลากมิติ ส่งผลให้มีบริการขนส่งที่หลากหลายทั้งใน และต่างประเทศอย่างครบวงจร บริการทางการเงิน การส่งเสริมค้าปลีก การพัฒนา และสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับ ทุกความต้องการของลูกค้า ผ่าน 4 กลยุทธ์ คือ
เพิ่มมูลค่า สร้างความแตกต่าง : ไปรษณีย์ไทยจะขยายขอบเขตบริการ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริการระหว่างประเทศ เช่น พัฒนาระบบงานคลังสินค้าครบวงจร บริการ document warehouse พัฒนา
การขนส่งสินค้าเข้าคลัง Amazon FBA พัฒนาการขนส่งสินค้าแบบ Virtual Address
ปรับธุรกิจบริการดิจิทัล : รองรับการเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจ และสังคม สนับสนุนส่งเสริมธุรกิจอื่น ๆ ของไทยให้เติบโตตามแนวทาง Connecting-the-dots นำสิ่งที่ทุกคนต้องการเชื่อมโยงได้ด้วยทรัพยากรที่โดดเด่น
ของไปรษณีย์ไทย เช่น Prompt POST ระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร
ที่มีจุดเด่นทั้ง Digital Postbox ตัวกลางในการรับส่งเอกสารหรือข้อมูลออนไลน์ระหว่างหน่วยงานกับหน่วยงาน และหน่วยงานกับประชาชน ปลอดภัยจากสแปม และจดหมายทุกฉบับสามารถมั่นใจได้ว่ามาจากบุคคล และองค์กรตัวจริง จากการรองรับการยืนยันตัวตน ในระบบที่เชื่อถือได้ D/ID
ซึ่งเป็น Post ID ส่วนบุคคลที่จะมีการเริ่มใช้จริงต้นปี 2568 ด้วยระบบ QR CODE ที่จะเป็นทางเลือกการจ่าหน้า ช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างการจัดส่งสิ่งของ ล้ำกว่าระบบพิกัดตำแหน่งทั่วไปด้วยการบอกพิกัดแนวดิ่งได้ทำให้สามารถระบุที่อยู่สำหรับผู้ที่อยู่ในอาคารสูงได้ และเมื่อผู้ใช้งาน มีการแก้ไขข้อมูลที่อยู่ในระบบ D/ID
ข้อมูลที่อยู่ซึ่งเดิมไว้ใช้ติดต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ไปยังหน่วยงานปลายทางโดยอัตโนมัติ Postman Cloud ที่ใช้บุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 คนทั่วประเทศ ในการให้บริการ Postman as a Service
เช่น การเก็บข้อมูล รับส่งสิ่งของแบบ Point to Point และ Matching เชื่อมโยง Demand กับ Supply พัฒนาแพลตฟอร์ม e-marketplace โครงการ Virtual bank ให้บริการสินเชื่อกับประชาชน สามารถทำธุรกรรมฝากถอนเงินได้ที่สาขาของไปรษณีย์ทั่วประเทศ
ออกแบบบริการเฉพาะกลุ่ม : บริการไปรษณีย์ตอบรับในประเทศทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-AR) บริการ
Pick up Service สำหรับกลุ่ม e-marketplace ขยายจุด Drop Off ผ่านเครือข่ายพันธมิตร
เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ : สร้างความสัมพันธ์กับผู้ใช้บริการ สร้างประสบการที่ดีกับไปรษณีย์ไทย เช่น ระบบบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ร้าน POST Café เป็นพื้นที่ Cups of Connection ให้ทุกคนได้มาพบปะ และทำกิจกรรมร่วมกันในบรรยากาศที่เป็นกันเอง ทั้งนี้ ระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ย. 2567
“ไปรษณีย์ไทยมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มงานต่าง ๆ ได้แก่ กลุ่มบริการขนส่ง และโลจิสติกส์ 46.48% กลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์ 34.54% กลุ่มบริการระหว่างประเทศ 12.14% กลุ่มบริการค้าปลีก และการเงิน 4.48% กลุ่มธุรกิจอื่น ๆ 0.85% และรายได้อื่น ๆ 1.15%
โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทย เองก็สามารถครองส่วนแบ่งตลาดในอุตสาหกรรมการขนส่งได้กว่า 27% ซึ่งไปรษณีย์ไทยคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจากแนวทางใหม่ ๆ ที่ได้วางเอาจะให้ ไปรษณีย์ไทย เติบโตขึ้นถึง 30% ได้ภายในปี 2568″ ดร.ดนันท์ กล่าว
ปี 68 อัพเกรดสู่ความเป็น “ดิจิทัล” มากขึ้น!! พร้อมเตรียมศึกษา AI เพื่อยกระดับงานบริการ
ดร.ตฤณ ทวิธารานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบริการดิจิทัล บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวเสริมว่า ตัวระบบต่าง ๆ ที่ทาง ไปรษณีย์ไทย ได้ดำเนินการพัฒนาเพื่อให้รองรับการให้บริการในรูปแบบที่เป็นดิจิทัลมากขึ้นนั้นคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ของปี 2568
แต่เดิมที่ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะให้ดำเนินการได้ภายในปี 2567 นี้ โดยสาเหตุก็มาจากการที่ ไปรษณีย์ไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงภายในให้ทุกอย่างมีความพร้อมให้มากที่สุดทั้งหน้าบ้าน และหลังบ้าน โดยเฉพาะระบบรับฝากนำจ่ายที่แต่เดิมมีความยุ่งยากในการบริหารจัดการผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ ในไทย
ซึ่งผู้ให้บริการแต่ล่ะรายก็มีข้อมูล และแฟลตฟอร์มที่ใช้แตกต่างกันทำให้เรื่องของการเชื่อมโยงระบบระหว่างกันกลายเป็นปัญหาที่ทำให้ ไปรษณีย์ไทย ในอดีตที่ผ่านมาต้องหาโซลูชั่นในการเชื่อมโยงแต่ล่ะผู้ให้บริการ และเมื่อเกิดปัญหากับผู้ให้บริการรายหนึ่งก็ทำให้การเชื่อมต่อระบบของผู้ให้บริการอื่น ๆ ร่วนไปด้วย
ไปรษณีย์ไทย จึงเปลี่ยนแนวทางในการสร้างระบบในการเชื่อมโยงกันใหม่โดยไปรษณีย์ไทยได้เข้าพูดคุยกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั้งหมดเพื่อสอบถามถึงความต้องการแล้วจึงค่อยออกแบบระบบของไปรษณีย์ไทยกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั้งหมดให้เป็นระบบเดียวกัน และมีมาตราฐานเดียวกัน
ทั้งการนำจ่าย การติดตาม การชำระ ฯลฯ โดยเรียกว่า “THP Core” ซึ่งเมื่อสำเร็จปัญหาของเรื่องการนำจ่ายก็จะรวดเร็วมากขึ้น และยังจะช่วยให้เรื่องของการจ่ายค่าปรับที่เกิดความล่าช้าลดลงอย่างมาก รวมถึงยังจะช่วยทำให้ ไปรษณีย์ไทย สามารถทำตามระเบียบของการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้รับมือได้ดีขึ้น
ซึ่งไปรษณีย์ไทยวางเป้าเอาไว้ภายในปี 2569 หรือภายในอีก 2 ปี ไปรษณีย์ไทยจะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอนาคตได้ดีขึ้นกว่าเดิมเพื่อรองรับการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ อาทิ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) เป็นต้น โดยภายในปี 2568 ที่จะถึงนี้ ไปรษณีย์ไทย จะเริ่มวางนโยบายที่เกี่ยวกับการใช้ เอไอ (AI)
ในกระบวนการบริการของ ไปรษณีย์ไทย จากเดิมที่โครงสร้างพื้นฐานของไปรษณีย์ไทยไม่มีความสามารถในการรองรับเอไอได้เลย ซึ่งหากทำได้ความรวดเร็วในการดำเนินงานของไปรษณีย์ไทยน่าเพิ่มชึ้นกว่า 10% นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังมีแผนที่จะแสวงหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ จากนักพัฒนา (Start-Up)
เข้ามาเสริมให้บริการมีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เรียนรู้เส้นทางการขนส่ง, ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เรียนรู้จำนวนการใช้เชื้อเพลิงของรถขน, ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เรียนรู้ที่จะเข้าใจ และรู้จักพฤติกรรมผู้บริโภค เป็นต้น
ซึ่งทั้งหมดนี้ ไปรษณีย์ไทย ได้จัดสรรงบประมาณไว้กว่า 800 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนองค์กรของเราให้เป็นดิจิทัลมากขึ้น นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย ได้เริ่มยกระดับความสามารถทางดิจิทัลของพนักงานที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศแล้ว รวมถึงได้จัดทำโครงการที่จะดึงบุคลากรของเราเองที่มีศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีเข้ามาฝึกอบรมควบคู่ไปกับการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีของเราเองด้วย
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th